วันนี้พาคู่หูไปเลี้ยงวันเกิดย้อนหลัง เนื่องจากชอบเนื้อกันมากทั้งคู่ เลยตกลงว่าจะกินร้านนี้ที่เล็งมานาน ประจวบเหมาะกับที่เขาจัดบุฟเฟ่ต์ของ Hungry Hub ด้วย ดูแล้วเงื่อนไข ราคา ใช้ได้ เลยจองมาฉลองกันวันนี้
ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ใต้คอนโด El Patio
ไปตรงเวลาเป๊ะ
บรรยากาศในร้าน
ดูเมนูของ 3,500 บาท จริง ๆ ก็ดูมาแล้ว แต่ต้องถามรายละเอียดให้แน่ใจอีกครั้ง ที่ต้องถามเลยคือ side dish ของจานเนื้อจะมีอะไรมาบ้าง กลัวโดนยัดของที่ไม่อยากกินมาด้วย แต่สรุปร้านแฟร์มาก สั่งเนื้อก็มาแต่เนื้อ พร้อมมันบดน้ำเกรวี่นิดหน่อย เรียกว่าดีงาม กล้าสั่งเยอะหน่อย
ราคานี้มีเครื่องดื่มรวมมาด้วยแล้ว เป็นน้ำเปล่าและ soft drink
สั่งไปแล้วก็รอ แต่ไม่นาน
ระหว่างรอเนื้อก็จัดซุปมาเรียกน้ำย่อยก่อน สั่งเป็น Lobster Bisque with Floating Caviar รสชาติอร่อยดี กลิ่นล็อปสเตอร์เข้มข้น ส่วนคาเวียร์อย่าไปหวังมาก ไม่ค่อยรู้สึกว่ามีเท่าไหร่
เนื้อจานแรกที่สั่ง ยังไม่ใช่แบบ premium ที่สั่งไปคือ USDA Prime Rib-eye, 400 กรัม
(แบบ 3,500 บาทจะมีแบบ premium ที่สั่งได้คนละ 1 ที่ กับสเต็กธรรมดา ที่จริง ๆ ก็เรียกว่าของดีแล้วละ ให้สั่งได้ไม่อั้น)
ดีงามมาก เนื้อนุ่ม หอม หวาน รสเนื้อชัดเจน คุมไฟได้ดี ได้ medium rare อย่างที่ต้องการ การปรุงรสก็ดี แทบไม่ต้องจิ้มอะไรเลย
ซ้อสที่สั่งไปด้วยตั้งแต่แรกคือ Truffle Butter และ Classic gravy คือมันก็ดีงามอยู่ แต่เนื้อนี่ไม่ต้องจิ้มอะไรก็อร่อยมากอยู่แล้ว
เครื่องปรุงอื่น ๆ ที่ให้มาด้วย สรุปคือไม่ได้ใช้
ที่นี่ให้สั่ง side dish ร่วมมากินด้วยได้ ซึ่ง side dish เขาก็ไม่ธรรมดา ที่สั่งมามี Foie Gras และ Bone Marrow (ไขกระดูก) ทั้งคู่คือปรุงมาได้ดี
Foie Gras นี่รู้สึกได้เลยว่าคุณภาพดีกว่าบางโรงแรมอีก ส่วน Bone Marrow ร้านนี้ปรุงมาได้ดี มีความมันและหอม
มาที่เมนู premium สั่งวากิวญี่ปุ่นทั้งคู่
จานแรกคือ Miyazaki Wagyu Rib-eye A4 marble score 7-8, 400 กรัม
อีกจานคือ Kagoshima Wagyu Striploin A4 marbel score 7-8, 400 กรัม
เรื่องความนุ่ม ไม่ต้องพูดถึง ตามคุณภาพของวากิวญี่ปุ่นเลย คือนุ่มมาก กัดเบา ๆ ก็ขาด ไม่เหนียว เรื่องความหวานของเนื้อ เนื้อ 2 อย่างนี้รสเนื้อและกลิ่นต่างกัน บอกไม่ถูกเหมือนกัน เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละแบบ ปัญหาของเนื้อวากิวคือเนื้อจะมีมันแทรกมาก เพราะเขาเลี้ยงมาแบบนี้อยู่แล้ว บางคนที่ไม่ชอบความมันมากจะเริ่มเลี่ยนได้ แต่พวกเราชอบ เลยสบาย ๆ (แต่ก็มีแอบจิ้มเกรวี่ช่วงหลัง ๆ 555)
แก้เลี่ยนด้วย Salad mixed Green Balsamic and Berry Sauce (จริง ๆ ในเมนูเขาจะมี Foie Gras ด้วย แต่พวกเราขอว่าไม่ต้องใส่ดีกว่า จะได้ไม่เลี่ยนเพิ่มขึ้น)
ตอนนี้เหลือเนื้ออีก 2 สัญชาติในเมนูที่ไม่ได้ลอง คือเนื้อออสเตรเลียและเนื้ออาร์เจนติน่า แต่กินไหวอีกแค่ 1 เท่านั้น เลยลองเนื้อที่ยังไม่เคยชิม เป็น Argentinian beef, Tenderloin 200 กรัม, Grass-fed
และก็ไม่ผิดหวัง สรุปกินกันมานี่ชอบเนื้อชนิดนี้ที่สุด เนื้อมีกลิ่นโดดเด่น หอม เข้มข้น ความนุ่มนี่ก็ใช้ได้ ไม่ขนาดวากิวญี่ปุ่นหรือเนื้อ US แต่นุ่มกำลังดีเลย (เคยกินเนื้อ Galician Beef จากสเปน ตอนนั้นก็ว่าชอบแล้ว แต่ของอาร์เจนติน่านี่ชอบมากกว่า)
อิ่มสุด ๆ สั่ง soft drink อีกแก้วปิดท้าย
ราคามื้อนี้ ก็ 3,500 บาทต่อคน พนักงานทั้งคุณกัปตันผู้ชายและน้อง ๆ ผู้หญิงบริการดีเยี่ยม เลยให้พิเศษอีกหน่อย
ถือว่าเป็นโปรโมชั่นที่คุ้มมาก เคยกินวากิวญี่ปุ่น Kagoshima ที่บางร้านตอนไม่จัดโปรโมชั่น ก็ขีดละประมาณพันต้น ๆ ถึงกลาง ๆ จานนึงที่กินก็ราคาเท่ากับบุฟเฟ่ต์ที่นี่หัวนึงละ แต่ที่นี่มีเมนูอื่น ๆ เพิ่มมาอีก เลยถือเป็นข้อดี
[CR] Meat Bar 31 กินบุฟเฟ่ต์สเต็ก คนละ 3,500 บาท เนื้อดีงามมาก คุณภาพเยี่ยม
ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ใต้คอนโด El Patio
ไปตรงเวลาเป๊ะ
บรรยากาศในร้าน
ดูเมนูของ 3,500 บาท จริง ๆ ก็ดูมาแล้ว แต่ต้องถามรายละเอียดให้แน่ใจอีกครั้ง ที่ต้องถามเลยคือ side dish ของจานเนื้อจะมีอะไรมาบ้าง กลัวโดนยัดของที่ไม่อยากกินมาด้วย แต่สรุปร้านแฟร์มาก สั่งเนื้อก็มาแต่เนื้อ พร้อมมันบดน้ำเกรวี่นิดหน่อย เรียกว่าดีงาม กล้าสั่งเยอะหน่อย
ราคานี้มีเครื่องดื่มรวมมาด้วยแล้ว เป็นน้ำเปล่าและ soft drink
สั่งไปแล้วก็รอ แต่ไม่นาน
ระหว่างรอเนื้อก็จัดซุปมาเรียกน้ำย่อยก่อน สั่งเป็น Lobster Bisque with Floating Caviar รสชาติอร่อยดี กลิ่นล็อปสเตอร์เข้มข้น ส่วนคาเวียร์อย่าไปหวังมาก ไม่ค่อยรู้สึกว่ามีเท่าไหร่
เนื้อจานแรกที่สั่ง ยังไม่ใช่แบบ premium ที่สั่งไปคือ USDA Prime Rib-eye, 400 กรัม
(แบบ 3,500 บาทจะมีแบบ premium ที่สั่งได้คนละ 1 ที่ กับสเต็กธรรมดา ที่จริง ๆ ก็เรียกว่าของดีแล้วละ ให้สั่งได้ไม่อั้น)
ดีงามมาก เนื้อนุ่ม หอม หวาน รสเนื้อชัดเจน คุมไฟได้ดี ได้ medium rare อย่างที่ต้องการ การปรุงรสก็ดี แทบไม่ต้องจิ้มอะไรเลย
ซ้อสที่สั่งไปด้วยตั้งแต่แรกคือ Truffle Butter และ Classic gravy คือมันก็ดีงามอยู่ แต่เนื้อนี่ไม่ต้องจิ้มอะไรก็อร่อยมากอยู่แล้ว
เครื่องปรุงอื่น ๆ ที่ให้มาด้วย สรุปคือไม่ได้ใช้
ที่นี่ให้สั่ง side dish ร่วมมากินด้วยได้ ซึ่ง side dish เขาก็ไม่ธรรมดา ที่สั่งมามี Foie Gras และ Bone Marrow (ไขกระดูก) ทั้งคู่คือปรุงมาได้ดี
Foie Gras นี่รู้สึกได้เลยว่าคุณภาพดีกว่าบางโรงแรมอีก ส่วน Bone Marrow ร้านนี้ปรุงมาได้ดี มีความมันและหอม
มาที่เมนู premium สั่งวากิวญี่ปุ่นทั้งคู่
จานแรกคือ Miyazaki Wagyu Rib-eye A4 marble score 7-8, 400 กรัม
อีกจานคือ Kagoshima Wagyu Striploin A4 marbel score 7-8, 400 กรัม
เรื่องความนุ่ม ไม่ต้องพูดถึง ตามคุณภาพของวากิวญี่ปุ่นเลย คือนุ่มมาก กัดเบา ๆ ก็ขาด ไม่เหนียว เรื่องความหวานของเนื้อ เนื้อ 2 อย่างนี้รสเนื้อและกลิ่นต่างกัน บอกไม่ถูกเหมือนกัน เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละแบบ ปัญหาของเนื้อวากิวคือเนื้อจะมีมันแทรกมาก เพราะเขาเลี้ยงมาแบบนี้อยู่แล้ว บางคนที่ไม่ชอบความมันมากจะเริ่มเลี่ยนได้ แต่พวกเราชอบ เลยสบาย ๆ (แต่ก็มีแอบจิ้มเกรวี่ช่วงหลัง ๆ 555)
แก้เลี่ยนด้วย Salad mixed Green Balsamic and Berry Sauce (จริง ๆ ในเมนูเขาจะมี Foie Gras ด้วย แต่พวกเราขอว่าไม่ต้องใส่ดีกว่า จะได้ไม่เลี่ยนเพิ่มขึ้น)
ตอนนี้เหลือเนื้ออีก 2 สัญชาติในเมนูที่ไม่ได้ลอง คือเนื้อออสเตรเลียและเนื้ออาร์เจนติน่า แต่กินไหวอีกแค่ 1 เท่านั้น เลยลองเนื้อที่ยังไม่เคยชิม เป็น Argentinian beef, Tenderloin 200 กรัม, Grass-fed
และก็ไม่ผิดหวัง สรุปกินกันมานี่ชอบเนื้อชนิดนี้ที่สุด เนื้อมีกลิ่นโดดเด่น หอม เข้มข้น ความนุ่มนี่ก็ใช้ได้ ไม่ขนาดวากิวญี่ปุ่นหรือเนื้อ US แต่นุ่มกำลังดีเลย (เคยกินเนื้อ Galician Beef จากสเปน ตอนนั้นก็ว่าชอบแล้ว แต่ของอาร์เจนติน่านี่ชอบมากกว่า)
อิ่มสุด ๆ สั่ง soft drink อีกแก้วปิดท้าย
ราคามื้อนี้ ก็ 3,500 บาทต่อคน พนักงานทั้งคุณกัปตันผู้ชายและน้อง ๆ ผู้หญิงบริการดีเยี่ยม เลยให้พิเศษอีกหน่อย
ถือว่าเป็นโปรโมชั่นที่คุ้มมาก เคยกินวากิวญี่ปุ่น Kagoshima ที่บางร้านตอนไม่จัดโปรโมชั่น ก็ขีดละประมาณพันต้น ๆ ถึงกลาง ๆ จานนึงที่กินก็ราคาเท่ากับบุฟเฟ่ต์ที่นี่หัวนึงละ แต่ที่นี่มีเมนูอื่น ๆ เพิ่มมาอีก เลยถือเป็นข้อดี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น