สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2

"นักแสดงรุ่นใหญ่ทำได้ดีตั้งแต่เทคแรก"
คือเล่นถูกทางแบบที่พี่ย้งชอบเลย ตั้งแต่เทคแรก ขออนุญาตยกตัวอย่างพี่เจี๊ยบ เพื่อให้เป็นการไม่เปลืองเทค ไม่เปลืองเวลา พี่เจี๊ยบจะเดินเข้ามาถามพี่ย้งก่อนเสมอ ว่าหลังจากอ่านบทแล้ว มันมี 2-3 ทางที่จะเลือกเล่นได้ พี่ย้งอยากให้เป็นในทิศทางไหน เจ็บปวดแล้วแสดงออก เจ็บปวดแล้วเก็บไว้ หรือเจ็บแบบชาๆ พอพี่ย้งเลือก พี่เจี๊ยบเตรียมอารมณ์ เพื่อเล่นทางนั้นเลย
อันนี้เสริม คือความเข้าใจคาแรกเตอร์ตัวละคร อย่างอันนี้พี่เจี๊ยบละเอียดแม้กระทั่งฉากทาครีม! ว่าการทาครีมแบบคริสซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยและแต่งตัวเก่ง จะต้องทาแบบตบขึ้นเท่านั้น! หน้าจะได้ไม่เหี่ยว!!! เอาซี้~

ActionPlay Studio
ถูกใจเพจนี้ · 12 ชม. · มีการแก้ไข ·
“รักลึกซึ้งของประเสริฐ”
พี่กบคือตัวอย่างของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ทำการบ้านกับบทมาอย่างละเอียดจริงๆ พี่กบจะวิเคราะห์ว่าซีนนี้มีความหมายยังไงกับเรื่อง ประโยคไหนต้องเน้น แอ๊กชั่นไหนต้องขยี้ ตอนไปบรีฟบท จะเห็นว่าพี่กบจะทำการบ้านมาก่อน แล้วจะมีข้อเสนอแนะบางอย่างที่ดีมากๆ อย่างเช่น “แอ็กชั่นจับมือ” ซึ่งไม่มีอยู่ในบท! แต่เราคิดว่ามันเกิดจากการวิเคราะห์หน้าที่ของแต่ละซีน ความหมายของแต่ละไดอะล็อกของพี่กบ คนดูจึงได้เห็นสายตาและการกระทำของประเสริฐที่เปี่ยมไปด้วยความรักซาบซึ้งที่มีต่อบ้านนิภา และความเย็นชาลึกๆบางอย่างที่มีต่อคริส ทั้งหมดนี้ถูกทำให้มีมิติยิ่งขึ้นจากการตีความของนักแสดง

“เหม่เหมของป๊า”
“ลูกสาวเป็นไงบ้าง” คือประโยคที่เราได้ยินบ่อยๆจากพี่แท่ง ขณะที่ไม่ได้ถ่ายทำ เพราะคุณพ่อคนนี้เป็นพ่อเหม่เหม ทั้งในจอ และนอกจอจริงๆ ด้วยความที่นาน่า (เหม่เหม) เป็นนักแสดงใหม่แกะกล่อง ทำให้ในคิวถ่ายแรกๆจะมีความกังวลเยอะมาก พี่แท่งจึงคอยแนะนำน้องตลอดว่าให้เล่นแบบนี้ ส่งมาแบบนี้ รับแบบนี้ อีกทั้งยังชวนคุยชวนเล่นอยู่เสมอ ทำให้เห็นเลยว่า การทำงานร่วมกันของนักแสดง มันทำให้ความน่ารัก ความเป็นธรรมชาติ และความสัมพันธ์ของตัวละครออกมาอย่างชัดเจน | ในซีนนี้ พ่อลูกเค้ารับส่งกันเอง แบบธรรมชาติมากๆ
เครดิต : ActionPlay Studio

"นักแสดงรุ่นใหญ่ทำได้ดีตั้งแต่เทคแรก"
คือเล่นถูกทางแบบที่พี่ย้งชอบเลย ตั้งแต่เทคแรก ขออนุญาตยกตัวอย่างพี่เจี๊ยบ เพื่อให้เป็นการไม่เปลืองเทค ไม่เปลืองเวลา พี่เจี๊ยบจะเดินเข้ามาถามพี่ย้งก่อนเสมอ ว่าหลังจากอ่านบทแล้ว มันมี 2-3 ทางที่จะเลือกเล่นได้ พี่ย้งอยากให้เป็นในทิศทางไหน เจ็บปวดแล้วแสดงออก เจ็บปวดแล้วเก็บไว้ หรือเจ็บแบบชาๆ พอพี่ย้งเลือก พี่เจี๊ยบเตรียมอารมณ์ เพื่อเล่นทางนั้นเลย
อันนี้เสริม คือความเข้าใจคาแรกเตอร์ตัวละคร อย่างอันนี้พี่เจี๊ยบละเอียดแม้กระทั่งฉากทาครีม! ว่าการทาครีมแบบคริสซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยและแต่งตัวเก่ง จะต้องทาแบบตบขึ้นเท่านั้น! หน้าจะได้ไม่เหี่ยว!!! เอาซี้~

ActionPlay Studio
ถูกใจเพจนี้ · 12 ชม. · มีการแก้ไข ·
“รักลึกซึ้งของประเสริฐ”
พี่กบคือตัวอย่างของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ทำการบ้านกับบทมาอย่างละเอียดจริงๆ พี่กบจะวิเคราะห์ว่าซีนนี้มีความหมายยังไงกับเรื่อง ประโยคไหนต้องเน้น แอ๊กชั่นไหนต้องขยี้ ตอนไปบรีฟบท จะเห็นว่าพี่กบจะทำการบ้านมาก่อน แล้วจะมีข้อเสนอแนะบางอย่างที่ดีมากๆ อย่างเช่น “แอ็กชั่นจับมือ” ซึ่งไม่มีอยู่ในบท! แต่เราคิดว่ามันเกิดจากการวิเคราะห์หน้าที่ของแต่ละซีน ความหมายของแต่ละไดอะล็อกของพี่กบ คนดูจึงได้เห็นสายตาและการกระทำของประเสริฐที่เปี่ยมไปด้วยความรักซาบซึ้งที่มีต่อบ้านนิภา และความเย็นชาลึกๆบางอย่างที่มีต่อคริส ทั้งหมดนี้ถูกทำให้มีมิติยิ่งขึ้นจากการตีความของนักแสดง

“เหม่เหมของป๊า”
“ลูกสาวเป็นไงบ้าง” คือประโยคที่เราได้ยินบ่อยๆจากพี่แท่ง ขณะที่ไม่ได้ถ่ายทำ เพราะคุณพ่อคนนี้เป็นพ่อเหม่เหม ทั้งในจอ และนอกจอจริงๆ ด้วยความที่นาน่า (เหม่เหม) เป็นนักแสดงใหม่แกะกล่อง ทำให้ในคิวถ่ายแรกๆจะมีความกังวลเยอะมาก พี่แท่งจึงคอยแนะนำน้องตลอดว่าให้เล่นแบบนี้ ส่งมาแบบนี้ รับแบบนี้ อีกทั้งยังชวนคุยชวนเล่นอยู่เสมอ ทำให้เห็นเลยว่า การทำงานร่วมกันของนักแสดง มันทำให้ความน่ารัก ความเป็นธรรมชาติ และความสัมพันธ์ของตัวละครออกมาอย่างชัดเจน | ในซีนนี้ พ่อลูกเค้ารับส่งกันเอง แบบธรรมชาติมากๆ
เครดิต : ActionPlay Studio
ความคิดเห็นที่ 1

“แอ๊บเปิ้ล 10 ลูกของพี่เจี๊ยบ”
ว่ากันตามตรง พี่เจี๊ยบน่าจะไม่เคยปอกแอปเปิ้ลเลยในชีวิตจริง แต่เพื่อแสดงฉากนี้ให้ชัดเจนว่าปกติคริสเป็นคนที่ปอกแอปเปิ้ลแบบนี้อยู่บ้านจริงๆ พี่เจี๊ยบขอแอปเปิ้ลจากทีมอาร์ตมาซ้อมปอก และปักมีดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะคล่องที่สุด เพื่อที่พอถ่ายจริง บิ๊วอารมณ์ขึ้นมาจริงแล้ว แอ็กชั่นเหล่านั้นจะไม่เป็นอุปสรรคที่ทำให้ต้องเทคใหม่ แอ๊บเปิ้ลทั้งสวนจึงได้ผ่านมือพี่เจี๊ยบไปในวันนั้นนนนน

ซึ่งการซ้อม action ต่างๆให้คล่องในซีน มันลามมาถึงซีนธรรมดาๆ อย่างซีนกินข้าวเปิดตัวนิภา และฉี (ไอซ์) ด้วย ซึ่งเป็น #ซีนแรก ของการถ่ายทำละครเรื่องนี้ แม้จะเป็นฉากพูดคุยธรรมดา แต่พี่ย้งอยากให้ซีนนี้เป็นซีนที่ "มีชีวิต" มากกว่าเป็นการนั่งพูดคุยกันเฉยๆ จึงเกิด Action ที่ฉีต้องเก็บจานชามให้กับนิภา เหมือนง่ายใช่มั้ย แต่ยากมาก ไอซ์จึงต้องซ้อมเก็บจานชามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสามารถเก็บจานและแก้วทั้งหมดได้ภายในครั้งเดียวอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งไอซ์เองด้วยความเป็นนักแสดงใหม่ แถมเล่นซีนแรก ก็ซ้อมไปเรื่อยๆแบบไม่กลัว จนธรรมชาติดีสุด อันนี้ชัดเจนว่าอะไรที่ต้องทำให้เป็นธรรมชาติ ก็ซ้อมไปเถอะ ซ้อมจนให้ไม่เป็นอุปสรรคในการแสดงอารมณ์ความรู้สึก

“แอ๊บเปิ้ล 10 ลูกของพี่เจี๊ยบ”
ว่ากันตามตรง พี่เจี๊ยบน่าจะไม่เคยปอกแอปเปิ้ลเลยในชีวิตจริง แต่เพื่อแสดงฉากนี้ให้ชัดเจนว่าปกติคริสเป็นคนที่ปอกแอปเปิ้ลแบบนี้อยู่บ้านจริงๆ พี่เจี๊ยบขอแอปเปิ้ลจากทีมอาร์ตมาซ้อมปอก และปักมีดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะคล่องที่สุด เพื่อที่พอถ่ายจริง บิ๊วอารมณ์ขึ้นมาจริงแล้ว แอ็กชั่นเหล่านั้นจะไม่เป็นอุปสรรคที่ทำให้ต้องเทคใหม่ แอ๊บเปิ้ลทั้งสวนจึงได้ผ่านมือพี่เจี๊ยบไปในวันนั้นนนนน

ซึ่งการซ้อม action ต่างๆให้คล่องในซีน มันลามมาถึงซีนธรรมดาๆ อย่างซีนกินข้าวเปิดตัวนิภา และฉี (ไอซ์) ด้วย ซึ่งเป็น #ซีนแรก ของการถ่ายทำละครเรื่องนี้ แม้จะเป็นฉากพูดคุยธรรมดา แต่พี่ย้งอยากให้ซีนนี้เป็นซีนที่ "มีชีวิต" มากกว่าเป็นการนั่งพูดคุยกันเฉยๆ จึงเกิด Action ที่ฉีต้องเก็บจานชามให้กับนิภา เหมือนง่ายใช่มั้ย แต่ยากมาก ไอซ์จึงต้องซ้อมเก็บจานชามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสามารถเก็บจานและแก้วทั้งหมดได้ภายในครั้งเดียวอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งไอซ์เองด้วยความเป็นนักแสดงใหม่ แถมเล่นซีนแรก ก็ซ้อมไปเรื่อยๆแบบไม่กลัว จนธรรมชาติดีสุด อันนี้ชัดเจนว่าอะไรที่ต้องทำให้เป็นธรรมชาติ ก็ซ้อมไปเถอะ ซ้อมจนให้ไม่เป็นอุปสรรคในการแสดงอารมณ์ความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ความตั้งใจของทีมนักแสดงและทีมงานละคร #เลือดข้นคนจาง
การไปเป็น Acting Coach #เลือดข้นคนจาง ถือว่าเป็นความโชคดี ที่เราได้ไปเรียนรู้จากนักแสดงรุ่นเก๋า
#ใครฆ่าประเสริฐ หรือ #เฮงซวย วลีเด็ดของพี่แหม่ม คัทลียา เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ความเข้มข้นที่กำลังจะตามมา ทีมนักแสดง โดยเฉพาะนักแสดงรุ่นใหญ่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก แต่เราขอบอกเลยว่า ที่ได้แบบนี้ไม่ใช่เพราะฟลุ๊ค แต่เพราะพวกเขาตั้งใจทำงานกันละเอียดสุดๆ เราในฐานะที่ได้มีโอกาสสัมผัสวิธีการทำงานของนักแสดง ประทับใจ จนอยากเอามาเล่าให้ฟัง
#รุ่นเก๋าเขาทำกันอย่างนี้
การไปเป็น Acting Coach #เลือดข้นคนจาง ถือว่าเป็นความโชคดี ที่เราได้ไปเรียนรู้จากนักแสดงรุ่นเก๋า
ถ้า #สนใจเรื่องการแสดง กด like page ActionPlay Studio เอาไว้ จะเก็บเอาสิ่งได้มาจากกองถ่ายมาเล่าให้ฟังอีกเรื่อยๆเลย
“ที่มาของซีน..เฮงซวย!!!”
เราถ่ายซีนนี้ในคิวที่ 18 ของการถ่ายทำ นี่เป็นซีนสุดท้ายของวัน ทุกคนทั้งทีมงานและนักแสดงเหนื่อยมากๆ เพราะเป็นวันที่ยาวนานและถ่ายติดกันมาหลายวันแล้ว แถมบทซีนนี้ยาวมาก!! และพี่ย้ง เป็นคนที่ต้องบทต้องเป๊ะ เพราะทุกคำพูดมีความหมายที่คิดมาละเอียดแล้วตั้งแต่ตอนเขียนบท!!
พี่แหม่ม คัทลียา ท่องบท ท่องแบบท่องตลอดเวลา ก่อนที่จะเข้าซีนประมาณ 2 ชั่วโมง แม้แต่ตอนแต่งหน้าทำผม ท่องแบบท่องไปเรื่อยๆ ผิดก็เอาใหม่ มีคนสลับหน้าไปนั่งช่วยพี่แหม่มทวนบท สุดท้ายซีนนี้พี่แหม่มทำได้ดีขนาดที่คนเขียนบทโพสต์ชมว่า ตอนที่เค้าเขียนไดอะล็อก เค้ายังไม่คิดว่าอารมณ์มันจะถึงได้ขนาดนี้! เรียกได้ว่าเป็นอานิสงค์ของการท่องบทของพี่แหม่ม ที่เข้าใจและเคารพบทมาก จนไม่ต้องกังวลบทแล้ว และสามารถปล่อยความรู้สึกออกมาได้อย่างเต็มที่ แถม “พูดไม่ผิดเลยแม้แต่เทคเดียว” และ “เล่นจริงทุกมุมกล้อง” แม้กระทั่งมุมที่เห็นหน้าไม่ชัด
ตอนถ่ายพวกเราตั้งคำถามกันมากว่าทำไมพี่ย้งต้องพูดคำว่าชั้นทำโรงแรมมาตั้ง 23 ปีบ่อยๆ แต่พอฉาย คำนี้เป็นคำสำคัญมาก เพราะทำให้คนดูเข้าใจ และสงสารภัสสร อย่างที่พวกเรากำลังสงสารกัน
“หลับสุดชีวิตแบบพี่อุ๋ม”
หนังสือสุดชีวิตที่มีชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ว่าเลือกได้ดีเหมาะสมกับคาแรกเตอร์นี้ เป็นความตั้งใจของพี่ยัง ผู้กำกับ แต่การที่ได้ “ท่านอนหลับคาหนังสือ” แบบนี้ ไม่ใช่ว่าจู่ๆก็ลงไปนอน แต่ช่วงที่ช่างภาพกำลังจัดแสงอยู่ พี่อุ๋มใช้วิธีลองกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสือดูก่อน แล้วค่อยๆทำเคลิ้ม เพื่อให้ได้ท่าอ่านหนังสือแล้วเผลอหลับไปแบบเหมือนจริงที่สุด!!! รายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ พี่อุ๋มจะทำก่อนเล่นในทุกๆซีน เพื่อให้ตัวละครเกิดความรู้สึกต่อเนื่องทางอารมณ์ รู้ว่าก่อนเข้าซีนนี้ไปทำอะไรมาก่อนเสมอ!
“ที่นี่ไม่มีครูเล็ก มีแต่อาม่า"
ตั้งแต่ตอนที่คุยกันเรื่องคาแรกเตอร์อาม่าในครั้งแรก สิ่งที่เราสังเกตว่าครูเล็กให้ความสำคัญมากคือ “การเทียบเคียง” โดยเล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวต่างๆที่มีอยู่จริง ยกตัวอย่างเหตุการณ์ไปเลย ว่า อ่อ มีครอบครัวที่ครูเล็กรู้จัก ลูกคนนี้เป็นแบบนี้ แล้วพ่อแม่เค้าจัดการแบบนี้ ซึ่งในช่วงแรกเมื่อมีความเข้าใจไม่ตรงกัน พี่ย้งก็จะแก้ไปเลยในดีเทลว่า ไม่ๆถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ อาม่าจะ react แบบนี้มากกว่า ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่เวิร์คมากใช้จูนภาพกับผู้กำกับ ทำให้ภาพที่ผู้กำกับ นักแสดง และแอ็กติ้งโค้ชเห็นเป็นภาพเดียวกันมากขึ้น เพราะรายละเอียดชัดเจน ไม่ได้คุยกันลอยๆ
ถ้าใครเคยเจอตัวจริงครูเล็ก จะรู้ดีว่าคาแรคเตอร์ของอาม่านั้น ห่างไกลจากออร่าความสง่างามของครูเล็กขนาดไหน คาแรกเตอร์อาม่าอย่างที่เราเห็น จะมีความล้งเล้ง เปิดเผย แค่ท่าเดินก็ต่างจากตัวจริงลิบลับ แต่ครูเล็กทำการบ้านมา!!! ตอนที่เดินลงจากรถ เข้ากองถ่ายวันแรก ครูเล็ก Keep Character เป็นอาม่ามาเลย!!! พูดจาเสียงดัง ใจดี และล้งเล้ง ทำให้แม้ว่าคาแรกเตอร์จะค่อนข้างขัดกะชีวิตจริง แต่ด้วยการที่คีพเอาไว้ตลอดเวลา ทำให้เชื่อว่าครูเล็กเป็นอาม่าคนจีนอย่างแท้จริง เวลาที่อยากเพิ่มลดบางอย่าง ก็จะใช้คำบรีฟง่ายๆว่า ขอจีนขึ้นอีกนิดนึงได้มั้ยคะครูเล็ก ความล้งเล้งก็จะมาเลยทันที มืออาชีพจริงๆ
ความสัมพันธ์ของนักแสดง จะเกิดขึ้นทันทีในซีนไม่ได้ ทุกอย่างต้องอาศัยการทำการบ้านล่วงหน้าด้วยความใส่ใจ ยกตัวอย่างความสนิทสนมของก๋วยเตี๋ยวและอาม่า ครูเล็กถึงกับพาก๋วยเตี๋ยว (ปอร์เช่) ไปนั่งจิบไวน์ก่อนเปิดกล้อง เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ให้น้องไม่เกร็ง กล้าเล่นให้สมกับการเป็นหลานรักอาม่า
นอกจากนี้ในซีนสำคัญอย่างฉากเจอศพประเสริฐ ที่ก๋วยเตี๋ยวมาดึงอาม่าไว้ก่อนที่จะขาอ่อนล้มลง ต้องดีไซน์ซักซ้อมการล้มอยู่กว่า 10 นาที เพราะจริงๆซีนนี้ถือว่าเป็นซีนบู๊ได้เลย นักแสดงใหม่ๆจะเก่งเรื่องการแสดงออกทางอารมณ์ แต่อาจยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการใช้ร่างกายเพื่อเซฟนักแสดงด้วยกัน ซึ่งยากมาก! เพราะต้องรู้สึกจริง แต่ก็ต้องมีสติในการรักษาร่างกายคู่เล่นด้วย กว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ ซ้อมจับแล้วจับอีก กว่าจะเจอจุดที่พอดี ที่ทำให้เชื่อว่าล้มจริง แต่ไม่เจ็บตัวแม้แต่นิดเดียว