ค่าจอดรถกรุงเทพฯ : 5 ข้อที่คุณอาจยังไม่เคยรู้


NurPhoto via Getty Images
กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพิ่งออกประกาศฉบับใหม่เกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมในการจอดรถบริเวณต่าง ๆ บนถนน 65 สายของ กทม.

ประกาศที่ออกมาเมื่อวานนี้อาจทำให้หลายคนประหลาดใจ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยต้องจ่ายค่าจอดรถบริเวณริมถนนของ กทม.

หลายคนเข้าใจผิดว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่คนขับรถในกรุงเทพฯ ต้องจ่ายเงินสำหรับการจอดรถริมถนน ขณะที่อีกหลายคนเข้าใจเป็นการปรับเพิ่มอัตราค่าจอด

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการกองรายได้ สำนักการคลัง ของ กทม. ชี้แจงว่านั่นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

1. กทม. เก็บค่าจอดรถมานานกว่า 20 ปีแล้ว

กรุงเทพฯ รถติดกว่าเมืองอื่นในเอเชียจริงหรือ?

กองรายได้ ของ กทม. ดำเนินการจัดเก็บค่าจอดรถมานับตั้งแต่มีการประกาศในปี 2537 ซึ่งกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจอดรถ ตามกฎกระทรวงมหาดไทย บนถนนในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 65 สาย

เมื่อปี 2547 กทม. ได้ออกประกาศอีกหนึ่งฉบับ เพื่อยกเว้นการเก็บค่าจอดรถบริเวณ ถ. ราชดำริ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาออกกำลังกายจำนวนมากตอนเช้าและเย็นวันเสาร์ รวมทั้งเกือบทั้งวันอาทิตย์

แต่ล่าสุด กทม. มีความเห็นว่าควรปรับเปลี่ยนให้ยกเว้นเฉพาะเวลา 04.00-08.00 น. ของทุกวัน บริเวณ ถ. ราชดำริ จึงแก้ไขและออกประกาศฉบับใหม่เมื่อวานนี้ ซึ่งรวมเอาประกาศเดิมทั้งหมดมาไว้เป็นประกาศเดียวกัน ที่ระบุถึงถนนทั้ง 65 เส้นอีกครั้ง
◾ไทยรถติดที่ 1 ของโลก-ผลสำรวจชี้ไม่มีทางกำจัดปัญหาได้ถาวร


Wasawat Lukharang/BBC Thai
2. ราคาเท่าเดิมตั้งแต่ปี 2537 ไม่ได้ปรับขึ้น

อัตราค่าจอดรถในกรุงเทพฯ นั้นเป็นไปตามกฎของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2535 และหน่วยงานของ กทม. ไม่มีอำนาจที่จะปรับเปลี่ยนได้

"เขาไปบอกว่าเก็บเพิ่ม ว่าเราขึ้นค่าจอดรถ จริง ๆ เราเก็บมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่า เราจะแก้ตรงส่วนของ ถ. ราชดำริ ซึ่งอัตราทั้งหมดก็เป็นไปตามกฎของกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่ปี 2535" น.ส. มาลินี เธียรสุนทร ผอ. กองรายได้ กล่าวกับบีบีซีไทย

"ที่บอกว่าขึ้นค่าจอดรถ จริง ๆ แล้ว ไม่มีการขึ้น เราไม่มีอำนาจที่จะปรับขึ้นอัตราได้" น.ส. มาลินีกล่าว

ในปีที่แล้ว กองรายได้ สามารถจัดเก็บค่าจอดรถบนถนน 65 สาย ทั่วกรุงเทพฯ ได้เป็นเงินราว 11 ล้านบาท โดยรายได้จากค่าจอดรถ บริเวณ ถ. ราชดำริ ซึ่งมีการออกตั๋วอย่างเป็นระบบ นำรายได้เข้า กทม. เป็นเงินราว 7 ล้านกว่าบาท ขณะที่บริเวณ ถ. พระสุเมรุ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีการจัดเก็บค่าจอดรถอยู่เป็นประจำ

3. อัตราค่าจอดรถตามขนิดของพาหนะ


ประเภท      ชั่วโมงแรก (บาท)    ชั่วโมงต่อไป (บาท)
จักรยานยนต์             5                        10
รถยนต์ไม่เกิน 4 ล้อ   10                        20
รถยนต์ 4 ล้อ            20                       30
รถยนต์ 8 ล้อ            30                       40
รถยนต์ 10 ล้อ          40                        60
รถยนต์ 10 ล้อขึ้นไป   40                       80

ที่มา: ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดที่จอดยานยนตร์และอัตราค่าธรรมเนียมจอดยานยนตร์

4. ทำไมหลายคนไม่เคยต้องจ่าย

หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนเข้าใจว่า กทม. กำลังจะเริ่มเก็บค่าจอดรถนั้นเป็นเพราะไม่เคยต้องจ่ายค่าจอดให้เจ้าหน้าที่ กทม. มาก่อน

ปัจจุบัน กทม. มีเจ้าหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมจอดรถอยู่ราว 70 คน ที่ต้องดูแลถนนกว่า 60 เส้น รวมถึงอาคารจอดรถที่ตลาดยอดบางลำภู และสวนมะลำ ซึ่งบางครั้งก็อาจทำให้ไม่สามารถจัดเก็บค่าจอดรถได้ถูกคัน โดยเฉพาะบนถนนบางเส้นที่ยาวหลายกิโลเมตร

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จากกองรายได้ จะสามารถจัดเก็บได้เฉพาะในเวลาและพื้นที่ที่อนุญาตให้จอด โดยได้รับการยินยอมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ ประมาณ 10 กว่าสายที่ในความเป็นจริงไม่ได้จัดเก็บ

"ต้องยอมรับว่า เรามีอัตราไม่เยอะ หรือบางทีคุณจอดแล้วไปเลย มาแล้วไม่เจอ" น.ส. มาลินีกล่าว

5. ใครจัดเก็บ และเก็บอย่างไร

เจ้าหน้าที่จากกองรายได้จะต้องแต่งกายในชุดสีกากี พร้อมบัตรประจำตัว และจะแสดงตัวเมื่อคุณจอดรถเสร็จ พร้อมกับตั๋วที่มีสีแตกต่างกันไปในแต่ะวัน ซึ่งจะมอบให้เป็นหลักฐานหลังจ่ายเงินแล้ว

เจ้าของรถหรือจักรยานยนต์ควรเหน็บตั๋วนั้นไว้ที่รถเพื่อบอกให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าชำระค่าจอดแล้ว และหากเกินเวลาที่จ่ายไปเจ้าหน้าที่ก็จะรอเก็บเงินเพิ่มเมื่อเจ้าของกลับมา

หากเจ้าของรถปฏิเสธที่จะจ่าย เจ้าหน้าที่ของ กทม. และมีสิทธิ์แจ้งความกับตำรวจในฐานความผิดตาม พ.ร.บ. ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท แต่โดยส่วนมากเจ้าหน้าที่จะใช้วิจารณญาณในการจัดการสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
ฺฺBBC/NEWS/ไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่