สวัสดีครับ ผมอายุ 38 ปี โสดและเป็นเกย์ครับ ผมรู้จักกับน้องคนนึงซึ่งก็เป็นเกย์เหมือนกัน ขอแทนชื่อน้องเค้าว่า ซี นะครับ
ซีอายุ 25 ปี เรารู้จักกันทางแอพเกย์สีฟ้า ผมกับซีทำงานที่เดียวกันครับ แต่อยู่กันคนละส่วนงาน เราพูดคุยและรู้จักกันมาเกือบ 4 เดือนแล้วครับ ซีเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ พูดจามีหางเสียง ซึ่งส่วนตัวผมชอบคนที่อายุอ่อนกว่าและก็สุภาพ ซึ่งซีก็ตรงกับจริตผมครับ เพิ่งผ่านวันเกิดซีมาไม่นาน ผมตัดสินใจซื้อโน็ต 9 ให้เป็นของขวัญวันเกิด ถ้าจะบอกว่าผมเป็นพวกสายเปย์ ก็คงใช่มั้งครับ
วันแรกที่ผมทักซีไปทางแอพ ผมก็ขอไลน์ไอดีเค้าวันนั้นเลย เพราะผมไม่ค่อยเข้าไปเล่นแอพสีฟ้าบ่อย แล้วก็จะไม่ตั้งเตือนข้อความใหม่ด้วยเพราะบางทีผมทำงานแล้วข้อความรบกวนสมาธิ วันที่สองผมก็นัดซีพาไปกินข้าวหลังเลิกงาน ตอนคุยกันผมถามซีว่ามีแฟนหรือยัง เค้าก็อ้ำอึ้งจนวันนั้นผมก็รู้ความจริงว่า ซีมีแฟนแล้ว และรู้จักกันมาประมาณ 4 ปี
ผมก็เลยตัดสินใจว่า งั้นเราก็คุยกันแบบทั่วไป แค่รู้จักแต่ไม่ผูกพัน แต่ด้วยความที่เราอยู่ที่ทำงานเดียวกัน ทักแชทคุยกัน เลิกงานเจอกันทุกวัน ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับซีมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ทำงานที่รู้จักผมคงรู้ เพราะเห็นว่าผมไปไหนมาไหนด้วยกันและกำลังคบกับซีอยู่ ผมเองเป็นคนที่เวลาผมจะคบกับใครซักคน ผมจะให้ใจกับคนๆนั้นจริงๆและไม่คบซ้อน
ซีเค้าอยู่หอพักใกล้ที่ทำงานแต่อยู่ร่วมห้องกับเพื่อนผู้หญิง ผมเช่าอพาร์ทเม้นท์ใกล้ที่ทำงานอยู่เพราะขี้เกียจตื่นเช้าและฝ่ารถติดมาทำงานทุกวัน เลยให้ซีไปๆมาๆที่ห้องผมได้ตลอดเพราะที่พักเราใกล้กัน เป็นแบบนี้อยู่เป็นเดือน จนวันนึงผมมีโอกาสได้ไปบ้านซีที่ตจว. แล้วก็รู้จักกับแม่และญาติๆของเค้า
ก่อนวันที่จะไปบ้านซี ตัวเค้าเองก็รู้สึกเกรงใจผมนะ ไม่อยากให้ผมไปเจอที่บ้านเค้า อีกอย่าง เค้าลาหยุดวันจันทร์ต่ออีกวัน ถ้าผมไปบ้านเค้าก็ต้องลาหยุดด้วย แต่ผมไม่ซีเรียสเพราะเช็คเมลล์และคุยงานผ่านมือถือได้ตลอด เลยลาหยุดได้ไม่มีปัญหา วันเดินทางคืนวันศุกร์ ผมขับรถพาซีกลับบ้าน ก่อนหน้าวันจะกลับ ผมกับซีไปเดินห้างกัน เลยได้รถแบตเตอรี่ไฟฟ้าแบบรีโมทบังคับได้ ไปฝากหลานชายอายุ 2 ขวบ ที่บ้านคันนึง ผมเข้ากับแม่และญาติผู้ใหญ่ของซีได้อย่างดีไม่มีปัญหาอะไร จนวันกลับก็มีการผูกแขนทั่วไปตามประเพณี แล้วผมก็ให้เงินแม่ซีเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป
ผมกับซีใช้ชีวิตกันตามปกติ เหมือนคนเป็นแฟนกันครับ หลังๆซีก็มาพักที่ห้องผมมากกว่า เวลาออกไปทำงานก็ไปพร้อมกัน เลิกงานซื้อข้าวมากินที่ห้องหรือกินข้าวข้างนอกบ้าง มีวันที่ผมไม่สบายหรือซีไม่สบาย เราสองคนก็คอยดูแลกันอย่างดี
ถ้าถามว่าแฟนที่เค้าคบกันมาโทรหาหรือคุยกันอยู่มั้ย ใช่ครับ เค้าคุยกันอยู่และแชทคุยกันทุกวัน มีช่วงนึงที่เค้าลางานกลับไปบ้านแฟนเค้าที่ตจว. ผมยอมรับว่าเฮิร์ทมากนะช่วงนั้น โทรไปตอนเค้าอยู่ด้วยกันก็คุยไม่ได้ ต้องรอแฟนเค้าไม่อยู่ ถึงคุยกันได้ แต่ผมก็ต้องคอยทำใจยอมรับ เวลาอยู่ด้วยกันที่ห้องผม พอฝ่ายโน้นเค้าโทรมา ซีก็เดินออกไปคุยหลังห้อง หลังๆผมบอกว่า จะคุยก็คุยในห้องนี่แหละไม่ต้องเดินออกไปคุยข้างนอกหรอก เค้าก็คุยกันไม่นานนะครับ ลักษณะคุยกันแบบทั่วไป เหมือนคุยตามหน้าที่ ซึ่งผมก็ไม่ได้ยินเค้าคุยกันแบบจ๊ะจ๋า หรือพูดว่าคิดถึงนะก่อนวางสาย เดี๋ยวนี้ผมก็เริ่มชินแล้ว ผมไม่เคยไประรานหรือแสดงตัวว่าซีกำลังคบกับผมอยู่นะครับ อาศัยรอวันที่เค้าจะเป็นคนตัดสินใจเลือกเอง ถ้าเค้าจะเลือกฝ่ายโน้น ผมก็ยินดีให้เค้าไปและพร้อมทำใจยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นคนกำหนดให้มันเป็นแบบนี้เอง
ล่าสุดน้องสาวซีมีปัญหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนที่ทำงาน ผมขับรถพาซีไปเจอน้องสาวและลุงเค้า แถวบางกระดี่ที่พักน้องสาวและเคลียร์กับคู่กรณีก็จบเรื่องไป ผมคุยกับซีแล้วเลยตัดสินใจกันว่า ให้น้องสาวซีมาสมัครงานที่บริษัทเราสองคนทำงานอยู่เพื่ออยู่ใกล้หูใกล้ตาจะได้ดูแลกัน ผมติดต่อ HR เพื่อให้ดูตำแหน่งงานให้น้องสาวซีและให้รีบมาสมัครงาน วันนั้นหลังจากเคลียร์ธุระเรื่องน้องสาวเสร็จ ผมก็ถามซีว่า ไหนพูดให้พี่ฟังหน่อยว่า เราจะใช้ชีวิตกันยังไงต่อไป แล้วถ้าคนทางโน้นเค้ารู้ว่าซีคบกับพี่อยู่จะทำยังไง ผมพูดกับซีว่า ถ้าจะให้พี่พูด พี่ก็พูดแบบเห็นแก่ตัวก็ได้เพื่อให้ซีเลือกพี่ แต่พี่ไม่อยากพูดแบบนั้น เพราะรู้กันอยู่แก่ใจ ซีบอกผมว่า เค้าก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงหรือพูดกับฝ่ายโน้นยังไงดี เค้าเรียนจบมาได้ก็เพราะฝ่ายโน้นเค้าช่วยเหลือมา ไม่มีเค้าก็เรียนไม่จบ เค้ามีบุญคุณกับซี แต่พี่ก็ดีกับซีทุกอย่าง พูดเรื่องนี้ทีไรก็เครียดขึ้นมาทันที เลยไม่อยากคิดไม่อยากพูดอะไร
ถึงตอนนี้อารมณ์และความรู้สึกผมเหมือนเพลง กลับไม่ได้ไปไม่ถึงเลยจริงๆครับ ใครมีประสบการณ์หรือทางออกดีๆช่วยชี้แนะหน่อยครับ
กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ทำยังไงดี?
ซีอายุ 25 ปี เรารู้จักกันทางแอพเกย์สีฟ้า ผมกับซีทำงานที่เดียวกันครับ แต่อยู่กันคนละส่วนงาน เราพูดคุยและรู้จักกันมาเกือบ 4 เดือนแล้วครับ ซีเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย มีสัมมาคารวะ พูดจามีหางเสียง ซึ่งส่วนตัวผมชอบคนที่อายุอ่อนกว่าและก็สุภาพ ซึ่งซีก็ตรงกับจริตผมครับ เพิ่งผ่านวันเกิดซีมาไม่นาน ผมตัดสินใจซื้อโน็ต 9 ให้เป็นของขวัญวันเกิด ถ้าจะบอกว่าผมเป็นพวกสายเปย์ ก็คงใช่มั้งครับ
วันแรกที่ผมทักซีไปทางแอพ ผมก็ขอไลน์ไอดีเค้าวันนั้นเลย เพราะผมไม่ค่อยเข้าไปเล่นแอพสีฟ้าบ่อย แล้วก็จะไม่ตั้งเตือนข้อความใหม่ด้วยเพราะบางทีผมทำงานแล้วข้อความรบกวนสมาธิ วันที่สองผมก็นัดซีพาไปกินข้าวหลังเลิกงาน ตอนคุยกันผมถามซีว่ามีแฟนหรือยัง เค้าก็อ้ำอึ้งจนวันนั้นผมก็รู้ความจริงว่า ซีมีแฟนแล้ว และรู้จักกันมาประมาณ 4 ปี
ผมก็เลยตัดสินใจว่า งั้นเราก็คุยกันแบบทั่วไป แค่รู้จักแต่ไม่ผูกพัน แต่ด้วยความที่เราอยู่ที่ทำงานเดียวกัน ทักแชทคุยกัน เลิกงานเจอกันทุกวัน ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับซีมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ทำงานที่รู้จักผมคงรู้ เพราะเห็นว่าผมไปไหนมาไหนด้วยกันและกำลังคบกับซีอยู่ ผมเองเป็นคนที่เวลาผมจะคบกับใครซักคน ผมจะให้ใจกับคนๆนั้นจริงๆและไม่คบซ้อน
ซีเค้าอยู่หอพักใกล้ที่ทำงานแต่อยู่ร่วมห้องกับเพื่อนผู้หญิง ผมเช่าอพาร์ทเม้นท์ใกล้ที่ทำงานอยู่เพราะขี้เกียจตื่นเช้าและฝ่ารถติดมาทำงานทุกวัน เลยให้ซีไปๆมาๆที่ห้องผมได้ตลอดเพราะที่พักเราใกล้กัน เป็นแบบนี้อยู่เป็นเดือน จนวันนึงผมมีโอกาสได้ไปบ้านซีที่ตจว. แล้วก็รู้จักกับแม่และญาติๆของเค้า
ก่อนวันที่จะไปบ้านซี ตัวเค้าเองก็รู้สึกเกรงใจผมนะ ไม่อยากให้ผมไปเจอที่บ้านเค้า อีกอย่าง เค้าลาหยุดวันจันทร์ต่ออีกวัน ถ้าผมไปบ้านเค้าก็ต้องลาหยุดด้วย แต่ผมไม่ซีเรียสเพราะเช็คเมลล์และคุยงานผ่านมือถือได้ตลอด เลยลาหยุดได้ไม่มีปัญหา วันเดินทางคืนวันศุกร์ ผมขับรถพาซีกลับบ้าน ก่อนหน้าวันจะกลับ ผมกับซีไปเดินห้างกัน เลยได้รถแบตเตอรี่ไฟฟ้าแบบรีโมทบังคับได้ ไปฝากหลานชายอายุ 2 ขวบ ที่บ้านคันนึง ผมเข้ากับแม่และญาติผู้ใหญ่ของซีได้อย่างดีไม่มีปัญหาอะไร จนวันกลับก็มีการผูกแขนทั่วไปตามประเพณี แล้วผมก็ให้เงินแม่ซีเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไป
ผมกับซีใช้ชีวิตกันตามปกติ เหมือนคนเป็นแฟนกันครับ หลังๆซีก็มาพักที่ห้องผมมากกว่า เวลาออกไปทำงานก็ไปพร้อมกัน เลิกงานซื้อข้าวมากินที่ห้องหรือกินข้าวข้างนอกบ้าง มีวันที่ผมไม่สบายหรือซีไม่สบาย เราสองคนก็คอยดูแลกันอย่างดี
ถ้าถามว่าแฟนที่เค้าคบกันมาโทรหาหรือคุยกันอยู่มั้ย ใช่ครับ เค้าคุยกันอยู่และแชทคุยกันทุกวัน มีช่วงนึงที่เค้าลางานกลับไปบ้านแฟนเค้าที่ตจว. ผมยอมรับว่าเฮิร์ทมากนะช่วงนั้น โทรไปตอนเค้าอยู่ด้วยกันก็คุยไม่ได้ ต้องรอแฟนเค้าไม่อยู่ ถึงคุยกันได้ แต่ผมก็ต้องคอยทำใจยอมรับ เวลาอยู่ด้วยกันที่ห้องผม พอฝ่ายโน้นเค้าโทรมา ซีก็เดินออกไปคุยหลังห้อง หลังๆผมบอกว่า จะคุยก็คุยในห้องนี่แหละไม่ต้องเดินออกไปคุยข้างนอกหรอก เค้าก็คุยกันไม่นานนะครับ ลักษณะคุยกันแบบทั่วไป เหมือนคุยตามหน้าที่ ซึ่งผมก็ไม่ได้ยินเค้าคุยกันแบบจ๊ะจ๋า หรือพูดว่าคิดถึงนะก่อนวางสาย เดี๋ยวนี้ผมก็เริ่มชินแล้ว ผมไม่เคยไประรานหรือแสดงตัวว่าซีกำลังคบกับผมอยู่นะครับ อาศัยรอวันที่เค้าจะเป็นคนตัดสินใจเลือกเอง ถ้าเค้าจะเลือกฝ่ายโน้น ผมก็ยินดีให้เค้าไปและพร้อมทำใจยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นคนกำหนดให้มันเป็นแบบนี้เอง
ล่าสุดน้องสาวซีมีปัญหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนที่ทำงาน ผมขับรถพาซีไปเจอน้องสาวและลุงเค้า แถวบางกระดี่ที่พักน้องสาวและเคลียร์กับคู่กรณีก็จบเรื่องไป ผมคุยกับซีแล้วเลยตัดสินใจกันว่า ให้น้องสาวซีมาสมัครงานที่บริษัทเราสองคนทำงานอยู่เพื่ออยู่ใกล้หูใกล้ตาจะได้ดูแลกัน ผมติดต่อ HR เพื่อให้ดูตำแหน่งงานให้น้องสาวซีและให้รีบมาสมัครงาน วันนั้นหลังจากเคลียร์ธุระเรื่องน้องสาวเสร็จ ผมก็ถามซีว่า ไหนพูดให้พี่ฟังหน่อยว่า เราจะใช้ชีวิตกันยังไงต่อไป แล้วถ้าคนทางโน้นเค้ารู้ว่าซีคบกับพี่อยู่จะทำยังไง ผมพูดกับซีว่า ถ้าจะให้พี่พูด พี่ก็พูดแบบเห็นแก่ตัวก็ได้เพื่อให้ซีเลือกพี่ แต่พี่ไม่อยากพูดแบบนั้น เพราะรู้กันอยู่แก่ใจ ซีบอกผมว่า เค้าก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงหรือพูดกับฝ่ายโน้นยังไงดี เค้าเรียนจบมาได้ก็เพราะฝ่ายโน้นเค้าช่วยเหลือมา ไม่มีเค้าก็เรียนไม่จบ เค้ามีบุญคุณกับซี แต่พี่ก็ดีกับซีทุกอย่าง พูดเรื่องนี้ทีไรก็เครียดขึ้นมาทันที เลยไม่อยากคิดไม่อยากพูดอะไร
ถึงตอนนี้อารมณ์และความรู้สึกผมเหมือนเพลง กลับไม่ได้ไปไม่ถึงเลยจริงๆครับ ใครมีประสบการณ์หรือทางออกดีๆช่วยชี้แนะหน่อยครับ