Previously 1
https://pantip.com/topic/37581924
Previously 2
https://pantip.com/topic/37627072
วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินทางไปแชงกรีล่าาา ตอนเช้าตื่นมาไปซื้อซาลาเปากิน หลังจากนั้นเรียกTaxi ไปสถานนีรถด่วนๆจ้า
ทุกคนมักจะบ่นเกี่ยวกับเรื่องห้องน้ำในจีน แต่ห้องน้ำกลางทางที่เรามันก็โอเคนะ ไม่ฮาร์ดคอมาก แต่ไอ้ที่แททบจะทนไม่ไหวเลยคือเนื้อ
จามรีตากแห้ง ระหว่างนั่งๆรถอยู่ก็มีคนจีนหยิบเนื้อบางอย่างขึ้นมานั่งกิน จำได้ว่าเคยเห็นเนื้อแบบนี้ในลี่เจียงเมืองเก่า จามรี!!!
ไอ้เนื้อนั่นไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นของมันสิ แปลกใจมากที่คนสามารถเอาของที่มีกลิ่นแรงขนาดห่างกัน 3 เบาะ แต่เหมือนเอามาให้ดมใกล้ๆ
กล้าเอาเข้าปากกินได้

เหม็นตลบอบอวลมากกก / ขึ้นรถประมาณ 9 โมง กว่าจะถึงแชงกรีล่า ประมาณ บ่าย 2 โมง

เนื้อแบบนี้แหละะะะะะะ

ลงจากรถนั่งTaxi ต่อไปเกสเฮ้าส์เลย เจ้าของคุยเก่งเฟรนลี่มาก เราซื้อตั๋วเข้าชมวัดซงจ้านหลิน
จากเค้าเลย พร้อมแพ็คเกจรถไปรับ-ส่ง เรียบร้อย สะดวกดี ไม่แพงด้วย 115 หยวน/คน

หน้าตาของบัตรก็จะเป็นประมาณนี้ แล้วก็เก็บของพักกันสักแปป แล้วเรียกรถมารับเลย จำได้ว่ามันปิด 4-5 โมงเย็น และตอนนี้ก็ 3 โมงกว่าแล้ว

นี่เป็นทางเข้าเพื่อไปนั่งรอรถบัสพาเข้าไปตัววิหารอีกทีนึง

หลังจากขึ้นรถบัสแล้วรถก็จะพาเรามาลงตรงนี้แล้วก็เดินเข้าไปชมข้างในกันได้เลย

โลกมักจะแบ่งคนออกเป็น 2 พวก พวกแรกคือคนที่เคยเข้าไปเห็นความอลังการด้านในวัดซงจ้านหลินแล้ว
ส่วนพวกที่สองคือคนที่ยังไม่ได้เข้าไปเห็น ที่บอกอย่างนี้เพราะจากตรงนี้เป็นต้นไปเค้าห้ามถ่ายรูป มันมีป้ายบอกอยู่ตั้งแต่บันไดทางขึ้นเลย
บอกได้แค่ว่า ปฏิมากรรม+การตกแต่งด้านในสวยมาก รูปปั้นต่างๆอาจดูแปลกตาแต่ดูเข้มขลัง

ได้เวลาแล้วก็บอกกับทางเจ้าของเกสเฮาส์ ให้ส่งรถมารับเราได้แล้ว รอไม่นานนักรถก็มา พอนั่งรถไปสักแปปน้องที่ไปด้วยก็ชวนไปเดินชม
บ้านเมืองเค้าว่าเป็นยังไงบ้าง ก็เลยลงกลางทางเพื่อไปเดินดูบ้านเมืองเค้า...พอลงจากรถมาได้แปป ความเย็นกับลมหนาวก็เข้ามา
เลยเช็คดูว่าตอนประมาณ 5 โมงกว่าๆ อุณหภูมิมันเท่าไหร่ ทำไมมันหนาวจัง

รู้ละทำไมมันหนาวจัง เดินเล่นถ่ายรูปบ้างซื้อของเล็กๆน้อย ดูตลาดบ้านเค้าเป็นยังไงได้สักพัก รู้สึกทำไมมันหนาวจนปากสั่นเลยเช็คดูอีกที

เลยหาอะไรร้อนๆกินสักอย่างน่าจะดีกว่าเดินสั่นอยู่แบบนี้

เกี๊ยวชามนี้ช่วยชีวิตเราไว้ไม่ให้หนาวตาย

หลังจากกินเสร็จเดินเล่นอีกพักนึง ฝนก็ตกพรำๆลงมา หนาวหนักไปอีก จะเรียกTaxi
กลับที่พักInternet เกิดมาไม่ดีตอนนี้อีก กว่าจะได้ที่อยู่เพื่อบอกTaxi เกือบแย่
ที่พักคราวนี้ชื่อ Home Away From Home พอกลับไปถึงที่พัก เจ้าของที่พักชวนไปนั่งห้องน้ำชาที่จัดเป็นห้องสำหรับmeeting กัน

ได้ซดน้ำชาเข้าไปอาการหนาวก็ค่อยๆลดลง นั่งคุยกับเจ้าของอยู่พักนึงทำให้เรารู้ว่าอยู่ใกล้มากๆกับLandmark อีกที่นึงคือวัด Guishan
(วัดต้าฟ้อ) เลยกะว่าจะเดินไปดูสักหน่อยตอนมืดเปิดไฟสวยดีด้วย

แค่ประตูทางเข้าก็อลังการงานสร้างแล้ว

เดินขึ้นไปเล่นเอาหอบเหมือนกันแหะ ลืมไปว่าอากาศที่นี่บาง เราจะเหนื่อยกว่าปกติ พอขึ้นไปถึงก็ไปเข็นกงล้อ 3 รอบ เหนื่อยอีก
เลยลงมากลับที่พัก พักผ่อนสักหน่อย

ห้องพักของที่นี่ สะอาดเรียบร้อยดี ตอนกลับจากข้างนอกเรารู้ว่าอากาศมันจะต้องหนาวมากแน่ๆ ก่อนออกจากห้องเลยเปิดสวิตซ์ผ้าห่มไฟฟ้า
ไว้ พอหนาวๆมากระโดดเข้าผ้าห่มอุ่นๆมันฟินมากก น้ำอุ่นปรับระดับได้ ชอบตรงนี้แหละ ตอนอยู่ลี่เจียงปรับระดับความร้อนไม่ได้ เป็นเครื่องทำ
น้ำร้อนแบบแก๊ส ไข่เกือบสุก
ที่พักที่นี่คนไทยนิยมมาพักกัน ตอนค่ำเราเจอคนไทยอีก6-7คน เจ้าของที่พักชวนกินว๊อดก้าจีน...โคตรแรงงง

จากหนาวๆกลาย
เป็นร้อนเลยทีเดียว สักประมาณ 4-5 ทุ่มก็เข้านอน เพราะพรุ่งนี้บินไฟล์เช้า

ประมาณ8:00 น. ออกจากที่พัก ทางที่พักมีรถมาส่งให้ที่สนามบิน จากสนามบินถึงที่พักไม่ไกล ประมาณ10-15 นาที เช็คอินเข้าเกตเรียบร้อย
รอเรียกขึ้นเครื่อง

สนามบินที่นี่วิวสวยมากกกกกกกก

รู้สึกอยู่ใกล้ชิดขุนเขาอย่างบอกไม่ถูก..ได้เวลาไปคุนหมิงกันละ

หลังจากมาถึงสนามบินคุนหมิงที่คุ้นเคย ก็หาทางเข้าเมืองเพื่อเที่ยวต่อสักหน่อยเพราะเวลาเหลืออีกเยอะ เราขึ้นเครื่องกลับตอนตี 2:25 น.
เวลาเหลือเฟือมาก หลังจากถามๆคนจีนซึ่งรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง มันมีรถไฟใต้ดินเข้าเมืองเลยลองไปดู

พอขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินก็เจอประตูนี่ ไม่รู้ชื่อ รู้ว่าใหญ่อลังการงานสร้างมาก ภารกิจแรกตามหาประตูม้าทองและประตูไก่ทอง
ประตูม้าทอง

ประตูไก่ทอง จำไม่ได้ว่าทำไมถ่ายรูปมาเอียงหว่าา
ภารกิจที่สอง ไปกินก๊วยเตี๋ยวข้ามสะพาน ตำนานนั้นมีอยู่ว่า..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เรื่องเล่ามีอยู่ว่า มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ภรรยาต้องเตรียมอาหารให้สามีทุกวัน สามีกำลังท่องหนังสือเตรียมสอบจอหงวน ต้องหนีไปอยู่ที่เกาะเพื่อความสงบ ภรรยาเอาข้าวไปส่ง กว่าจะไปถึงกับข้าวก็เย็นหมด วันหนึ่งภรรยาซื้อไก่มาทำซุปไก่ ยังไปไม่ถึงเกาะก็เป็นลมไปเสียก่อน ฟื้นขึ้นมาอาหารอื่นเย็นไปแล้ว แต่ซุปไก่ยังอุ่นดี จึงใช้วิธีการนี้ทำให้อาหารร้อนทุกวัน จนสามีสอบได้เป็นจอหงวน เรียกอาหารนี้ว่ากั้วเฉียวหมี่เสี้ยน หรือบะหมี่ข้ามสะพาน เหตุที่อาหารชนิดนี้อุ่นเพราะ ซุปไก่มีมันมาก น้ำมันรักษาความร้อนได้ ถ้วยเคลือบหนาและหยาบรักษาความร้อนได้อุ่นถ้วยก่อนใส่ซุป
โชคดีที่คุนหมิงมีคนรู้ภาษาอังกฤษมากกว่าลี่เจียงและแชงกรีล่า เลยพอจะคลำๆทางมาถูก จริงๆมันอยู่ใกล้ๆประตูม้าทองประตูไก่ทองนั่นล่ะ

ชุดนี้เลยจร้าาา กว่าจะสั่งกินได้ เล่นซะเมื่อยมือทีเดียว

นี่คือรูปหลังจากเอาเนื้อทุกอย่างใส่ลงไปแล้ว ก็จะเหลือเครื่องเคียงรสชาติแปลกๆ รสชาติก็จืดๆตามสไตล์อาหารจีน แต่มีเครื่องปรุงให้แต่ก็
ไม่อร่อยเท่าก๊วยเตี๋ยวไทยอยู่ดี คิดถึงอาหารไทยมากกกกกกก หลังจากกินเสร็จก็ซื้อของฝากนิดๆหน่อยๆ

ระหว่างเดินซื้อของเจอสตาบัค แวะซะหน่อย หลังจากนั้นก็น่าจะได้เวลากลับไปนั่งรอที่สนามบินได้ละ วันแรกที่เครื่องมาลงนอนหนาวอยู่ตรง
ชั้น1ของสนามบิน แต่วันนี้มีเวลาเดินสำรวจ ชั้นใต้ดินมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารให้หลบลมหนาว เรานั่งรอจนกระทั่งใกล้เวลาเรียกแล้วค่อย
เดินขึ้นไปหน้าเกต

รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกที่เราลองเขียนดู กว่าจะเสร็จใช้เวลากว่า 8 เดือน ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง ไม่มีอารมณ์บ้าง
แต่ในที่สุดก็เสร็จ
ถ้าชอบก็กดไลค์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะฮะ
.....See ya next trip.....
[CR] รีวิว คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า ไปต่อไม่รอแล้วน้าา
Previously 2 https://pantip.com/topic/37627072
วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินทางไปแชงกรีล่าาา ตอนเช้าตื่นมาไปซื้อซาลาเปากิน หลังจากนั้นเรียกTaxi ไปสถานนีรถด่วนๆจ้า
ทุกคนมักจะบ่นเกี่ยวกับเรื่องห้องน้ำในจีน แต่ห้องน้ำกลางทางที่เรามันก็โอเคนะ ไม่ฮาร์ดคอมาก แต่ไอ้ที่แททบจะทนไม่ไหวเลยคือเนื้อ
จามรีตากแห้ง ระหว่างนั่งๆรถอยู่ก็มีคนจีนหยิบเนื้อบางอย่างขึ้นมานั่งกิน จำได้ว่าเคยเห็นเนื้อแบบนี้ในลี่เจียงเมืองเก่า จามรี!!!
ไอ้เนื้อนั่นไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นของมันสิ แปลกใจมากที่คนสามารถเอาของที่มีกลิ่นแรงขนาดห่างกัน 3 เบาะ แต่เหมือนเอามาให้ดมใกล้ๆ
กล้าเอาเข้าปากกินได้
เนื้อแบบนี้แหละะะะะะะ
จากเค้าเลย พร้อมแพ็คเกจรถไปรับ-ส่ง เรียบร้อย สะดวกดี ไม่แพงด้วย 115 หยวน/คน
หน้าตาของบัตรก็จะเป็นประมาณนี้ แล้วก็เก็บของพักกันสักแปป แล้วเรียกรถมารับเลย จำได้ว่ามันปิด 4-5 โมงเย็น และตอนนี้ก็ 3 โมงกว่าแล้ว
นี่เป็นทางเข้าเพื่อไปนั่งรอรถบัสพาเข้าไปตัววิหารอีกทีนึง
หลังจากขึ้นรถบัสแล้วรถก็จะพาเรามาลงตรงนี้แล้วก็เดินเข้าไปชมข้างในกันได้เลย
โลกมักจะแบ่งคนออกเป็น 2 พวก พวกแรกคือคนที่เคยเข้าไปเห็นความอลังการด้านในวัดซงจ้านหลินแล้ว
ส่วนพวกที่สองคือคนที่ยังไม่ได้เข้าไปเห็น ที่บอกอย่างนี้เพราะจากตรงนี้เป็นต้นไปเค้าห้ามถ่ายรูป มันมีป้ายบอกอยู่ตั้งแต่บันไดทางขึ้นเลย
บอกได้แค่ว่า ปฏิมากรรม+การตกแต่งด้านในสวยมาก รูปปั้นต่างๆอาจดูแปลกตาแต่ดูเข้มขลัง
ได้เวลาแล้วก็บอกกับทางเจ้าของเกสเฮาส์ ให้ส่งรถมารับเราได้แล้ว รอไม่นานนักรถก็มา พอนั่งรถไปสักแปปน้องที่ไปด้วยก็ชวนไปเดินชม
บ้านเมืองเค้าว่าเป็นยังไงบ้าง ก็เลยลงกลางทางเพื่อไปเดินดูบ้านเมืองเค้า...พอลงจากรถมาได้แปป ความเย็นกับลมหนาวก็เข้ามา
เลยเช็คดูว่าตอนประมาณ 5 โมงกว่าๆ อุณหภูมิมันเท่าไหร่ ทำไมมันหนาวจัง
รู้ละทำไมมันหนาวจัง เดินเล่นถ่ายรูปบ้างซื้อของเล็กๆน้อย ดูตลาดบ้านเค้าเป็นยังไงได้สักพัก รู้สึกทำไมมันหนาวจนปากสั่นเลยเช็คดูอีกที
เลยหาอะไรร้อนๆกินสักอย่างน่าจะดีกว่าเดินสั่นอยู่แบบนี้
เกี๊ยวชามนี้ช่วยชีวิตเราไว้ไม่ให้หนาวตาย
กลับที่พักInternet เกิดมาไม่ดีตอนนี้อีก กว่าจะได้ที่อยู่เพื่อบอกTaxi เกือบแย่
ที่พักคราวนี้ชื่อ Home Away From Home พอกลับไปถึงที่พัก เจ้าของที่พักชวนไปนั่งห้องน้ำชาที่จัดเป็นห้องสำหรับmeeting กัน
ได้ซดน้ำชาเข้าไปอาการหนาวก็ค่อยๆลดลง นั่งคุยกับเจ้าของอยู่พักนึงทำให้เรารู้ว่าอยู่ใกล้มากๆกับLandmark อีกที่นึงคือวัด Guishan
(วัดต้าฟ้อ) เลยกะว่าจะเดินไปดูสักหน่อยตอนมืดเปิดไฟสวยดีด้วย
แค่ประตูทางเข้าก็อลังการงานสร้างแล้ว
เดินขึ้นไปเล่นเอาหอบเหมือนกันแหะ ลืมไปว่าอากาศที่นี่บาง เราจะเหนื่อยกว่าปกติ พอขึ้นไปถึงก็ไปเข็นกงล้อ 3 รอบ เหนื่อยอีก
เลยลงมากลับที่พัก พักผ่อนสักหน่อย
ห้องพักของที่นี่ สะอาดเรียบร้อยดี ตอนกลับจากข้างนอกเรารู้ว่าอากาศมันจะต้องหนาวมากแน่ๆ ก่อนออกจากห้องเลยเปิดสวิตซ์ผ้าห่มไฟฟ้า
ไว้ พอหนาวๆมากระโดดเข้าผ้าห่มอุ่นๆมันฟินมากก น้ำอุ่นปรับระดับได้ ชอบตรงนี้แหละ ตอนอยู่ลี่เจียงปรับระดับความร้อนไม่ได้ เป็นเครื่องทำ
น้ำร้อนแบบแก๊ส ไข่เกือบสุก
ที่พักที่นี่คนไทยนิยมมาพักกัน ตอนค่ำเราเจอคนไทยอีก6-7คน เจ้าของที่พักชวนกินว๊อดก้าจีน...โคตรแรงงง
เป็นร้อนเลยทีเดียว สักประมาณ 4-5 ทุ่มก็เข้านอน เพราะพรุ่งนี้บินไฟล์เช้า
ประมาณ8:00 น. ออกจากที่พัก ทางที่พักมีรถมาส่งให้ที่สนามบิน จากสนามบินถึงที่พักไม่ไกล ประมาณ10-15 นาที เช็คอินเข้าเกตเรียบร้อย
รอเรียกขึ้นเครื่อง
สนามบินที่นี่วิวสวยมากกกกกกกก
รู้สึกอยู่ใกล้ชิดขุนเขาอย่างบอกไม่ถูก..ได้เวลาไปคุนหมิงกันละ
หลังจากมาถึงสนามบินคุนหมิงที่คุ้นเคย ก็หาทางเข้าเมืองเพื่อเที่ยวต่อสักหน่อยเพราะเวลาเหลืออีกเยอะ เราขึ้นเครื่องกลับตอนตี 2:25 น.
เวลาเหลือเฟือมาก หลังจากถามๆคนจีนซึ่งรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง มันมีรถไฟใต้ดินเข้าเมืองเลยลองไปดู
พอขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินก็เจอประตูนี่ ไม่รู้ชื่อ รู้ว่าใหญ่อลังการงานสร้างมาก ภารกิจแรกตามหาประตูม้าทองและประตูไก่ทอง
ประตูม้าทอง
ประตูไก่ทอง จำไม่ได้ว่าทำไมถ่ายรูปมาเอียงหว่าา
ภารกิจที่สอง ไปกินก๊วยเตี๋ยวข้ามสะพาน ตำนานนั้นมีอยู่ว่า..[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โชคดีที่คุนหมิงมีคนรู้ภาษาอังกฤษมากกว่าลี่เจียงและแชงกรีล่า เลยพอจะคลำๆทางมาถูก จริงๆมันอยู่ใกล้ๆประตูม้าทองประตูไก่ทองนั่นล่ะ
ชุดนี้เลยจร้าาา กว่าจะสั่งกินได้ เล่นซะเมื่อยมือทีเดียว
นี่คือรูปหลังจากเอาเนื้อทุกอย่างใส่ลงไปแล้ว ก็จะเหลือเครื่องเคียงรสชาติแปลกๆ รสชาติก็จืดๆตามสไตล์อาหารจีน แต่มีเครื่องปรุงให้แต่ก็
ไม่อร่อยเท่าก๊วยเตี๋ยวไทยอยู่ดี คิดถึงอาหารไทยมากกกกกกก หลังจากกินเสร็จก็ซื้อของฝากนิดๆหน่อยๆ
ระหว่างเดินซื้อของเจอสตาบัค แวะซะหน่อย หลังจากนั้นก็น่าจะได้เวลากลับไปนั่งรอที่สนามบินได้ละ วันแรกที่เครื่องมาลงนอนหนาวอยู่ตรง
ชั้น1ของสนามบิน แต่วันนี้มีเวลาเดินสำรวจ ชั้นใต้ดินมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารให้หลบลมหนาว เรานั่งรอจนกระทั่งใกล้เวลาเรียกแล้วค่อย
เดินขึ้นไปหน้าเกต
รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกที่เราลองเขียนดู กว่าจะเสร็จใช้เวลากว่า 8 เดือน ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง ไม่มีอารมณ์บ้าง
แต่ในที่สุดก็เสร็จ
ถ้าชอบก็กดไลค์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะฮะ
.....See ya next trip.....
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้