เชิญท่านจ้าวยุทธจักร ท่านขาใหญ่ มาตอบคำถามครับ ผมตั้งกระทู้ให้แล้วนะ

สืบเนื่องจากกระทู้เดิมของนายตองเก้าหรือตาหนวด หรือตามืด หรืออะไรๆก็แล้วแต่ที่คุณจะใช้เรียกคนผู้นี้น่ะนะครับ
https://pantip.com/topic/38084663
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความเป็นมาของกระทู้นี้และตัวตนของนายมืด
ในการะทู้นี้มีการถามของท่านสมาชิก4610390 เกี่ยวกับเรื่องขันธ์5 ที่นายมืดไปบอกว่าสมาชิกท่านนี้ ใช้พระสูตรปลอมเพียงเพราะแค่มีวงเล็บต่อท้ายดังนี้

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน(ขันธ์5)

นายมืดกล่าวว่า "รูป         เวทนา      สัญญา        สังขาร      วิญญาน       ..... ไม่ใช่ขันธ์๕   
รูปขันธ์  เวทนาขันธ์  สัญญาขันธ์  สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์ ......จึงจะเป็นองค์ธรรมในขันธ์๕"

ครั้นถามว่าขันธ์5คืออะไร นายมืดก็ตอบว่า

"ขันธ์ก็คืออัตตาความหลงในอนัตตาว่ามีตัวตนอยู่"

สร้างความฉงนให้กับสมาชิกที่เข้ามาอ่านกระทู้สอนทำของนายมืดแทบทุกรายไป
เพราะว่า นายมืดกำลังสับสน เอาความหมายของอุปาทานขันธ์ ไปเป็นความหมายของขันธ์ อย่างชนิดที่เรียกว่า ผู้ที่ศึกษาธรรมใหม่ๆ ยังมีความรู้ในเรื่องนี้เลย แต่มืดกลับไม่รู้

ไม่รู้ก็ไม่เปนไรหรอกครับ แต่โมฆบุรุษผู้นี้ กลับใช้ทิฏฐิผิดๆนี้ เที่ยวชี้ถูกชี้ผิดมั่วซั่ว
ไม่เพียงเท่านั้น พฤติกรรมของมืด ยังมีวาจาก้าวร้าว รุนแรง บ่งบอกถึงความเป็นพาลชัดเจน

แม้ว่าจะมีใครก็ตามที่มีเจตนาดี กล่าวธรรมอยู่ มืดก็จะไม่ลังเลที่จะไปตอบกระทู้ในลักษณะที่ใช้คำพูดโจมตีเขา ให้ร้ายเขา ชี้ว่าที่เขาพูดนั้นผิด ที่มืดบอกนั้นถูก ในส่วนนี้มีหลักฐานมากมาย ไม่ใช่หลักสิบ ผมไม่ทราบว่าหลักร้อยจะพอใหม่สำหรับพฤติกรรมแบบนี้ของมืด

หากลองเป็นดูประวัติมืดจะเข้าใจว่าสิ่งที่ผมกล่าวนี้ไม่ได้เกินเลยความเป็นจริง เพราะมืด ไม่ได้ทำแบบนี้แค่เฉพาะไอดีนี้เท่านั้น มืดมีพฤติกรรมเหล่านี้ ในหลายไอดีก่อนหน้านี้แล้ว เป็นปีๆ สร้างความเอือมระอาให้สมาชิกท่านอื่นๆอย่างที่ทราบกันดี

กลับมาในเรื่องกระทู้เดิมที่มืดพยายามจะสอนคนอื่นในลักษณะที่ดูถูกเขา มืดกริ่นถึงตัวเองอย่าภาคภูมิว่า
เป็นจ้าวยุทธจักร เป็นขาใหญ่แห่งห้องพระพุทธศาสนา เป็นนักเลง แล้วก็จึงสอนธรรมตามทิฏฐิผิดๆของมืดต่อไป

มีผู้รู้หลายท่านทักท้วง มืดก็ไม่ฟัง ผมเห็นว่าคนผู้นี้เป็นภัยของสังคม และพระพุทธศาสนา เคยเห็นพฤติกรรมก้าวร้าวมานานแล้ว แต่ก็ยังปล่อยไปด้วยคิดว่า ถ้าลงไปเกลือกกลั้ว เราก็จะเหม็นไปด้วย แต่แม้แต่ในพระธรรมวินัยนี้ พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงบอกให้ภิกษุนิ่งเฉยเสีย เมื่อมีภิกษุกาบ้าง ภิกษุหยากเยื้อบ้าง เข้ามาปนอยู่ในเหล่าภิกษุ ทรงให้ขับออกจากหมู่สงฆ์เสีย หวนคิดถึงพุทธพจน์ข้อนี้แล้ว ผมก็คงต้องยุ่งด้วยแล้วล่ะครับ

เรื่องที่ผมถามค้าง(เรื่องเดียวกับที่ท่านสมาชิก390)ไว้ก็คือ อ้างอิงจาก ท่านเม็ดมะม่วงซึ่งได้ยกเอาพระสูตร ปัญจขันธสูตร ขึ้นมาเป็นหลักฐานอ้างอิงดังนี้

ท่านเม็ดมะม่วง :ไปอ่าน "ปัญจขันธสูตร"

มืดศักดิ์ : ก็ที่กำลังสอนสูเจ้าอยู่นี่ก็เอามาจาก"ปัญจขันธสูตร"ที่สูเอามาโพสไง
ประเด็นคือ ข่อยอ่านเข้าใจรู้เรื่องจึงสามารถอธิบายให้สูฟังได้
ไม่ใช่มาตีมึนบอกว่าไปอ่านพระสูตร  ตัวเองเอามาอ้างไม่เห็นอธิบายเนื้อหาในพระสูตรเลย

ข้อมูลพระสูตรนี้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปัญจขันธสูตร
ว่าด้วยขันธ์และอุปาทานขันธ์ ๕  <--คลิกได้

             [๙๕] พระนครสาวัตถี ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงขันธ์ ๕ และอุปาทานขันธ์ ๕
เธอทั้งหลายจงฟัง. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ขันธ์ ๕ เป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปอย่างใดอย่าง
หนึ่ง เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือ
ประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้. นี้เรียกว่า รูปขันธ์. เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ สัญญาอย่าง
ใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ฯลฯ วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต
และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้.
นี้เรียกว่า วิญญาณขันธ์. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้เรียกว่า ขันธ์ ๕.
             [๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูป
อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ เป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน.
นี้เรียกว่า อุปาทานขันธ์คือรูป. เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ
สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ฯลฯ วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็น
ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ เป็นไปกับด้วย
อาสวะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน. นี้เรียกว่า. อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้
เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕.


ในส่วนของพระสูตรนี้ ได้แยกระหว่างขันธ์5ไว้อย่างชัดเจนว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน อย่างใดอย่าง
หนึ่ง เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือ
ประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้. นี้เรียกว่า รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญานขันธ์

ส่วนมืดบอกว่า : ขันธ์ก็คืออัตตาความหลงในอนัตตาว่ามีตัวตนอยู่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ไม่ใช่ขันธ์

คำถาม : ถ้ามืดบอกว่ารูป ไม่ใช่รูปขันธ์ ย่อมขัดกับพุทธพจน์อย่างชัดเจน ในส่วนของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็ด้วย
ในส่วนนี้มืดจะแก้ตัวอย่างไร ให้ไม่ผิดทั้งกับพุทธพจน์และกับทัศนของมืดเอง

เพิ่มเติมอรรถกถาในส่วนนี้นะครับ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อรรถกถา สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ขันธสังยุตต์ มูลปัณณาสก์ อัตตทีปวรรคที่ ๕
ปัญจขันธสูตร
               อรรถกถาปัญจขันธสูตรที่ ๖               
               ในปัญจขันธสูตรที่ ๖ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
               รูปขันธ์เป็นกามาพจร ขันธ์ ๔ เป็นไปในภูมิ ๔ (กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ โลกุตตรภูมิ).
               บทว่า สาสวํ ได้แก่ เป็นปัจจัยแห่งอาสวะโดยเป็นอารมณ์.
               บทว่า อุปาทานียํ ได้แก่ และเป็นปัจจัยแก่อุปาทานอย่างนั้นเหมือนกัน.
               ก็ในข้อนี้มีอรรถแห่งคำดังต่อไปนี้
               รูปชื่อว่าสาสวะ เพราะเป็นไปกับด้วยอาสวะทั้งหลายที่ทำอารมณ์เป็นไป. ชื่อว่าอุปาทานียะ เพราะพึงยึดมั่น. ในที่นี้ รูปขันธ์ ท่านกล่าวว่าเป็นกามาพจร ธรรมที่เป็นไปในภูมิ ๓ ที่เหลือ ท่านกล่าวด้วยอำนาจการประพฤติวิปัสสนา.
               ในที่นี้พึงทราบวินิจฉัยอย่างนี้
               รูปจัดเข้าในขันธ์ด้วยอรรถว่าเป็นกอง เวทนาเป็นต้นทั้งที่มีอาสวะทั้งที่ไม่มีอาสวะ จัดเข้าในอุปาทานขันธ์ ด้วยอรรถว่าเป็นกองธรรมที่มีอาสวะ ทั้งหมดจัดเข้าในขันธ์ด้วยอรรถว่าเป็นกอง. แต่ในที่นี้ธรรมที่เป็นไปในภูมิ ๓ จัดเข้าในอุปาทานขันธ์ ด้วยอรรถว่าเป็นกองธรรมมีอาสวะ.


แม้ในอรรถกถา ก็อธิบายพระสูตรตรงตามที่ท่านอื่นๆกล่าว แต่ขัดกับมืดแค่คนเดียวในที่นี้
ท่านว่า รูปจัดเข้าในขันธ์ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ก็ไม่ยกเว้น ทั้งที่มีอาสวะและไม่มีอาสวะ ล้วนรวมลงในขันธ์ทั้งสิ้น
แต่มืดบอกว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญานไม่ใช่ขันธ์
จะว่าอย่างไรครับมืดในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่คนผู้นี้เข้าใจธรรมผิดๆ ตลอดเวลาที่เขาอธิบายธรรม ก็มีความเห็นผิดๆอีกหลายเรื่องที่โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ นับสิบ ยังไม่รวมของเดิม
แต่ผมจะพูดแค่เรื่องนี้ก่อน เป็นเรื่องๆไป

มีอยู่ตอนหนึ่งที่มืดกล่าวตอบคำถามในลักษณะนี้คือ
มืด :
เอาไปอ่านอีกรอบว่า  ธรรมะมีทั้ง  พระไตรปิฎก  อรรถกถา ฎีกา คำครูบาอาจารยื และความเห็นส่วนตัว
จะพูดอะไรต้องให้ตรงกับหลักการ    ไม่ใช่อ้างพระไตรปิฎกแต่เอาความเห็นตัวเองใส่ไปในพระไตรปิฎกที่อ้าง

สำหรับผมที่แสดงเป็นความเห็นส่วนตัว   ผมจะพูดอะไรก็ได้
เป็นคุณไม่รู้เรื่องเอง  ก็เลยเอาไปผสมกันเอ  ลิงกังเอย!

ธรรมะที่เราควรใช้เผยแพร่ในพุทธเถรวาทของพวกเรา ควรที่จะเป็นธรรมะที่ได้รับการกลั่นกรองมาแล้ว จากพระเถราจารย์ทั้งหลาย รับรองไว้แล้วว่าถูกต้องตรงตามธรรม เป็นที่ยอมรับในเถรวาทไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ใครจะเข้าใจธรรมอย่างไรก็เอาที่ตนเข้าใจผิดๆถูกๆมาสอนธรรมได้

การที่เราจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวมีขอบเขตแค่ไหน มืดก็ไม่รู้ ความคิดเห็นส่วนตัวสามารถแสดงได้ ออกความเห็นได้ แต่ไม่สามารถใช้เที่ยวชี้ผิดชี้ถูกเหมือนที่มืดกำลังทำได้ ใช่หรือไม่?
การกระทำของมืด ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น แต่เป็นการบั่นทอนพุทธเถรวาทด้วยคำสอนผิดๆ ส่งผลให้ผู้อื่นเชื่อผิดๆตามมืดไปด้วยเข้าข่ายความผิดกฏหมายคุ้มครองพุทธศานา

ไม่แปลกใจเลย ที่มีสมาชิกท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า คนผู้นี้เคยปรามาสพระไตรปิฎก อรรถกถา เพียงเพราะว่ามันไม่ตรงกับทิฏฐิของเขา

เรื่องวีรกรรมของตามืดนี่เยอะจนสาธยายไม่หมดง่ายๆ แต่เอาล่ะ ผมจะรวมคำถามที่ผมจะถามคุณไว้ให้ชัดเจน ขอให้ตอบให้ชัด อย่าใช้วิธีเลี่ยงคำถาม เหมือนที่ผ่านๆมาก็แล้วกัน เพื่อให้สมกับที่คุณบอกว่าตัวเองเป็นนักเลง เป็นจ้าวยุทธจักร ไม่ใช่ขี้ๆ อะไรของคุณนั่นน่ะ

คำถาม : 1. คุณนับตัวเองว่าเป็นชาวพุทธเถรวาทหรือไม่ หรือเป็นนิกายอื่น ถ้าตอบว่านิกายอื่นผมจะจบเรื่องนี้ทันที ไม่ยุ่งด้วยเรื่องธรรมกับคุณอีก เพราะนิกายอื่นจะคิดต่างสุดโต่งอย่างไรก็ไม่ทำให้เถรวาทเสียหาย ยกเว้นกรณีมาเสี้ยมชาวพุทธเถรวาทให้เชื่อผิดๆ

                         2.ให้คุณอธิบายให้ชัดเจน ละเอียด ในเรื่องขันธ์5 ตามพระสูตรและอรรถกถาที่ผมแสดงไว้ด้านบน  อย่าตอบแบบลวกๆ กำกวม เหมือนที่เคยทำ

                         3.ขอให้มืดบอกที่มาของความรู้ที่มืดเข้าใจนี้มาด้วย ว่าเอามาจากแหล่งใด น่าเชื่อถือหรือไม่ แหล่งนั้นเขาอธิบายอรรถในเรื่องนี้ตรงกับมืดหรือไม่
หากไม่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือพอ นั่นย่อมหมายถึงสิ่งที่มืดพูด ไม่มีความน่าเชื่อถือเช่นกัน และเท่ากับว่าคำพูดที่เที่ยวชี้ถูกผิดไปทั่วของมืด เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรเชื่อถือ
                        
ที่มาของพระสูตร และอรรถกถา ถ้าอยากได้ที่มา ผมสามารถชี้แจงได้อย่างละเอียด และบอกได้ถึงความน่าเชื่อถือของแหล่งนั้น ว่าเป็นที่ยอมรับในวงศ์เถรวาทจริง

ปล. ไม่ต้องให้ผมไปตั้งกระทู้ใหม่แล้วนะครับ คุณหนีเขามาสองกระทู้แล้ว นี่ไม่ใช่เกมส์วิ่งไล่จับ เวลาผมจะตั้งกระทู้มันใช้เวลา เข้าใจนะ
ส่วนท่านใดที่อยากจะตอบคำถามนี้ร่วมด้วย ยินดีนะครับ