สวัสดีครับ ผมมีชื่อเล่นว่าโอ้ ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่จังหวัดหนึ่ง ทางภาคเหนือตอนล่าง
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผมเอง ตั้งแต่ชีวิตในวัยเด็ก จนถึงปัจจุบัน
ชื่อคนที่อยู่ในเรื่องเล่าของผม มีตัวตนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือบุคคลอื่นๆก็ตาม (ถ้าผู้ที่อ่านเจอและรู้ว่าเป็นตัวเองก็ขออนุญาตมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
เรื่องราวอาจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์นั้น
ตอนที่ 1 เบิกเนตรสัมผัสวิญญาณ
เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นผีครับ ชีวิตในวัยเด็กของผม คลุกคลีอยู่กับวัด เพราะบ้านอยู่ใกล้วัด และวัดก็เป็นทางผ่านไปโรงเรียน ผมมักจะไปวิ่งเล่นที่วัดอยู่บ่อยๆ มีเพื่อนเล่นบ้าง เล่นคนเดียวบ้าง เล่นกับเณรกับพระบ้าง ชอบไปขอขนมพระกินประจำ ผมกับพระ เณร เด็กวัด จะรู้จักกันดี
มีอยู่ช่วงนึงที่แม่ผมได้บวชชีแก้บน ด้วยความที่ผมยังเด็ก จึงต้องไปอาศัยอยู่กับแม่ที่วัด ตามประสาเด็กที่มักจะเล่นซนไปเรื่อยเปื่อย และไม่ได้คิดกลัวอะไร เพราะเคยชินกับวัดมาก
ผมมักจะชวนเพื่อนๆมาเล่นกับหมา ไก่ เต่า กระต่าย ที่ทางวัดเลี้ยงไว้ บางครั้งก็เล่นซ่อนหา หรือเล่นการละเล่นไทยๆทั่วไปในยุคนั้น ยุคที่ไม่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเหมือนตอนนี้ และเป็นบ้านนอกห่างไกลความเจริญ
ภายในวัดก็จะมีพวกป่าช้า และที่เก็บศพไม่มีญาติ
บางช่วงก็จะมีงานบุญต่างๆ มีการไหว้อัฐิในวัด ญาติๆของคนตายก็จะมาเก็บกวาด ทำความสะอาด และมีของกินมาไหว้ อัฐิก็มีหลากหลายแบบ ทั้งที่เป็นรูปทรงเจดีย์ และที่มีลักษณะเป็นบ้านหลังเล็กๆ
พอผ่านช่วงงานบุญ หรือเทศกาลไป ในวัดก็จะเงียบมาก ผมก็จะมักเล่นซุกซนไปเรื่อย บางครั้งไม่มีเพื่อนเล่น ผมก็จะหาของนั่นของนี่ ที่อยู่ภายในวัดมาเล่น โดยที่ก็ไม่รู้หรอกว่าบางอย่างไม่สมควรเอามาเล่น หรือบางบริเวณก็ไม่สมควรที่จะไปเล่นตรงนั้น
มีครั้งนึงที่ผมได้เข้าไปนั่งเล่นในอัฐิที่เป็นบ้าน
เพราะด้วยความที่ยังเด็กและตัวเล็กมากก็เข้าไปนั่งเล่นได้สบาย เย็นดีครับ
ผมก็เอาพวกถ้วย ชาม ช้อน ที่มีคนเอามาไหว้นั่นแหละ เอามาเล่นซะ (แต่มันไม่มีของไหว้ละนะ) เล่นทำอาหารบ้าง เล่นขายของบ้าง บางทีก็เอาพวกตุ๊กตา พระ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีคนเอามาวางทิ้งไว้ที่ต้นโพธิ์ เอามาตั้งๆๆ วางไว้เป็นลูกค้าที่มาอุดหนุนอาหารที่ผมทำ 555+
บางครั้งก็นอนหลับตรงนั้นเลย อากาศมันเย็นสบายจริงๆ
เล่นแบบนั้นอยู่บ่อยครั้ง จนมีวันนึงที่ผมจำได้ฝังใจ
ผมเข้าไปเล่นที่อัฐิเดิม ตอนที่เข้าไปก็เห็นยายแก่ๆคนนึงนั่งกินของไหว้อยู่ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไร ผมก็ทักยายไปว่ามาเล่นที่นี่เหมือนกันหรอ แกก็ตอบว่าที่นี่เป็นบ้านแก ลูกๆแกซื้อบ้านหลังนี้ให้ นานๆลูกแกจะมาเยี่ยม แกเห็นผมมาเล่นที่นี่บ่อย ผมก็งง และถามยายไปว่าทำไมผมถึงไม่เคยเห็นยาย แกว่าแกอยู่ในบ้านตลอด แต่ไม่ค่อยได้ออกมา (ลืมบอกไปว่าอัฐิทรงบ้านอันนี้ จะเป็นตัวบ้านที่มีชายคายื่นออกมาด้านข้าง และตรงนั้นจะเป็นที่โล่งๆ มีหลังคาคลุม จุดที่ผมมาเล่นประจำคือใต้ชายคานั้น) ผมก็คุยกับแกไปเรื่อยนะ แกก็ชวนกินข้าว แต่ผมไม่ได้กินเพราะว่าผมกินอิ่มมาแล้ว
ผมไปเล่นที่นั่นบ่อย และก็เจอยายเกือบจะทุกครั้ง
จนมีวันนึงที่ผมกำลังเล่นขายของอยู่ มีหลวงตาท่านนึงแกเดินมาเจอ ท่านถามผมว่ามาเล่นอะไรตรงนี้ ผมก็ตอบไปว่ามาเล่นขายของ ท่านถาม..แล้วเมื่อกี้คุยกับใคร ก็ตอบตามประสาเด็กว่าคุยกับยายแล้วก็ลูกค้า (ตุ๊กตากับพระต่างๆที่เอามาวางนั่นล่ะ) ท่านก็บอกว่าทำไมไม่ไปเล่นที่อื่น แล้วสั่งให้ผมเอาของที่เอามาไปเก็บที่เดิม โดยที่ท่านก็บังคับและตามผมไปเก็บด้วย (เด็กเนอะ ก็กลัวว่าเค้าจะดุเรื่องเอามาเล่น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น) ระหว่างนั้นท่านก็ถามว่าคุยกับยายคนไหนหรอ ก็ตอบไปว่ายายแก่ๆเจ้าของบ้านหลังนั้นล่ะ ท่านก็ร้องอ๋อๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร แล้วท่านก็ให้ตามไปเอาขนมที่กุฏิของท่าน พอได้ขนมมาผมก็ไปเล่นที่นั่นต่อ กะว่าจะเอาขนมไปฝากยาย แต่ไปแล้วไม่เจอ เลยคิดว่าแกนอนหลับอยู่ในบ้าน ก็ไม่ได้เรียกแกออกมากิน นั่งเล่น นั่งกินจนหมด ก็ง่วงนอน (อย่างว่าเนอะ กินอิ่มก็ต้องนอน อย่าว่าแต่ตอนเด็กเลย ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ 555+) ผมก็เลยนอนหลับไป
จนแดดร่มลมตก แม่ก็ตะโกนเรียก ซึ่งผมก็ไม่ได้ยิน แต่ที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็เพราะยายแกปลุก บอกว่าแม่เรียกหาแล้ว ผมก็รีบลุกไปด้วยความเร็วแสง เพราะแม่ผมโหดมาก ถ้าได้ตีแกเล่นหนักแน่ 555+
พอไปถึง ก็เจอแม่กับหลวงตาท่านนั้นอยู่ด้วยกัน
ซึ่งมารู้ทีหลังว่า หลวงตาท่านเล่าให้แม่ผมฟังตามที่ท่านเห็นหมดแล้ว แม่ถามว่าไปไหนมา ผมก็ตอบตามความจริงว่าไปเล่นบ้านยายมา (กลัวโดนตีสุดๆ) แล้วเรียกตั้งนานทำไมไม่ได้ยิน ตอนนั้นหลับอยู่ ยายเพิ่งปลุก แม่ก็ถามว่ายายบ้านไหน ผมเลยชี้ไปทางอัฐิ แม่กับหลวงตาให้พาไปดู พอไปถึงหลวงตาก็ชี้ไปที่รูปบนอัฐิ แล้วถามว่า ยายคนนี้หรอ ผมก็ตอบว่าใช่ หลวงตากับแม่ไม่พูดอะไร มองหน้ากัน แล้วแม่ก็สั่งให้กลับเข้าบ้าน (กุฏิที่แม่อยู่ตอนบวชชี) ตอนนั้นผมรู้ตัวเลยว่าโดนตีแน่ๆ แล้วก็โดนจริงๆ แม่สั่งห้ามไม่ให้ผมไปเล่นที่นั่นอีก และห้ามไปเอาของตามต้นโพธิ์มาเล่นด้วย ถ้าไม่ทำตามจะโดนหนักกว่าเก่า ซึ่งผมก็ต้องทำตามที่แม่สั่งอยู่แล้ว เพราะแกพูดคำไหนคำนั้น ตีจริงๆไม่ใช้ตัวแสดงแทน 555+
คืนนั้นแม่ก็บอกให้ผมสวดมนต์กับแกก่อนนอน
ตอนนั้นผมก็คิดนะว่าผมคงผิดที่ไปเอาอะไรๆมาเล่น และก็คงผิดที่ไปรบกวนยายแกหรือเปล่า แม่ถึงสั่งห้ามไม่ให้ผมไปเล่นที่นั่นอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น ช่วงสายๆแม่ก็พาผมไปหาหลวงปู่เจ้าอาวาส หลวงปู่ท่านนี้เป็นพระที่ดังมากในระแวกนั้น ท่านมีนามว่า "พระครูจันทโรภาส"ชาวบ้านเรียกท่านว่า "หลวงปู่จันทร์" แม้แต่พระดังๆวัดอื่น ก็มากราบไหว้ แต่ตอนนี้ท่านเสียไปนานแล้ว เสียตอนอายุ 104 ปี ท่านเกิดในช่วงยุค ร.5 (สามารถค้นหาประวัติท่านในกูเกิ้ลได้เลยนะครับ)
หลวงปู่ท่านเอ็นดูผมเหมือนหลาน เหมือนเหลนของท่านคนนึง มักจะให้ผมไปบีบนวดอยู่บ่อยครั้ง บางทีท่านก็สอนคาถาให้บ้าง (เรื่องคาถาขออุบไว้นะครับ) และท่านก็ให้เงินกินขนมอยู่บ่อยๆด้วย (ชอบตรงนี้ล่ะ 555+)
แม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลวงปู่ฟัง แต่หลวงปู่บอกว่าท่านรู้แล้ว ยายแกไม่ทำอะไรผมหรอก ไม่ต้องกลัว ด้วยความที่ผมก็เด็ก ยังมีความคิดแบบเด็กๆ ซึ่งไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งลี้ลับอะไร จึงทำให้ผมไม่รู้ว่ายายเค้าเป็นผี ก็ยายเค้าไม่ได้มีความน่ากลัวเหมือนผีในหนังเนอะ
หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ดูดวงวันเดือนปีเกิดให้ผม
บอกว่าผมมีดวงผูกกับอะไรพวกนี้ เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจอ ท่านผูกข้อมือ ให้พระมาคล้องคอ แต่ท่านก็สั่งไม่ให้ไปเล่นอีก เพราะท่านกลัวว่าจะเจออย่างอื่นที่ไม่ดีแทน (เสียดายพระที่ท่านให้มา เพราะผมทำหายไปตอนไหนก็ไม่รู้)
และนี่ก็เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นกับการเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
เรื่องราวการพบเจอสิ่งลี้ลับของผมยังมีอีกเยอะ
จะค่อยๆลงไว้ให้อ่านกันนะครับ
ขอยืนยันว่าเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเรื่องจริง ไม่ได้แต่งขึ้นแต่อย่างใด
ขอบคุณที่อ่านครับ ^^
โปรดติดตามตอนต่อไป~
เรื่องลี้ลับ ขนหัวลุก จากประสบการณ์จริง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดปั่นจักรยานรอบจักรวาลในการอ่าน
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผมเอง ตั้งแต่ชีวิตในวัยเด็ก จนถึงปัจจุบัน
ชื่อคนที่อยู่ในเรื่องเล่าของผม มีตัวตนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือบุคคลอื่นๆก็ตาม (ถ้าผู้ที่อ่านเจอและรู้ว่าเป็นตัวเองก็ขออนุญาตมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
เรื่องราวอาจจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์นั้น
ตอนที่ 1 เบิกเนตรสัมผัสวิญญาณ
เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นผีครับ ชีวิตในวัยเด็กของผม คลุกคลีอยู่กับวัด เพราะบ้านอยู่ใกล้วัด และวัดก็เป็นทางผ่านไปโรงเรียน ผมมักจะไปวิ่งเล่นที่วัดอยู่บ่อยๆ มีเพื่อนเล่นบ้าง เล่นคนเดียวบ้าง เล่นกับเณรกับพระบ้าง ชอบไปขอขนมพระกินประจำ ผมกับพระ เณร เด็กวัด จะรู้จักกันดี
มีอยู่ช่วงนึงที่แม่ผมได้บวชชีแก้บน ด้วยความที่ผมยังเด็ก จึงต้องไปอาศัยอยู่กับแม่ที่วัด ตามประสาเด็กที่มักจะเล่นซนไปเรื่อยเปื่อย และไม่ได้คิดกลัวอะไร เพราะเคยชินกับวัดมาก
ผมมักจะชวนเพื่อนๆมาเล่นกับหมา ไก่ เต่า กระต่าย ที่ทางวัดเลี้ยงไว้ บางครั้งก็เล่นซ่อนหา หรือเล่นการละเล่นไทยๆทั่วไปในยุคนั้น ยุคที่ไม่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเหมือนตอนนี้ และเป็นบ้านนอกห่างไกลความเจริญ
ภายในวัดก็จะมีพวกป่าช้า และที่เก็บศพไม่มีญาติ
บางช่วงก็จะมีงานบุญต่างๆ มีการไหว้อัฐิในวัด ญาติๆของคนตายก็จะมาเก็บกวาด ทำความสะอาด และมีของกินมาไหว้ อัฐิก็มีหลากหลายแบบ ทั้งที่เป็นรูปทรงเจดีย์ และที่มีลักษณะเป็นบ้านหลังเล็กๆ
พอผ่านช่วงงานบุญ หรือเทศกาลไป ในวัดก็จะเงียบมาก ผมก็จะมักเล่นซุกซนไปเรื่อย บางครั้งไม่มีเพื่อนเล่น ผมก็จะหาของนั่นของนี่ ที่อยู่ภายในวัดมาเล่น โดยที่ก็ไม่รู้หรอกว่าบางอย่างไม่สมควรเอามาเล่น หรือบางบริเวณก็ไม่สมควรที่จะไปเล่นตรงนั้น
มีครั้งนึงที่ผมได้เข้าไปนั่งเล่นในอัฐิที่เป็นบ้าน
เพราะด้วยความที่ยังเด็กและตัวเล็กมากก็เข้าไปนั่งเล่นได้สบาย เย็นดีครับ
ผมก็เอาพวกถ้วย ชาม ช้อน ที่มีคนเอามาไหว้นั่นแหละ เอามาเล่นซะ (แต่มันไม่มีของไหว้ละนะ) เล่นทำอาหารบ้าง เล่นขายของบ้าง บางทีก็เอาพวกตุ๊กตา พระ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีคนเอามาวางทิ้งไว้ที่ต้นโพธิ์ เอามาตั้งๆๆ วางไว้เป็นลูกค้าที่มาอุดหนุนอาหารที่ผมทำ 555+
บางครั้งก็นอนหลับตรงนั้นเลย อากาศมันเย็นสบายจริงๆ
เล่นแบบนั้นอยู่บ่อยครั้ง จนมีวันนึงที่ผมจำได้ฝังใจ
ผมเข้าไปเล่นที่อัฐิเดิม ตอนที่เข้าไปก็เห็นยายแก่ๆคนนึงนั่งกินของไหว้อยู่ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไร ผมก็ทักยายไปว่ามาเล่นที่นี่เหมือนกันหรอ แกก็ตอบว่าที่นี่เป็นบ้านแก ลูกๆแกซื้อบ้านหลังนี้ให้ นานๆลูกแกจะมาเยี่ยม แกเห็นผมมาเล่นที่นี่บ่อย ผมก็งง และถามยายไปว่าทำไมผมถึงไม่เคยเห็นยาย แกว่าแกอยู่ในบ้านตลอด แต่ไม่ค่อยได้ออกมา (ลืมบอกไปว่าอัฐิทรงบ้านอันนี้ จะเป็นตัวบ้านที่มีชายคายื่นออกมาด้านข้าง และตรงนั้นจะเป็นที่โล่งๆ มีหลังคาคลุม จุดที่ผมมาเล่นประจำคือใต้ชายคานั้น) ผมก็คุยกับแกไปเรื่อยนะ แกก็ชวนกินข้าว แต่ผมไม่ได้กินเพราะว่าผมกินอิ่มมาแล้ว
ผมไปเล่นที่นั่นบ่อย และก็เจอยายเกือบจะทุกครั้ง
จนมีวันนึงที่ผมกำลังเล่นขายของอยู่ มีหลวงตาท่านนึงแกเดินมาเจอ ท่านถามผมว่ามาเล่นอะไรตรงนี้ ผมก็ตอบไปว่ามาเล่นขายของ ท่านถาม..แล้วเมื่อกี้คุยกับใคร ก็ตอบตามประสาเด็กว่าคุยกับยายแล้วก็ลูกค้า (ตุ๊กตากับพระต่างๆที่เอามาวางนั่นล่ะ) ท่านก็บอกว่าทำไมไม่ไปเล่นที่อื่น แล้วสั่งให้ผมเอาของที่เอามาไปเก็บที่เดิม โดยที่ท่านก็บังคับและตามผมไปเก็บด้วย (เด็กเนอะ ก็กลัวว่าเค้าจะดุเรื่องเอามาเล่น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น) ระหว่างนั้นท่านก็ถามว่าคุยกับยายคนไหนหรอ ก็ตอบไปว่ายายแก่ๆเจ้าของบ้านหลังนั้นล่ะ ท่านก็ร้องอ๋อๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร แล้วท่านก็ให้ตามไปเอาขนมที่กุฏิของท่าน พอได้ขนมมาผมก็ไปเล่นที่นั่นต่อ กะว่าจะเอาขนมไปฝากยาย แต่ไปแล้วไม่เจอ เลยคิดว่าแกนอนหลับอยู่ในบ้าน ก็ไม่ได้เรียกแกออกมากิน นั่งเล่น นั่งกินจนหมด ก็ง่วงนอน (อย่างว่าเนอะ กินอิ่มก็ต้องนอน อย่าว่าแต่ตอนเด็กเลย ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ 555+) ผมก็เลยนอนหลับไป
จนแดดร่มลมตก แม่ก็ตะโกนเรียก ซึ่งผมก็ไม่ได้ยิน แต่ที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็เพราะยายแกปลุก บอกว่าแม่เรียกหาแล้ว ผมก็รีบลุกไปด้วยความเร็วแสง เพราะแม่ผมโหดมาก ถ้าได้ตีแกเล่นหนักแน่ 555+
พอไปถึง ก็เจอแม่กับหลวงตาท่านนั้นอยู่ด้วยกัน
ซึ่งมารู้ทีหลังว่า หลวงตาท่านเล่าให้แม่ผมฟังตามที่ท่านเห็นหมดแล้ว แม่ถามว่าไปไหนมา ผมก็ตอบตามความจริงว่าไปเล่นบ้านยายมา (กลัวโดนตีสุดๆ) แล้วเรียกตั้งนานทำไมไม่ได้ยิน ตอนนั้นหลับอยู่ ยายเพิ่งปลุก แม่ก็ถามว่ายายบ้านไหน ผมเลยชี้ไปทางอัฐิ แม่กับหลวงตาให้พาไปดู พอไปถึงหลวงตาก็ชี้ไปที่รูปบนอัฐิ แล้วถามว่า ยายคนนี้หรอ ผมก็ตอบว่าใช่ หลวงตากับแม่ไม่พูดอะไร มองหน้ากัน แล้วแม่ก็สั่งให้กลับเข้าบ้าน (กุฏิที่แม่อยู่ตอนบวชชี) ตอนนั้นผมรู้ตัวเลยว่าโดนตีแน่ๆ แล้วก็โดนจริงๆ แม่สั่งห้ามไม่ให้ผมไปเล่นที่นั่นอีก และห้ามไปเอาของตามต้นโพธิ์มาเล่นด้วย ถ้าไม่ทำตามจะโดนหนักกว่าเก่า ซึ่งผมก็ต้องทำตามที่แม่สั่งอยู่แล้ว เพราะแกพูดคำไหนคำนั้น ตีจริงๆไม่ใช้ตัวแสดงแทน 555+
คืนนั้นแม่ก็บอกให้ผมสวดมนต์กับแกก่อนนอน
ตอนนั้นผมก็คิดนะว่าผมคงผิดที่ไปเอาอะไรๆมาเล่น และก็คงผิดที่ไปรบกวนยายแกหรือเปล่า แม่ถึงสั่งห้ามไม่ให้ผมไปเล่นที่นั่นอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น ช่วงสายๆแม่ก็พาผมไปหาหลวงปู่เจ้าอาวาส หลวงปู่ท่านนี้เป็นพระที่ดังมากในระแวกนั้น ท่านมีนามว่า "พระครูจันทโรภาส"ชาวบ้านเรียกท่านว่า "หลวงปู่จันทร์" แม้แต่พระดังๆวัดอื่น ก็มากราบไหว้ แต่ตอนนี้ท่านเสียไปนานแล้ว เสียตอนอายุ 104 ปี ท่านเกิดในช่วงยุค ร.5 (สามารถค้นหาประวัติท่านในกูเกิ้ลได้เลยนะครับ)
หลวงปู่ท่านเอ็นดูผมเหมือนหลาน เหมือนเหลนของท่านคนนึง มักจะให้ผมไปบีบนวดอยู่บ่อยครั้ง บางทีท่านก็สอนคาถาให้บ้าง (เรื่องคาถาขออุบไว้นะครับ) และท่านก็ให้เงินกินขนมอยู่บ่อยๆด้วย (ชอบตรงนี้ล่ะ 555+)
แม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลวงปู่ฟัง แต่หลวงปู่บอกว่าท่านรู้แล้ว ยายแกไม่ทำอะไรผมหรอก ไม่ต้องกลัว ด้วยความที่ผมก็เด็ก ยังมีความคิดแบบเด็กๆ ซึ่งไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งลี้ลับอะไร จึงทำให้ผมไม่รู้ว่ายายเค้าเป็นผี ก็ยายเค้าไม่ได้มีความน่ากลัวเหมือนผีในหนังเนอะ
หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ดูดวงวันเดือนปีเกิดให้ผม
บอกว่าผมมีดวงผูกกับอะไรพวกนี้ เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจอ ท่านผูกข้อมือ ให้พระมาคล้องคอ แต่ท่านก็สั่งไม่ให้ไปเล่นอีก เพราะท่านกลัวว่าจะเจออย่างอื่นที่ไม่ดีแทน (เสียดายพระที่ท่านให้มา เพราะผมทำหายไปตอนไหนก็ไม่รู้)
และนี่ก็เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นกับการเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
เรื่องราวการพบเจอสิ่งลี้ลับของผมยังมีอีกเยอะ
จะค่อยๆลงไว้ให้อ่านกันนะครับ
ขอยืนยันว่าเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเรื่องจริง ไม่ได้แต่งขึ้นแต่อย่างใด
ขอบคุณที่อ่านครับ ^^
โปรดติดตามตอนต่อไป~