บวงสรวงเทพ สายในสายนอก

บวงสรวงเทพ สายในสายนอก

    เราไหว้จะไม่ถือเทียนชัย (คณะลูกพ่อพรหม) เพราะเทียนชัยเป็นของมนุษย์ ของเราบวงสรวงแบบเทพต่อเทพ เราไหว้ไม่เหมือนกับคนอื่น แล้วคนอื่นเขาก็ไม่เข้าใจ คนอื่นเขาไหว้มนุษย์กับเทพ แต่ของเราไหว้เทพกับเทพ

    ถ้าอย่างนี้ผู้คนทั่วไปจะบอกว่าเรายกตนข่มท่าน หรือยกตนเทียมท่านหรือไม่ ?

    ตอบว่า ไม่ได้ยกตัวเทียมท่าน แต่เพราะเราได้รับอนุญาต ถ้าไม่ได้รับอนุญาตทำพิธีกรรมเที่ยวเดียวก็จบแล้ว นี่ยิ่งทำยิ่งใหญ่ ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นพิธีกรรมที่ได้รับอนุญาต พูดง่ายๆ ว่าเป็นพิธีสายตรง สายตรงถึงไม่มีอะไร ทำง่ายๆ หัวหมูก็ยังไม่ต้องเลย แม้แต่ผลไม้จะมีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ เพราะว่าสายตรงผลไม้ไหว้ยังไม่ต้องเลย

    แต่จะบอกว่าซี้กันไม่ได้ เปรียบเทียบไม่ได้ว่าซี้กัน แต่จะบอกว่าเป็นการไหว้บวงสรวงแบบสายในและสายนอกจะเข้าใจกว่า

    อันนี้จะเป็นสายลูกหลานยังไงก็ได้ เหมือนกับเราเป็นลูกหลาน เข้าไปที่นอนของพ่อแม่ ปู่ย่าตายายได้หมด เหมือนกับเราไปเล่นของท่านก็ยังได้เลย ไปเล่นเครื่องเสียงท่านก็ได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นไปเล่น ท่านจะไล่เตะเรา

    เราไหว้จะเป็นสายใน สายตรงถึงเทพ

    ที่ว่าเวลาไหว้ต้องมีโน้นมีนี่ นั่นเป็นแบบมนุษย์ไหว้เทพ หรือบางครั้งเราไหว้ต้องไหว้ผลไม้ หรืออื่นๆ นั่นเป็นเพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านทำให้ดู แต่ที่จริงๆ แล้วจำเป็นต้องมีก็ได้

    การไหว้บวงสรวงมี ๒ รูปแบบ คือ

    ๑. บวงสรวงแบบมนุษย์ไหว้เทพ คือ สายนอก คนทั่วไปไหว้เทพ

    ๒. บวงสรวงแบบเทพไหว้เทพ คือ เป็นสายภายใน ลูกหลานไหว้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย จะเห็นได้ว่า เวลาเราพูด กล่าวคำสรรพนามเรียกท่าน เราใช้คำพูดว่า "พ่อ" "แม่" เช่น พ่อพรหม พระแม่อุมา พ่อราหู พ่อเวส ฯลฯ ไม่เรียกว่า "พระพรหม พระศิวะ พระอุมา พระราหู ฯลฯ

    เวลาเราไหว้ก็ไหว้แบบเรียบง่าย เวลาไหว้เราไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าขาว จะใส่เสื้อผ้าสียังไงก็ได้ จะใส่เสื้อผ้ายังไงก็ได้ หรือจะไม่ใส่ก็ยังได้ ง่ายๆ ทำอะไรก็ง่ายๆ แต่ศักดิ์สิทธิ์ ระดับอากงบทสวดของเราไม่มีอะไรยาก และไม่ต้องยาวมาก แค่คำเดียว "โอม" ก็สำเร็จแล้ว เขามีมีคัมภีร์กี่เล่มก็ไม่รู้ แต่ของครูอาจารย์ท่านมีรหัส และเป็นรหัสภายในรู้เรื่องกัน เช่น ไปถึงในงานพูดคำว่า "พ่อ" ท่านก็รู้เรื่องแล้ว ท่านก็บอกว่า "เดี๋ยวจัดการให้" แค่นี้ก็ได้แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นก็ต้องไปทำพิธีขอ คุกเข่าจนถึงระดับที่ว่า ขอแล้วขออีก คุกเข่าแล้วคุกเข่าอีก ของเราไม่ต้อง แค่ยกมือไหว้ บอกทีเดียวก็รู้ และบางครั้งไม่บอกก็รู้ และบางทียังอุตส่าห์มาบอกเราอีก

    แล้วเราทำอะไรถึงได้เป็นสิทธิลูก แล้วได้ขนาดนี้

    ก็เพราะว่าเรามีสิทธิเบื้องหลัง เมื่อก่อนเราเคยอยู่เป็นสายของท่านอยู่แล้ว พอมาชาตินี้เราก็ยังปฏิบัติต่อ อากงปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก อากงไหว้เทพเหมือนกับพ่อจริงๆ ท่านไหว้เหมือนกับว่าท่านเข้าหาเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา ไม่ได้ไหว้แบบว่าท่านต้องมาช่วยเรา แล้วเราจึงนับถือท่าน

    บางคนมาบอกอากงว่า พ่อพรหมไม่มีฤทธิ์ ท่านก็ตอบว่า ท่านไม่มีฤทธิ์แต่ท่านรักอากงก็พอแล้ว ใครจะว่ายังไงก็คือพ่อของเรา

    สถานที่กล้าจัดการบวงสรวงกลางคืนจะมี ๒ ที่ คือ พ่อพรหมเอราวัณ กับวัดแขกสีลม ของอากงก็จะเป็นสายพ่อพรหมเอราวัณนี่แหละ ที่ว่ามีรถแห่ทีร้อยกว่าคัน กล้าจัดงานใหญ่แล้วไม่มีเรื่อง ที่อื่นบางทีถ้าจัดงานใหญ่นิดเดี๋ยวมีเรื่อง ที่พ่อพรหมที่กรุงเทพเอราวัณที่เข้าทรงนั้นตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ไม่ได้จัดแล้ว คนทรงเสียไปแล้ว ท่านอนุญาตให้จัดและทรงแค่ ๕ ปีเท่านั้น พอเลยกว่านี้ก็ไม่มีแล้ว

    พ่อพรหมที่ทรงเคยบอกแก่อากงว่า "ลูกจะตั้งศาลที่ไหน ให้อธิษฐานตั้งได้เลย" อากงเลยตั้งศาลได้หมด แม้อากงไม่ได้เรียนมาเลย ไม่ได้มีอะไรมา ขนาดเขาเรียนมายังกลัวไม่กล้าตั้ง ตั้งทีหนึ่งศาลพ่อพรหมไม่ใช่ของเล่น ที่ตรงไหนอากงบอกว่าดีก็คือดี เหมือนกับพ่อพรหมให้ประกาศิตไว้ อากงได้รับสิทธิ์ ไม่งั้นอากงคงไม่พูด เพราะว่าพ่อท่านอนุญาตไว้

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่