วัดตีระฆังสะเทือนถึงดวงดาว ถึงจะจบแล้ว แต่ไม่ควรปล่อยผ่าน

เรื่องราวระหว่างวัดตีระฆังกับผู้เดือดร้อนในคอนโดและเขตบางคอแหลม  ความเดือดร้อนของคน 1 คนที่ควรรอมชอมและหาทางออกร่วมกันได้อย่างสันติวิธี  บานปลาย  มีคนนำมีตีแผ่ในโลกโซเชียล สร้างกระแสความเกลียดชังรุมทึ้ง แบ่งแยกเป็นพวกมากพวกน้อย กระหน่ำผู้เห็นต่างด้วยอารมณ์
เรื่องนี้มันชวนคิดนะ ว่ามั้ย

1.  วัดได้ลดขนาดไม้ และตีเบาลง—ต้องขออนุโมทนาสาธุที่พระคุณเจ้าใช้หลักธรรมคำสอนในการแก้ปัญหา  เดินรอยตามพระพุทธองค์ที่โปรดละเว้นต่อสัตว์ใหญ่น้อย จึงเกิดเป็นการเข้าพรรษา  ถ้าท่านจะเมตตาทำอะไรมากกว่านี้ อาทิ เปลี่ยนเวลา ลดจำนวนครั้งในการตี ฯลฯ  ยิ่งทวีบุญกุศล  เรื่องดี ๆ ทุกอย่างทำได้ทั้งนั้น

2.  เขตบางคอแหลมทำหน้าที่ระงับเหตุรำคาญตามที่ได้รับการร้องเรียน—ถูกต้องแล้ว  แต่ต้องปรับวิธีการ  แทนที่จะออกหนังสือ ต้องเข้าไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสตั้งแต่แรกว่ามีโยมได้รับความเดือดร้อน  ขอให้ท่านเมตตา  และอย่าบ้าจี้ตามกฎหมู่  และรายงาน EIA ไม่ได้หักล้างอำนาจเขต ไม่เกี่ยวข้องกัน และมีฎีกาเกี่ยวกับเหตุรำคาญอื่นซึ่งต่างออกไปจากที่อัยการท่านหนึ่งว่า  อย่าลืมว่าอัยการก็แพ้คดีได้เหมือนกัน  กี่คดีแล้วที่ประชาชนไม่มีความรู้กฎหมาย ใช้ข้อเท็จจริงและสามัญสำนึกโค่นอัยการในศาลปกครองสูงสุด  

3.  วัดอยู่มาก่อน ตีระฆังมาหลายร้อยปีแล้ว—ศพเผาด้วยฟืนมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล  วัดเดี๋ยวนี้ยังเปลี่ยนเป็นเตาเผาไร้ควันจะได้ไม่ก่อมลพิษ  หรือพวกเราควรจะดมกล่ิ่นเผาศพต่อจะได้ปลงอนิจจัง  ทุกอย่างพัฒนาไปตามความเหมาะสม หาทางออกร่วมกันอย่างสันติ

4.  เสียงข้างมากคือประชาธิปไตย คือความถูกต้อง—ผิดแล้ว  เสียงข้างมากที่ฮือตามอารมณ์คือกฎหมู่ และไม่ได้ถูกต้องเสมอไป  ประชาธิปไตยคือ การให้ความสำคัญกับทุกคน และหาทางให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขทุกฝ่าย  หนึ่งเสียงหรือหนึ่งคนจึงมีความหมายเสมอ  ถ้าหนึ่งเสียงไม่มีความหมาย ก็คงไม่มีระบบลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง  

5.   แค่คนเดือดร้อนคนเดียว มันเป็นบ้า เป็นปลาเน่าตัวเดียว—จริงหรือ  นิสัยคนไทยคือไม่เป็นไร ทำใจ ไม่เผชิญหน้า แต่ด่าลับหลัง  อันธพาลคีย์บอร์ดถึงเกลื่อน ออกมายกตนข่มท่าน ระบายอารมณ์กันโดยไม่กลัวโดนชกปาก  เพราะไม่ต้องเผชิญหน้า  ทั้งที่ผิดกฎหมายอาจโดนฟ้อง  คิดง่าย ๆ ถ้ามีใครมาพูดมาว่าคุณหรือคนในครอบครัวคุณอย่างที่คุณว่าคนอื่น คุณบ้า คุณเป็นปลาเน่า  ถ้าคุณรับได้ ก็เก็บไว้ใช้กับตัวเอง  คนอื่นไม่รับ คุณก็ต้องรับไว้เอง  เหมือนไปรษณีย์ตีกลับผู้ส่ง

6.  คนส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อน—แนวคิดนี้ผิด  คนเราได้รับผลกระทบจากสิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ถึงได้เจ็บป่วยไม่เหมือนกัน  ที่ถูกแล้วคนส่วนใหญ่ต้องวางตัว "เป็นกลาง" แล้วช่วยกันสนับสนุนให้ทุกฝ่ายรอมชอมแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์  เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาชนกลุ่มน้อยไม่ว่าที่ไหนในโลกก็ไม่ต้องได้รับการแก้ไข  เพราะชนกลุ่มใหญ่ไม่เดือดร้อน  คนอื่นถูกตีหัว ไม่ใช่หัวฉัน และแค่หัวเดียว เพราะฉะนั้นตำรวจไม่ต้องทำอะไร?

7.  อยู่คอนโดเดียวกัน ห้องฉันไม่เห็นดัง เพราะฉะนั้นไม่ต้องแก้—ไม่เดือดร้อนก็เป็นโชคแล้ว ในเมื่อระฆังจะดังหรือเบาก็ไม่เกี่ยว แล้วจะไปขัดขวางไม่ให้ปัญหาของคนอื่นได้รับการแก้ไขทำไม  ต้องคิดตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วย  เสียงเป็นคลื่น เดินทางไปได้ไกล  ห้องผู้เดือดร้อนอาจอยู่ตรงจุดตกกระทบของเสียง  นึกถึงเวลาตะโกนไปหน้าผาไกล ๆ แล้วเสียงสะท้อนกลับมา  และอาจเกิดเสียงก้องด้วย โดยเฉพาะเวลา "เงียบสงัด"

8.  งั้นถ้ามีคนเดือดร้อนเสียงเครื่องบิน เสียงรถบนถนน ต้องปิดสนามบิน ปิดถนน—เทคโนโลยียังพัฒนาไปไม่ถึง จึงต้องยอมรับสภาพ  ถ้าเกิดนวัตกรรมเมื่อไร เงียบหมดแน่  ผู้ผลิตทุ่มทุนพัฒนาและวิจัยไปเท่าไรเพื่อลดเสียง  ไปถึงขนาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าเงียบมากจนต้องหาทางเพ่ิ่มเสียง เพื่อให้คนเดินถนนรู้ว่ามีรถแล่นมาทางทิศทางไหนและระวัง  ท่อไอเสียก็เงียบแล้ว แต่คนไทยบางคนเอาไส้กรองออกหรือไม่ใส่ใจซ่อมบำรุง  จึงเอามาเปรียบกับกรณีนี้ไม่ได้ แก้ปัญหาตีระฆังดัง ทำได้ทันที ไม่ต้องรอเทคโนโลยี เพียงใช้คำว่าเมตตา

9.  ดังไม่เกินกฎหมายกำหนด ไม่ต้องแก้—ไม่จริง  ถ้าดังละเมิดเข้ามาในบ้านแล้วก่อความรำคาญ ก็ต้องหาทางแก้อย่างสร้างสรรค์  บทความสภาวิศวกร หน้า 7-5  http://www.coe.or.th/coe-2/Download/Articles/ENV/CH7.pdf
    "เสียงที่เราไม่ต้องการได้ยิน  รู้สึกว่ารําคาญ... ก็ถือว่าเป็นมลพิษทางเสียงได้เช่นกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความรู้สึก ความรุนแรงของปัญหาขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคน"
    "เสียงชนิดเดียวกันอาจสร้างความสุขให้แก่คนหนึ่งแต่เป็นมลพิษทางเสียงของอีกคนหนึ่ง..."

10.  สื่อเสื่อม—ทั้งสื่อข่าว สื่อโซเชียล  คนไทยใช้สื่อในทางที่ผิดจนเชี่ยวจริง ๆ  เชี่ยวกรากพัดพา เป็นเวทีระบายอารมณ์สาดเสียเทเสีย ปลุกปั่นยุแยงตะแคงรั่ว  เอาเรื่องออกประโคมหาพวก  โหนกระแสเกาะกฎหมู่  สื่อข่าวนี่ตัวดี ถ้าเสียงข้างมากไปทางไหน ก็เฮไปทางนั้น ช่วยกันตีกระพือโหมไฟ เห็นช่องตรงไหนที่จะปั่นอารมณ์คนให้เป็นข่าวได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเจาะยิ่งตอกลิ่มเข้าไป คนข้างมากจะได้มาอุดหนุนสื่อของตัว จะได้ดึงโฆษณาได้มาก  บางช่องถึงกับส่งนักข่าวไปหาว่าคนเดือดร้อนเป็นใคร ถึงกับจะชี้เป้าให้คนถล่มกระหน่ำความเกลียดชังได้ตรงตัวเชียวหรือ  ผู้ประกาศข่าวลอยหน้าลอยตายิ้มแย้ม เห็นความเกลียดชังแตกแยกเป็นข่าวสนุก  แทนที่จะเตือนสติให้เมตตาซึ่งกันและกันและร่วมกันหาทางออกอย่างสันติวิธี  สื่อซึ่งมีคำว่าจรรยาบรรณค้ำอยู่ แต่กลับไร้สติเสียยิ่งกว่า สนอยู่อย่างเดียวคือเรตติ้ง

11. ความค้างคาใจ—คอนโด "หรู" กับชุมชน  ก่อสร้างสารพัดมลพิษมาครบ บังวิวบังลม  ควรจะได้มีการร่วมกันคลี่คลายหรือบรรเทาปัญหาแต่ต้น เรื่องผ่านมาแล้ว  ต้นเรื่องคือเจ้าของโครงการ ไม่ใช่ผู้อยู่อาศัย

ลองสมมุติถ้าเอาวิธีคิดของกระแสระฆังครั้งนี้ไปจับในกรณี 13 หมูป่า  ถ้าคิดว่าแค่ 13 คนเอง ฉันอยู่ข้างนอกไม่เดือดร้อน  เรื่องดี ๆ คงไม่เกิดขึ้น  
กระแสของคนหมู่มากกรณี 13 หมูป่าใช้ได้กับทุกปัญหา ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของคนเดียว หรือหลายคน  โลกจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ
กระแสอารมณ์แบบครั้งนี้ เกิดมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วกี่ครั้งที่ถล่มโจมตีคนบริสุทธิ์ ครั้งนี้ถล่มคนเดือดร้อนคนเดียว ทั้งที่เขาก็พยายามแก้ปัญหาของเขาเงียบ ๆ ตามขั้นตอน
ที่สำคัญกระแสเหมือนจะออกมาปกป้องพุทธศาสนา  แต่วิธีการไม่ได้อิงหลักศาสนาเลย  ล่าสุดถึงกับจะดึงเป็นเรื่องดูหมิ่นศาสนาไปโน่น
ถ้ารักศาสนาพุทธและอยากเป็นพุทธมามกะที่ดีจริง ก็ควรดึงสติกันได้แล้ว  เรื่องแบบนี้ไม่ควรกระทำ และไม่ควรเกิดขึ้นอีก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่