เรื่องของพ่อที่ขาดความละเอียดอ่อนและลูกชายหัวร้อน

ขอนำบทความของคุณหมอ มาเผยแพร่นะครับ


เมื่อคืนหมอนอนแทบไม่หลับหลังจากที่ดูเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกระหว่างแมนยูฯกับเวสต์แฮม

ไม่ใช่เพราะรู้สึกแย่เพราะแมนยูฯแพ้หรอก(หมอเป็นแฟนแมนยูฯ) แต่เพราะคิดว่าปัญหาของแมนยูฯ ไม่ใช่เรื่องของความสามารถของนักเตะหรือสต้าฟโค้ช แต่มาจากปัญหาสัมพันธภาพของผู้จัดการและลูกทีมที่คุกรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องของผู้จัดการทีมอย่างมูรินโญ่ ที่เปรียบไปก็เหมือน ‘พ่อของลูกๆ’ ซึ่งก็คือเหล่านักเตะในทีม การจะปกครองดูแลนั้นต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ มีทั้งหัวสมองและหัวใจ

ไม่มีใครปฏิเสธฝีมือความสามารถของผู้จัดการทีมระดับโลกอย่างโจเซ่ มูรินโญ่หรอก แต่ในวันที่นักเตะในทีมมีปัญหาไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมและการแสดงออก หรือการเตะฟุตบอล การจัดการของมูรินโญ่ไม่ช่วยให้ดีขึ้น กลับยิ่งทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไป

ก็คล้ายๆ กับพ่อแม่ที่มาปรึกษาหมอ ในเรื่องปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ของลูกๆ โดยเฉพาะลูกที่เป็นวัยรุ่น

เช่น ลูกไม่ยอมฟังพ่อแม่ ต่อต้าน ชอบเถียงและทำตรงข้ามเสมอ บ่อยๆเลยที่ไปดูในรายละเอียดของสัมพันธภาพ ก็มักจะพบปัญหาระหว่างกัน

พ่อแม่มักเข้าใจว่า การจะทำให้ลูกเชื่อฟังและทำตาม สามารถใช้แค่การบังคับด้วยการขู่เข็ญ จริงๆอาจทำให้แย่ลง ยิ่งคำพูดที่รุนแรง ประชดประชัน หรือการประจานให้ลูกรู้สึกไม่ดีและอับอาย ซึ่งอาจจะช่วยให้เด็กเชื่อบ้าง แต่ในระยะยาว เด็กๆก็มักจะหาทางหลบเลี่ยง ต่อต้าน บางทีก็โกหกและปิดบังความจริง

ก็เหมือนกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างมูรินโญ่และนักเตะในทีม

.

เวลาที่ไม่ชอบอะไรที่นักเตะทำ เขามักใช้วิธีประชดประชัน จิกกัด หรือตำหนินักเตะผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เรียกง่ายๆคือเหมือนประจานนักเตะที่เขาไม่พอใจในที่สาธารณะ

ก็เหมือนกับพ่อแม่ที่เวลาลูกๆทำผิด ก็มีอารมณ์หงุดหงิดรุนแรง บางทีคำพูดก็รุนแรงด้วยเป็นเพราะเครียดสุดๆไม่รู้จะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร

อาจจะรู้ดีว่าทำแบบนั้นยิ่งทำให้ลูกโกรธ ต่อต้าน ไม่เชื่อฟังมากขึ้น แต่ก็ทำเพราะเป็นการระบายความรู้สึกบางอย่าง

ช่วงที่ผ่านมามูรินโญ่เองก็มีปัญหาหงุดหงิดใจหลายเรื่อง ตั้งแต่ที่ฤดูกาลก่อน แมนยูฯไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆได้ แถมบอร์ดบริหารก็ไม่ยอมซื้อนักเตะที่เขาร้องขอมาเสริมทีม

ช่วงพรีซีซั่น ที่แมนยูไปทัวร์เตะอุ่นเครื่องที่อเมริกา ผลงานของทีมย่ำแย่ ช่วงนั้นมูรินโญ่ให้สัมภาษณ์ตำหนินักเตะออกชื่อผ่านสื่อหลายคน จนไม่น่าแปลกใจว่าเพราะอะไรผลงานของแมนยูในช่วงฤดูกาลนี้ไม่ดีเอามากๆ สาเหตุหนึ่งก็เพราะสปิริตในทีมเสียไป

เหมือนกับในครอบครัว สมมติว่าพ่อแม่ทะเลาะกัน หรือพ่อกับลูกทะเลาะกัน แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ มันทำให้บรรยากาศโดยรวมของครอบครัวเสียไปด้วยถ้าไม่จัดการและปล่อยให้คาราคาซัง

หลังจากนั้นบรรยากาศในทีมก็มาคุขึ้นเพราะหลายๆครั้งที่มูรินโญ่ให้สัมภาษณ์กับสื่อตำหนิฟอร์มการเล่นของนักเตะแบบไม่ไว้หน้าและไม่คิดถึงความรู้สึกของคนที่ตกเป็นเป้า

นักเตะหลายๆคนคงจะทนไม่ไหว จนกระทั่งพอล พ็อกบา ที่เปรียบเหมือนกับลูกชายวัยรุ่นเลือดร้อนที่ไม่ยอมปิดปากเงียบเมื่อรู้สึกไม่พอใจพ่อ

เริ่มจากเมื่อราวอาทิตย์ที่ผ่านมาพ็อกบาออกมาให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงการทำทีมของมูรินโญ่ ว่าเขาเองก็อยากเล่นเกมบุกมากกว่าที่มูรินโญ่ชอบให้เล่นตั้งรับ แต่เขาก็คงพูดอะไรไม่ได้หรอก เพราะเป็นแค่นักเตะ

หลังจากนั้นมูรินโญ่ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าได้ตกลงใจที่จะปลดพ็อกบาออกจากตำแหน่งรองกัปตันทีม คล้ายๆเป็นการลงโทษกับการที่พ็อกบาไปให้สัมภาษณ์แบบนั้น

ทุกอย่างกลายเป็นเหมือนจุดแตกหัก เมื่อมูรินโญ่ไม่พอใจกับการโพสต์อินสตาแกรมแบบของพ็อกบา

เป็นคลิปวีดีโอสั้นๆที่เขาและเพื่อนๆกำลังหัวเราะหัวใคร่กัน พ็อกบาโพสต์มันขึ้นไปในไอจีหลังเกมที่แมนยูพ่ายแพ้ทีมดาร์บี้เคาน์ตี้ตกรอบคาราบาวคัพเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ดูขาดกาลเทศะพอสมควร

ในเช้าวันพุธในสนามซ้อม มูรินโญ่เรียกพ็อกบามาตำหนิในเรื่องดังกล่าว พ็อกบาพยายามอธิบายว่า เขาถ่ายคลิปนั้นตอนที่แมนยูกำลังนำดาร์บี้อยู่ 1-0 ในช่วงพักครึ่งแต่ว่าสัญญาณเน็ตล่าช้าทำให้กว่าจะอัพโหลดขึ้นในไอจีก็กลายเป็นช่วงที่ทีมแข่งเสร็จและพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่เหมือนมูรินโญ่ไม่ยอมฟังเขา พ็อกบาแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่พอใจชัดเจน แถมพูดคล้ายๆกับตัดพ้อว่า “คิดว่าผมจงใจโพสต์เหรอ ผมจะหัวเราะทำไมถ้าทีมเราแพ้”

จริงๆแล้ว มูรินโญ่ก็รู้ดีว่า ถ้าออกมาพูดเรื่องนี้ในสนามซ้อม นักข่าวก็ต้องได้ยิน และแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องกลายเป็นประเด็น แต่เหมือนเขาก็ยังทำ อาจจะด้วยความไม่พอใจพ็อกบาอย่างมาก

.

ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็คงไม่ชอบที่จะถูกตำหนิในต่อหน้าคนอื่นๆ แม้ว่าคนที่ตำหนิเราคนนั้นจะเป็นพ่อแม่ ครู หรือหัวหน้างาน เพราะทำให้เกิดความอับอายเหมือนถูกประจาน แต่มูรินโญ่ขาดความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ ยิ่งในยุคสังคมข่าวสารรวดเร็วโซเชียลมีเดียยิ่งทำให้อะไรๆกลายเป็นที่ถกเถียงวิจารณ์ไปต่างๆนานา

ไม่แปลกที่ทำไมการแข่งขันเกมพรีเมียร์ลีกระหว่างแมนยูและเวสต์แฮมจะจบด้วยความพ่ายแพ้ของแมนยูอย่างหมดท่า การเล่นของนักเตะในทีมต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรเป็น โดยเฉพาะพ็อกบา อาจเป็นเพราะเขาหมดใจที่จะเล่นฟุตบอลภายใต้การควบคุมจัดการของมูรินโญ่แล้ว

การที่ผู้ใหญ่จะปกครองผู้น้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีมกับนักเตะ พ่อแม่กับลูก ครูกับลูกศิษย์ จะอย่างไรก็ตาม การคิดถึงใจเขาใจเรามีความสำคัญในการปฏิบัติต่อกัน ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีอำนาจแค่ไหน พระเดชก็ควรควบคู่ไปกับพระคุณอย่างเหมาะสม จึงจะเข้าใจกันและอยู่ด้วยกันได้ราบรื่น

ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็จะเชียร์แมนยูต่อไป Glory Glory, Man United!

#หมอมินบานเย็น
https://www.facebook.com/kendekthai/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่