ก่อนอื่นเลยเราขอเล่าเรื่องราวชีวิตของเราคือ เราชื่อว่า แองจี้ เกิดมามีปมด้อยมาตั้งแต่เด็กๆเลยคือ มีสีผิวที่ดำ ฟันทูน และปากเป็ด คือง่ายๆเลยก็คือเราไม่สวยเลยอ่ะ เพื่อนจึงมักจะมารุมด่า รุมล้อเราว่า อีดำปากเป็ดบ้าง อิดำฟันทูนบ้าง บ้างก็เอาชื่อเราไปแต่งใหม่ เป็นแองขี้ อะไรอย่างนี้อ่ะ แล้วคือตอนเด็กๆเราก็ร้องไห้บ่อยมาก เพราะเราถูกรุมด่า บางครั้งเราก็พยายามมองหาปมด้อยคนอื่นๆเพื่อจะด่ากลับแต่ก็ทำไม่ได้ เราพยายามบอกให้พวกเขาหยุดล้อเราสักที แต่คนอื่นๆก็เห็นว่าการกระทำของเรามันตลก ก็เลยยิ่งล้อเข้าไปอีก (มีอยู่ครั้งนึงเราเคยจะเอาส้อมมาแทงตัวเองด้วยอ่ะ)
เราเป็นนักกีฬาค่ะ และนักกีฬาก็ต้องใช้ระบบทีมในการเล่นกีฬานั้นๆไงคะ ทีนี้เพื่อนๆในนักกีฬาของเราก็ชอบล้อเราเหมือนกันค่ะ พวกเขามารุมด่า รุมว่าเราเหมือนคนอื่นๆเลย ภาพเหล่านั้นยังติดอยู่ในใจไม่หายเลยค่ะ เราพยายามพูดปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร สู้ๆนะ ต้องผ่านคนพวกนี้ไปให้ได้
ต่อมาคือเราจบชั้นประถม ชั้นประถมเราเรียนอยู่ที่ภูเก็ตค่ะ พอขึ้นมัธยมเราก็มาเรียนอยู่ที่พัทลุง เราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ และเราก็ยังเป็นนักกีฬาเหมือนเดิม เราคิดว่าที่นี่อาจจะไม่เหมือนที่นู่นก็ได้ เราคิดว่าเราหนีจากคนพวกนั้นมาได้แล้ว แต่ไม่ใช่เลย คนที่นี่ก็เป็นเหมือนกัน แต่แค่คนที่นี่เขาพูดภาษาใต้ แต่ที่นู่นพูดภาษากลาง ตอนเราอยู่ที่นี่ใหม่ๆ คนอื่นๆก็จะถามชื่อเรา เราก็ตอบว่าเราชื่อแองจี้ แต่เขากลับพูดขึ้นมาว่า คนบ้าอะไรชื่อแองจี้ ชื่อตลกจัง ประมานนี้อ่ะค่ะ แล้วมันเลยทำให้เราไม่มั่นใจขึ้นมา ว่าชื่อเรามันไม่ดีตรงไหน พอคนพูดมากๆเข้ามันทำให้เราไม่กล้าพูดคุยกับคนอื่นๆ ไม่กล้าเปิดใจรับอะไรใหม่ๆเลยค่ะ รู้สึกเริ่มกลัว และกังวลว่าจะเป็นเหมือนที่เดิมไหม และก็เป็นจริงค่ะ เพื่อนก็ยังล้อเรา เราพยายามทำตัวให้แลดูขาวขึ้น แต่ก็ยังดำเหมือนเดิม ได้แต่ถามตัวเองไปเรื่อยๆว่าเมื่อไรเราจะสวยสักที เราร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ละคืนจะนอนก็ร้องไห้ รู้สึกไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ เราก็ทนแบบนี้อยู่ประมานปีนึงค่ะ
พอเราขึ้น ม.2 พ่อกับแม่เราเลิกกัน และพ่อก็มีแฟนใหม่ เราร้องไห้ เราเสียใจมาก รู้สึกใจสลาย ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตแล้ว รู้สึกไร้ค่า โดดเดี่ยว เหมือนถูกทอดทิ้งเลยค่ะ เราพยายามไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนเราเริ่มทำใจได้ค่ะ และเราก็เริ่มมีแฟน(ตามประสาเด็กๆอ่ะนะ) แฟนเราเป็นทอมค่ะ เราคบกันได้ประมาน3เดือนแล้วเขาก็บอกเลิกเรา ด้วยเหตุผลที่ว่า "้เราน่าเบื่อ" และเท่านั้นไม่พอ แฟนคนนั้นดันไปคบกับเพื่อนสนิทเราต่ออีก ตอนนั้นเราเสียใจมาก ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง หลายความรู้สึกมากเลยค่ะ จนทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่กล้าพูดกับใคร เพราะกลัวคนอื่นจะเบื่อเราค่ะ คือเราเป็นคนที่พูดไม่เก่งไงคะ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง พ่อกับแม่เราก็ชอบให้เราประจบผู้ใหญ่มากๆ เพื่อจะให้ผู้ใหญ่เอ็นดู แต่เราทำไม่เป็นไงคะ เราก็เลยถูกเอาไปเปรียบเทียบอีกว่า คนนู้นยังทำดีกว่าอีก และก็พูดให้เราดูแย่ค่ะ เราเครียด เราไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องอดทนต่อไปค่ะ
เหตุผลที่เราอดทนคือเราไม่กล้าบอกเรื่องที่เราเครียดให้ใครฟัง กับแม่เราก็ไม่พูด เรากลัวแม่จะเครียดมากไปกว่านี้ แค่นี้แม่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว
หลังจากนั้นพอเราขึ้นม.3 ครอบครัวเราตกต่ำมาก จากที่เงินพอมีพอใช้ กลายมาเป็นไม่มี เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน เลยไม่ได้ทำงานหาเงินด้วยกัน กลายเป็นว่าเราก็ตกต่ำตามลงด้วย เราต้องพยายามอดทนเมื่อเห็นเพื่อนได้ของที่อยากได้ แต่เราไม่ได้ทั้งๆที่เราก็อยากได้บ้าง
และตอนเล่นกีฬาคือต้องใช้ระบบทีมในการเล่น และเราเล่นได้ไม่ดีพอ ก็คือเราจะทำเสียบ่อยมาก ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวถ่วง
ทุกวันนี้เรากลายเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครอยากคุยด้วย ไม่อยากพูดกับใคร กลัวการเผชิญหน้ากับผู้คน ร้องไห้บ่อยมากๆ ชอบอยู่คนเดียว รู้สึกไร้คุณค่า รู้สึกว่าตัวเราไม่มีค่าอะไรเลย บางครั้งรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย รู้สึกโดเดี่ยวเหมือนโดนทอดทิ้ง
อาการเหล่านนี้ที่กล่าวมาคือเราเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่าคะ
ปล.อาจจะเหมือนการระบายออกมาเลยค่ะขอโทษด้วย
อาการของเราคือโรคซึมเศร้ารึเปล่า??
เราเป็นนักกีฬาค่ะ และนักกีฬาก็ต้องใช้ระบบทีมในการเล่นกีฬานั้นๆไงคะ ทีนี้เพื่อนๆในนักกีฬาของเราก็ชอบล้อเราเหมือนกันค่ะ พวกเขามารุมด่า รุมว่าเราเหมือนคนอื่นๆเลย ภาพเหล่านั้นยังติดอยู่ในใจไม่หายเลยค่ะ เราพยายามพูดปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร สู้ๆนะ ต้องผ่านคนพวกนี้ไปให้ได้
ต่อมาคือเราจบชั้นประถม ชั้นประถมเราเรียนอยู่ที่ภูเก็ตค่ะ พอขึ้นมัธยมเราก็มาเรียนอยู่ที่พัทลุง เราไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ และเราก็ยังเป็นนักกีฬาเหมือนเดิม เราคิดว่าที่นี่อาจจะไม่เหมือนที่นู่นก็ได้ เราคิดว่าเราหนีจากคนพวกนั้นมาได้แล้ว แต่ไม่ใช่เลย คนที่นี่ก็เป็นเหมือนกัน แต่แค่คนที่นี่เขาพูดภาษาใต้ แต่ที่นู่นพูดภาษากลาง ตอนเราอยู่ที่นี่ใหม่ๆ คนอื่นๆก็จะถามชื่อเรา เราก็ตอบว่าเราชื่อแองจี้ แต่เขากลับพูดขึ้นมาว่า คนบ้าอะไรชื่อแองจี้ ชื่อตลกจัง ประมานนี้อ่ะค่ะ แล้วมันเลยทำให้เราไม่มั่นใจขึ้นมา ว่าชื่อเรามันไม่ดีตรงไหน พอคนพูดมากๆเข้ามันทำให้เราไม่กล้าพูดคุยกับคนอื่นๆ ไม่กล้าเปิดใจรับอะไรใหม่ๆเลยค่ะ รู้สึกเริ่มกลัว และกังวลว่าจะเป็นเหมือนที่เดิมไหม และก็เป็นจริงค่ะ เพื่อนก็ยังล้อเรา เราพยายามทำตัวให้แลดูขาวขึ้น แต่ก็ยังดำเหมือนเดิม ได้แต่ถามตัวเองไปเรื่อยๆว่าเมื่อไรเราจะสวยสักที เราร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ละคืนจะนอนก็ร้องไห้ รู้สึกไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ เราก็ทนแบบนี้อยู่ประมานปีนึงค่ะ
พอเราขึ้น ม.2 พ่อกับแม่เราเลิกกัน และพ่อก็มีแฟนใหม่ เราร้องไห้ เราเสียใจมาก รู้สึกใจสลาย ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตแล้ว รู้สึกไร้ค่า โดดเดี่ยว เหมือนถูกทอดทิ้งเลยค่ะ เราพยายามไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนเราเริ่มทำใจได้ค่ะ และเราก็เริ่มมีแฟน(ตามประสาเด็กๆอ่ะนะ) แฟนเราเป็นทอมค่ะ เราคบกันได้ประมาน3เดือนแล้วเขาก็บอกเลิกเรา ด้วยเหตุผลที่ว่า "้เราน่าเบื่อ" และเท่านั้นไม่พอ แฟนคนนั้นดันไปคบกับเพื่อนสนิทเราต่ออีก ตอนนั้นเราเสียใจมาก ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง หลายความรู้สึกมากเลยค่ะ จนทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่กล้าพูดกับใคร เพราะกลัวคนอื่นจะเบื่อเราค่ะ คือเราเป็นคนที่พูดไม่เก่งไงคะ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง พ่อกับแม่เราก็ชอบให้เราประจบผู้ใหญ่มากๆ เพื่อจะให้ผู้ใหญ่เอ็นดู แต่เราทำไม่เป็นไงคะ เราก็เลยถูกเอาไปเปรียบเทียบอีกว่า คนนู้นยังทำดีกว่าอีก และก็พูดให้เราดูแย่ค่ะ เราเครียด เราไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องอดทนต่อไปค่ะ
เหตุผลที่เราอดทนคือเราไม่กล้าบอกเรื่องที่เราเครียดให้ใครฟัง กับแม่เราก็ไม่พูด เรากลัวแม่จะเครียดมากไปกว่านี้ แค่นี้แม่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว
หลังจากนั้นพอเราขึ้นม.3 ครอบครัวเราตกต่ำมาก จากที่เงินพอมีพอใช้ กลายมาเป็นไม่มี เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน เลยไม่ได้ทำงานหาเงินด้วยกัน กลายเป็นว่าเราก็ตกต่ำตามลงด้วย เราต้องพยายามอดทนเมื่อเห็นเพื่อนได้ของที่อยากได้ แต่เราไม่ได้ทั้งๆที่เราก็อยากได้บ้าง
และตอนเล่นกีฬาคือต้องใช้ระบบทีมในการเล่น และเราเล่นได้ไม่ดีพอ ก็คือเราจะทำเสียบ่อยมาก ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวถ่วง
ทุกวันนี้เรากลายเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครอยากคุยด้วย ไม่อยากพูดกับใคร กลัวการเผชิญหน้ากับผู้คน ร้องไห้บ่อยมากๆ ชอบอยู่คนเดียว รู้สึกไร้คุณค่า รู้สึกว่าตัวเราไม่มีค่าอะไรเลย บางครั้งรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย รู้สึกโดเดี่ยวเหมือนโดนทอดทิ้ง
อาการเหล่านนี้ที่กล่าวมาคือเราเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่าคะ
ปล.อาจจะเหมือนการระบายออกมาเลยค่ะขอโทษด้วย