เรื่องเริ่มขึ้นจาก โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ดอนเมือง-คุนหมิง ในราคา 3500 บาท ถูกกว่าไปเชียงใหม่ช่วงเทศกาลอีก พอมารู้สึกตัว
อีกที..เอ๊ะะ นี่เรารูดบัตรไปเรียบร้อยแล้วรึนี่ โอ้ววว
ต้องขอบคุณกระทู้ในพันทิปต่างๆ ด้วยนะครับ เพราะกระทู้นี่แหละคือแหล่งข้อมูลชั้นดีเลยทีเดียว ผมอ่านทุกกระทู้
ที่ไปคุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า เรามีเวลาประมาณ 4 วัน 3คืน จึงได้แพลน ดังนี้
Day 1
- ออกจากดอนเมือง 22.45 น. เดินทางถึง KUNMING CHANGSHUI INTERNATIONAL AIRPORT 02.00 น.
- 07.00 น.ขึ้นรถบัส เพื่อเดินทางไปขึ้นรถไฟ รอบ9.37 น.
- ประมาณ 18.00 น. เดินทางถึง ลี่เจียง เข้าที่พัก Lijiang San Mao's Home Inn
- เดินเที่ยวลี่เจียงเมืองเก่า ยามค่ำคืนตามอัธยาศัย
Day 2
- รับประทานอาหารเช้า
- ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไป Shangri-La เดินทางรอบ 09.00 น.
- เดินทางไปเที่ยว Jade Dragon Snow Mountain
- 15.30 กลับจาก Jade Dragon Snow Mountain เดินเที่ยวเมืองเก่าตอนกลางวัน
- รับประทานอาหารเย็น เข้าที่พักพักผ่อน
Day 3
- รับประทานอาหารเช้า
- เดินทางไป Shangri-La เดินทางรอบ 09.00 น.
- ถึง Shangri-La 14.00 น. เดินทางเข้าที่พัก Home Away From Home
- เดินทางไป Sumtsaling Monastery แล้วกลับที่พัก
- ไป Guishan Park
- กลับที่พัก พักผ่อน
Day 4
- เดินทางไปสนามบิน Shangri-La Diqing ขึ้นเครื่องกลับไปคุนหมิง รอบ 8.30 น.
- 9.30 น. เดินทางถึง KUNMING CHANGSHUI INTERNATIONAL AIRPORT
- นั่งรถไฟใต้ดินเพื่อเข้าเมือง ไปประตูม้าทองและประตูไก่ทอง
- กินก๊วยเตี๋ยวข้ามสะพาน
- ช็อปปิ้งตามอัธยาศัย เสร็จแล้วเดินทางกลับสนามบิน เพื่อรอขึ้นเครื่อง เวลา 03.05 น.
- 04.25 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง
เราจองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจีนจากเว็บนี้
https://www.ctrip.co.th/trains/
เว็บนี้จองตั๋วรถไฟ www.travelchinaguide.com
Let's Start !!

เราเดินทางมาถึง KUNMING CHANGSHUI INTERNATIONAL AIRPORT ออกจาก Gate ประมาณตี 2 กว่าๆ อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ 7-8 องศาเซลเซียส แนะนำให้ทุกคนนำเสื้อกันหนาวคาดเอวตั้งแต่ขึ้นเลยครับ รับรองได้ใช้แน่นอน
หลังจากออกมาทุกอย่างปิดเกือบหมดแล้วครับ จะเหลือก็แต่แมคโดนัล (ราคาแพงกว่าข้างนอก3 เท่าเลยทีเดียว) เราหาที่เหมาะๆนอนรอเวลาให้เช้าจะได้ออกไปซื้อตั๋วขึ้นรถบัส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อากาศค่อนข้างเย็นมากแล้วพื้นก็เป็นหินอ่อน ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ ส่วนเก้าอี้มีคนจับจองเต็มหมดแล้ว แนะนำว่าถ้าใครมาไฟล์ดึกแบบนี้ ให้หาทางลงไปชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นที่สำหรับนั่งรอเครื่องบิน (เรามารู้วันเดินทางกลับ
)
ตัดภาพมาตอนเช้าเลยแล้วกันครับ (เมื่อคืนหนาวมาก

) ด้านหน้าประตูทางเข้าสนามบิน ระหว่างทางเข้า2และ3จะมีตู้สี่เหลี่ยมอยู่ จะเปิดขายตั๋วตอนเช้า ค่าตั๋ว 25 หยวน
ขึ้นรถฝั่งตรงข้ามกับประตูรถสีฟ้าๆ รถจะออกเวลาประมาณ 7.30 น. ควรเผื่อเวลาเอาไว้สักหน่อย เพราะเราเกือบจะไม่ทันรถไฟ รถบัสนั่งไป
จนสุดสายเลยครับ มันจะไปจอดหน้าโรงแรมอะไรสักอย่าง เดินขึ้นไปอีกหน่อยก็จะถึงสถานนีรถไฟแล้ว

ตึกนี้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเลย เห็นไกลๆเลยเดาๆเอาว่าน่าจะเป็นที่นี่ เราลงรถบัสตอนประมาณ 8.45 น.ต้องรีบจ้ำกันเลยทีเดียว
ต้องมาเจอกับมวลมหาประชาชนจีนกันอีกมากมายก่ายกอง เราจองตั๋วจาก Internet ไป และปริ๊นบุคกิ้งไปเรียบร้อย ตอนแรกก็นึกว่าใช้แทนตั๋ว
ได้เลย แต่ก็ต้องมาแลกเป็นตั๋วอีกที ***ให้เดินไปแลกตั๋วที่ช่อง 8 เท่านั้นครับ***

หน้าตาบุคกิ้งที่ส่งมาให้จะเป็นแบบนี้ครับ เอาไปแลกตั๋วที่ช่อง 8 แถวยาวมากเว่อร์

นี่คือตั๋วรถไฟที่ได้มานะครับ ความหมายบนตั๋วดังนี้
- 2018 03 02 / ปี เดือน วัน
- 09:37 / เวลารถไฟออก
- 02 001 / ตู้ ห้องที่

ตรานี้พบได้ที่หน้าต่างแทบทุกบานบนรถไฟ

ทางเดินสามารถ ดึงเบาะออกมานั่งได้ด้วย

ตามกำหนดการใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ช.ม. ถามว่าทำไมถึงตัดสินใจเลือกนั่งรถไฟล่ะ ทั้งๆที่เวลาก็น้อย คือทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทาง
อีก1 คน เป็นน้องที่ออฟฟิศ น้องมันบอกว่าเฮ้ยพี่ ถ้าเราไปเมืองจีนแล้วไม่ได้นั่งรถไฟ มันจะไม่คูลลล...นะพี่ ทั้งๆที่เพิ่มอีกไม่กี่ร้อยก็ขึ้นเครื่อง
ได้แล้ว นั่งก็นั่ง..ยาวๆกันไป 9 ช.ม.
ตอนมาขึ้นรถไฟเรารีบมากจนลืมเรื่องอาหารเที่ยงไปเลย เพราะมาเกือบไม่ทัน ไม่ต้องตกใจ พอเที่ยงก็จะมีป้าเดินเข็นรถมาขายข้าว

นี่คืออาหารมื้อแรกอย่างเป็นทางการในจีนนะครับ หน้าตาพอใช้ได้ แต่กลิ่นประหลาดๆนิดหน่อย ราคา 20 หยวน (ถ้าเราจำไม่ผิดนะ)
สิ่งที่ได้มาคือ ข้าว 1 กล่อง+กับข้าวอีก1 กล่อง กับข้าวก็จะมีหมูอยู่ประมาณ 5-6 ชิ้น ผักต้ม กับถั่วหน้าตาแปลกๆ มาพร้อมด้วยกลิ่นเครื่องเทศ
ที่แสนจะไม่คุ้นจมูก (แต่พอไปลี่เจียงก็จะคุ้นกับมันไปเอง เพราะเราได้กลิ่นนี้ตลอดเวลาที่เดินผ่านร้านขายอาหาร

หลังจากหลับไม่ต่ำกว่า 5 รอบ ประมาณ 6 โมงกว่าๆ ในที่สุดเราก็มาถึง สถานนีรถไฟลี่เจียง บอกเลยเมื่อยมากกกกกกกก
สถานนีรถไฟที่นี่ใหญ่มากๆ พอออกมาเจอถนน เราพบว่าสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆในการมาจีนเลยคือ "ภาษา" เพราะพยายามจะถามทาง
เพื่อเข้าเมืองอยู่นานนนนนนมากกก แต่ไม่สามารถหาคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้เลยสักคน Taxi ก็ไม่มี
เราเลยตัดสินใจเดินออกมาตาม GPS ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอย่างที่สำคัญ Internet
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า ซิมของ True เท่านั้นที่
สามารถใช้ที่จีนได้ แต่สัญาณไม่ดีสักเท่าไหร่เลย ติดๆดับ อาจเป็นเพราะเรามาไกลเมืองใหญ่ไปรึป่าว แต่ตอนอยู่บน Jade Dragon Snow
Mountain สัญญาณ4G แรงดีมาก นอกนั้นติดๆดับๆ หลังจากเดินออกมาในที่สุด เราก็ได้พบคนจีนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
จึงได้รู้ความจริงว่า Taxi ของที่นี่สภาพเหมือนรถบ้านปกติธรรดานี่เอง

และเค้าก็ช่วยโทรเรียกรถให้ น้ำตาจิไหล T_T
ค่า Taxi ตกคนละ 15 หยวน (ในใจเราตอนนั้น 50 หยวน เราก็ไป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ควรปริ๊นบุคกิ้งภาษาจีนไปด้วยนะครับ สำคัญมาก แล้วโทรศัพท์ก็ควรโทรออกได้ด้วย เพื่อติดต่อที่พักในกรณีฉุกเฉิน
ระหว่างทางนั่ง Taxi คนขับก็ขอดูบุคกิ้ง แล้วก็พยายามให้เราพูดโทรศัพท์ ทำแบบนี้ตลอดทาง เราก็งงว่าโชเฟอร์ต้องการอะไรแน่
บทสนทนาระหว่างเรากับน้องที่ออฟฟิศ
น้องที่ออฟฟิศ: พี่ หนูว่ามันพยายามจะพาเราไปที่โรงแรมใหม่แน่เลย
เรา : ไม่ม้างง คิดมาก (ผ่านไปสัก 5 วิ) เออว่ะ...หรือว่าจะเป็นแบบนั้น Shit!!
Backpack มาจีนครั้งแรกก็โดนหลอกละหรอนี่ สุดท้ายก็มาถึงที่ลง เราดูใน GPS มันใกล้ โฮสเทลที่เราจองไว้นิดเดียวเอง ก็ไม่ได้หลอกเรา
นี่นา แล้วเค้าจะทำอะไร....เราเดินตาม GPS อยู่ครึ่งชม. ยังไงก็หาโฮสเทลไม่เจอ จนสุดท้ายเจอคนจีนใจดี โทรไปบอกที่โฮสเทลให้ อยาก
กราบงามๆสักสามที ในที่สุด Staff ก็เดินออกมารับเราหน้าซอย

เดินขึ้นไป 3 ชั้น แล้วที่พักอยู่ในสุด

ใครเลือกที่พักวะ!! ที่ลี่เจียงอากาศบางมาก เดินไปหอบไป ข้อดีของที่นี่อย่างนึงคือ
สามารถมองเห็น ลี่เจียงเมืองเก่าทั้งหมด วิวแบบพาโนราม่า บนชั้นดาดฟ้าได้เลย

ถึงซะที Lijiang San Mao's Home Inn

ที่นั่งพักหน้าห้อง

เตียงมีผ้าห่มไฟฟ้าให้ครับ อุ่นสบายยามค่ำคืน แต่ที่พีคคือ ห้องน้ำเป็นส้วมแบบนั่งยองๆอยู่ เพื่อให้สมกับเป็นลี่เจียงเมืองเก่า
น้ำอุ่นแบบแก๊ส เวลาร้อนจะร้อนมาก หลังจากเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวันก็อาบน้ำอาบท่าเตรียมออกไปตะเวนหาของกินสิครับบ

เดินลงออกมาตรงหน้าซอย ทางเข้าโฮสเทล จะเจอร้านอาหาร อารมณ์ประมาณร้านชาบูบ้านเรา แต่มีการตกแต่งร้านด้วยขาหมู!
มาดูหน้าตาอาหารของร้านนี้กัน

หน้าตาจัดว่าดูดีทีเดียว แต่กว่าจะสั่งมาตั้งแบบนี้ได้ คุยกันเป็น 10 นาที โชคดีที่มีคนจีนใจดีช่วยใช้แอพ แปลภาษาให้
ควรมีภาษาจีนเบื้องต้น คำง่ายๆ จดไว้ หรือเมมใส่โทรศัพท์ไว้ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ

นี่คือเบียร์จีนครับ คือศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ผมเชื่อว่าคนทั่วโลกต้องรู้ เมื่อมาที่จีนทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิด เพราะสั่งเบียร์เค้าจะไม่รู้จัก
ต้องบอกเค้าว่า "ผีจิ่ว" บอกได้เลยกว่าจะสั่งอาหารได้แต่ละอย่าง ทำไมมันลำบากเหลือเกินนน

ในหม้อประกอบด้วย กระดูกหมู ไก่ดำ ต้มในน้ำซุป รสชาติจืดๆหน่อย ค่าเสียหาย 79 หยวน หลังจากนี้เราจะไปเดินในเมืองเก่าลี่เจียงกัน
แล้วว
ติดตามต่อ Ep.2
https://pantip.com/topic/37627072
[CR] รีวิว เที่ยว คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า จากคนบนพื้นราบ สู่ความสูง3500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เรื่องเริ่มขึ้นจาก โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ดอนเมือง-คุนหมิง ในราคา 3500 บาท ถูกกว่าไปเชียงใหม่ช่วงเทศกาลอีก พอมารู้สึกตัว
อีกที..เอ๊ะะ นี่เรารูดบัตรไปเรียบร้อยแล้วรึนี่ โอ้ววว
ต้องขอบคุณกระทู้ในพันทิปต่างๆ ด้วยนะครับ เพราะกระทู้นี่แหละคือแหล่งข้อมูลชั้นดีเลยทีเดียว ผมอ่านทุกกระทู้
ที่ไปคุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า เรามีเวลาประมาณ 4 วัน 3คืน จึงได้แพลน ดังนี้
Day 1
- ออกจากดอนเมือง 22.45 น. เดินทางถึง KUNMING CHANGSHUI INTERNATIONAL AIRPORT 02.00 น.
- 07.00 น.ขึ้นรถบัส เพื่อเดินทางไปขึ้นรถไฟ รอบ9.37 น.
- ประมาณ 18.00 น. เดินทางถึง ลี่เจียง เข้าที่พัก Lijiang San Mao's Home Inn
- เดินเที่ยวลี่เจียงเมืองเก่า ยามค่ำคืนตามอัธยาศัย
Day 2
- รับประทานอาหารเช้า
- ซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไป Shangri-La เดินทางรอบ 09.00 น.
- เดินทางไปเที่ยว Jade Dragon Snow Mountain
- 15.30 กลับจาก Jade Dragon Snow Mountain เดินเที่ยวเมืองเก่าตอนกลางวัน
- รับประทานอาหารเย็น เข้าที่พักพักผ่อน
Day 3
- รับประทานอาหารเช้า
- เดินทางไป Shangri-La เดินทางรอบ 09.00 น.
- ถึง Shangri-La 14.00 น. เดินทางเข้าที่พัก Home Away From Home
- เดินทางไป Sumtsaling Monastery แล้วกลับที่พัก
- ไป Guishan Park
- กลับที่พัก พักผ่อน
Day 4
- เดินทางไปสนามบิน Shangri-La Diqing ขึ้นเครื่องกลับไปคุนหมิง รอบ 8.30 น.
- 9.30 น. เดินทางถึง KUNMING CHANGSHUI INTERNATIONAL AIRPORT
- นั่งรถไฟใต้ดินเพื่อเข้าเมือง ไปประตูม้าทองและประตูไก่ทอง
- กินก๊วยเตี๋ยวข้ามสะพาน
- ช็อปปิ้งตามอัธยาศัย เสร็จแล้วเดินทางกลับสนามบิน เพื่อรอขึ้นเครื่อง เวลา 03.05 น.
- 04.25 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง
เราจองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจีนจากเว็บนี้ https://www.ctrip.co.th/trains/
เว็บนี้จองตั๋วรถไฟ www.travelchinaguide.com
Let's Start !!
เราเดินทางมาถึง KUNMING CHANGSHUI INTERNATIONAL AIRPORT ออกจาก Gate ประมาณตี 2 กว่าๆ อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะประมาณ 7-8 องศาเซลเซียส แนะนำให้ทุกคนนำเสื้อกันหนาวคาดเอวตั้งแต่ขึ้นเลยครับ รับรองได้ใช้แน่นอน
หลังจากออกมาทุกอย่างปิดเกือบหมดแล้วครับ จะเหลือก็แต่แมคโดนัล (ราคาแพงกว่าข้างนอก3 เท่าเลยทีเดียว) เราหาที่เหมาะๆนอนรอเวลาให้เช้าจะได้ออกไปซื้อตั๋วขึ้นรถบัส [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัดภาพมาตอนเช้าเลยแล้วกันครับ (เมื่อคืนหนาวมาก
ขึ้นรถฝั่งตรงข้ามกับประตูรถสีฟ้าๆ รถจะออกเวลาประมาณ 7.30 น. ควรเผื่อเวลาเอาไว้สักหน่อย เพราะเราเกือบจะไม่ทันรถไฟ รถบัสนั่งไป
จนสุดสายเลยครับ มันจะไปจอดหน้าโรงแรมอะไรสักอย่าง เดินขึ้นไปอีกหน่อยก็จะถึงสถานนีรถไฟแล้ว
ตึกนี้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเลย เห็นไกลๆเลยเดาๆเอาว่าน่าจะเป็นที่นี่ เราลงรถบัสตอนประมาณ 8.45 น.ต้องรีบจ้ำกันเลยทีเดียว
ต้องมาเจอกับมวลมหาประชาชนจีนกันอีกมากมายก่ายกอง เราจองตั๋วจาก Internet ไป และปริ๊นบุคกิ้งไปเรียบร้อย ตอนแรกก็นึกว่าใช้แทนตั๋ว
ได้เลย แต่ก็ต้องมาแลกเป็นตั๋วอีกที ***ให้เดินไปแลกตั๋วที่ช่อง 8 เท่านั้นครับ***
หน้าตาบุคกิ้งที่ส่งมาให้จะเป็นแบบนี้ครับ เอาไปแลกตั๋วที่ช่อง 8 แถวยาวมากเว่อร์
นี่คือตั๋วรถไฟที่ได้มานะครับ ความหมายบนตั๋วดังนี้
- 2018 03 02 / ปี เดือน วัน
- 09:37 / เวลารถไฟออก
- 02 001 / ตู้ ห้องที่
ตรานี้พบได้ที่หน้าต่างแทบทุกบานบนรถไฟ
ทางเดินสามารถ ดึงเบาะออกมานั่งได้ด้วย
ตามกำหนดการใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ช.ม. ถามว่าทำไมถึงตัดสินใจเลือกนั่งรถไฟล่ะ ทั้งๆที่เวลาก็น้อย คือทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทาง
อีก1 คน เป็นน้องที่ออฟฟิศ น้องมันบอกว่าเฮ้ยพี่ ถ้าเราไปเมืองจีนแล้วไม่ได้นั่งรถไฟ มันจะไม่คูลลล...นะพี่ ทั้งๆที่เพิ่มอีกไม่กี่ร้อยก็ขึ้นเครื่อง
ได้แล้ว นั่งก็นั่ง..ยาวๆกันไป 9 ช.ม.
ตอนมาขึ้นรถไฟเรารีบมากจนลืมเรื่องอาหารเที่ยงไปเลย เพราะมาเกือบไม่ทัน ไม่ต้องตกใจ พอเที่ยงก็จะมีป้าเดินเข็นรถมาขายข้าว
นี่คืออาหารมื้อแรกอย่างเป็นทางการในจีนนะครับ หน้าตาพอใช้ได้ แต่กลิ่นประหลาดๆนิดหน่อย ราคา 20 หยวน (ถ้าเราจำไม่ผิดนะ)
สิ่งที่ได้มาคือ ข้าว 1 กล่อง+กับข้าวอีก1 กล่อง กับข้าวก็จะมีหมูอยู่ประมาณ 5-6 ชิ้น ผักต้ม กับถั่วหน้าตาแปลกๆ มาพร้อมด้วยกลิ่นเครื่องเทศ
ที่แสนจะไม่คุ้นจมูก (แต่พอไปลี่เจียงก็จะคุ้นกับมันไปเอง เพราะเราได้กลิ่นนี้ตลอดเวลาที่เดินผ่านร้านขายอาหาร
หลังจากหลับไม่ต่ำกว่า 5 รอบ ประมาณ 6 โมงกว่าๆ ในที่สุดเราก็มาถึง สถานนีรถไฟลี่เจียง บอกเลยเมื่อยมากกกกกกกก
สถานนีรถไฟที่นี่ใหญ่มากๆ พอออกมาเจอถนน เราพบว่าสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆในการมาจีนเลยคือ "ภาษา" เพราะพยายามจะถามทาง
เพื่อเข้าเมืองอยู่นานนนนนนมากกก แต่ไม่สามารถหาคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้เลยสักคน Taxi ก็ไม่มี
เราเลยตัดสินใจเดินออกมาตาม GPS ซึ่งนี่ก็เป็นอีกอย่างที่สำคัญ Internet [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หลังจากเดินออกมาในที่สุด เราก็ได้พบคนจีนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
จึงได้รู้ความจริงว่า Taxi ของที่นี่สภาพเหมือนรถบ้านปกติธรรดานี่เอง
ค่า Taxi ตกคนละ 15 หยวน (ในใจเราตอนนั้น 50 หยวน เราก็ไป) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ระหว่างทางนั่ง Taxi คนขับก็ขอดูบุคกิ้ง แล้วก็พยายามให้เราพูดโทรศัพท์ ทำแบบนี้ตลอดทาง เราก็งงว่าโชเฟอร์ต้องการอะไรแน่
บทสนทนาระหว่างเรากับน้องที่ออฟฟิศ
น้องที่ออฟฟิศ: พี่ หนูว่ามันพยายามจะพาเราไปที่โรงแรมใหม่แน่เลย
เรา : ไม่ม้างง คิดมาก (ผ่านไปสัก 5 วิ) เออว่ะ...หรือว่าจะเป็นแบบนั้น Shit!!
Backpack มาจีนครั้งแรกก็โดนหลอกละหรอนี่ สุดท้ายก็มาถึงที่ลง เราดูใน GPS มันใกล้ โฮสเทลที่เราจองไว้นิดเดียวเอง ก็ไม่ได้หลอกเรา
นี่นา แล้วเค้าจะทำอะไร....เราเดินตาม GPS อยู่ครึ่งชม. ยังไงก็หาโฮสเทลไม่เจอ จนสุดท้ายเจอคนจีนใจดี โทรไปบอกที่โฮสเทลให้ อยาก
กราบงามๆสักสามที ในที่สุด Staff ก็เดินออกมารับเราหน้าซอย
เดินขึ้นไป 3 ชั้น แล้วที่พักอยู่ในสุด
สามารถมองเห็น ลี่เจียงเมืองเก่าทั้งหมด วิวแบบพาโนราม่า บนชั้นดาดฟ้าได้เลย
ถึงซะที Lijiang San Mao's Home Inn
ที่นั่งพักหน้าห้อง
เตียงมีผ้าห่มไฟฟ้าให้ครับ อุ่นสบายยามค่ำคืน แต่ที่พีคคือ ห้องน้ำเป็นส้วมแบบนั่งยองๆอยู่ เพื่อให้สมกับเป็นลี่เจียงเมืองเก่า
น้ำอุ่นแบบแก๊ส เวลาร้อนจะร้อนมาก หลังจากเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวันก็อาบน้ำอาบท่าเตรียมออกไปตะเวนหาของกินสิครับบ
เดินลงออกมาตรงหน้าซอย ทางเข้าโฮสเทล จะเจอร้านอาหาร อารมณ์ประมาณร้านชาบูบ้านเรา แต่มีการตกแต่งร้านด้วยขาหมู!
มาดูหน้าตาอาหารของร้านนี้กัน
หน้าตาจัดว่าดูดีทีเดียว แต่กว่าจะสั่งมาตั้งแบบนี้ได้ คุยกันเป็น 10 นาที โชคดีที่มีคนจีนใจดีช่วยใช้แอพ แปลภาษาให้
ควรมีภาษาจีนเบื้องต้น คำง่ายๆ จดไว้ หรือเมมใส่โทรศัพท์ไว้ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ
นี่คือเบียร์จีนครับ คือศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ผมเชื่อว่าคนทั่วโลกต้องรู้ เมื่อมาที่จีนทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิด เพราะสั่งเบียร์เค้าจะไม่รู้จัก
ต้องบอกเค้าว่า "ผีจิ่ว" บอกได้เลยกว่าจะสั่งอาหารได้แต่ละอย่าง ทำไมมันลำบากเหลือเกินนน
ในหม้อประกอบด้วย กระดูกหมู ไก่ดำ ต้มในน้ำซุป รสชาติจืดๆหน่อย ค่าเสียหาย 79 หยวน หลังจากนี้เราจะไปเดินในเมืองเก่าลี่เจียงกัน
แล้วว
ติดตามต่อ Ep.2 https://pantip.com/topic/37627072