มาเล่าการลงงานวิ่ง ระยะ Half Marathon ครั้งแรกของผม กับ Chiangrai Marathon 2018

ผมเองขอนับว่าตัวเองเป็นนักวิ่งจริงๆ จังๆ ได้ประมาณ 7 เดือนนะครับ
โดยเริ่มนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 ซึ่งเริ่มลงงานวิ่งครั้งแรก และเริ่มศึกษาถึงวิธีการวิ่ง
การรู้จักว่า pace คืออะไร และเริ่มมีนาฬิกาวัดฮาร์ดเรต GPS ใช้
****************************************************
สาเหตุที่มาตั้งกระทู้นี้เพราะเมื่อวานนี้ 16 กย.2561 ได้มีโอกาสลงงานวิ่ง
ในระยะ Half Marathon ครั้งแรกในชีวิต ในงานเชียงรายมาราธอน 2018
ตอนเข้าเส้นชัยแล้ว ได้ไปนั่งพักข้างน้องผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเริ่มหัดวิ่งได้ 1-2 เดือน น้องเค้าวิ่ง 5 กม.
แล้วผมก็ได้เล่าเรื่องของผมให้ฟัง ขณะเดียวกันผมก็ฟังเรื่องราวการวิ่งของน้องเค้า จากบทสนทนาเมื่อวานทำให้ผมย้อนนึกกลับไปว่า
ผมเองก็เพิ่งเริ่มหัดวิ่งได้ไม่นานนี่เอง ถือว่าหน้าใหม่สำหรับวงการนี้มาก แต่ในการแลกเปลี่ยนความคิดกับน้องคนเมื่อวาน
ทำให้รู้เลยว่าบางเรื่องของผมที่คิดว่าใครๆ ก็รู้ บางทีสำหรับมือใหม่เค้าก็อาจจะยังไม่รู้

กระทู้นี้ขอถือเป็นการบันทึกความทรงจำแรกของผมกับการลงงานวิ่งระยะ 21 กม.ครั้งแรกในชีวิตไปด้วยในตัว

ตอนลงงานวิ่งครั้งแรกเป็นงานการกุศลครับ ค่าสมัครวิ่งราคาเดียวกันหมดทั้งฟันรัน และมินิ
งานแรกนั้นตั้งใจจะวิ่งระยะฟันรัน 5 กม.เท่านั้น เพราะไม่เคยวิ่งไกลเกินกว่า 3.5 กม.มาก่อนในชีวิต
แต่เนื่องจากฝากเพื่อนเอา BIB แทน และเจ้าหน้าที่ผู้จัดเอาระยะ 10 กม.ให้สลับ
ผมเองมารู้ทีหลังก็ตอนจะเอา BIB ติดเสื้อ อ้าว ระยะที่วิ่ง 10 กม.เหรอ สุดท้ายก็เลยตามเลย
ลงงานวิ่งครั้งแรกก็ประเดิมระยะสุดหินเลยคือ 10 กม.
จบงานแรกไปแบบลิ้นห้อย เพื่อนที่เริ่มวิ่งมาก่อนผมได้ 3 เดือน ต้องเข็น ต้องดันพากันเข้าเส้นชัย
จบงานแรกไปด้วยเวลา 1 : 25 : 13 pace 8.02

งานแรกผ่านไป งานสอง งานสาม ค่อยๆ ผ่านไป
แต่ละงานก็ลงแค่ระยะมินิครับ เยอะกว่านั้นเกินกำลังเกินไป
จากเดิมที่ pace 8 ก็ลดลงเหลือ pace 7
ระหว่างนั้น ทุกเย็นก็วิ่งตลอด แบ่งฝึกการวิ่งแบบงุๆ ปลาๆ ตามที่ค้นคว้าได้จากเวปไซด์ และจากในเวปพันทิพ
เช่น วันไหนอยากแชร์แอพ strava ไปยังเฟสบุ๊ค ว่าวันนี้วิ่งเร็วนะ ก็จะวิ่งเทมโป้รวดเดียว 5 กม.
อีกวันก็สลับวิ่งโซน 2 ไม่สนใจ pace อาจจะมีซัก 1 วันในสัปดาห์ที่ลองมาวิ่ง Interval ดูบ้าง
แต่โดยรวมแล้วช่วงเย็นหลังเลิกงานวิ่งเฉลี่ยไม่เกินวันละ 5 ชม.ครับ

ก็ฝึกแบบนั้นมาตลอด ผลลัพธ์ที่เห็นก็คือ ร่างกายมีการพัฒนา pace ก็เร็วขึ้น น้ำหนักก็ลดลง
ในเดือนพฤษภาคม 2561 ลงงานวิ่งการกุศล ก็ลองวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะไหว
งานนั้นเลยเร็วสุดตั้งแต่วิ่งมา คือ ระยะ 8.38 กม.จบที่ pace 5.54
ครับงานนี้จัดเมื่อ 29 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา เป็นการวิ่งระยะไกลเกินกว่า 5 กม.
ที่จบลงด้วย pace ต่ำกว่า 6 ครั้งแรกในชีวิต

ในเดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสลงงานวิ่งการกุศล ระยะ 10 กม.
ตอนนั้นเริ่มเชื่อมั่นล่ะว่า ตัวเองน่าจะวิ่ง 10 กม.ในเวลาต่ำกว่า 1 ชม.ได้
เพื่อเป็นการข้ามขีดสมรรถนะของตัวเองว่า เราเองจากพ่อบ้านเพซ 8 ก็จะเป็นเพซ 5 ได้
ในการวิ่งจริงก็ทำเต็มที่ครับ และผลลัพธ์ก็ออกมาน่าดีใจมากครับ
ระยะทาง 10.44 กม. ใช้เวลาวิ่งต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงได้สำเร็จ คือ เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 56 :23 pace 5.24
เรียกได้ว่าเร็วที่สุดในชีวิตผมแล้วครับ วิ่งเสร็จอัพสเตตัสขึ้นสตราว่า และแชร์ไปเฟสบุ๊ค อวดเพื่อนๆ ให้รู้กันไปเลย ฮา...

จนล่าสุดงานวิ่งงานเชียงรายมาราธอน 2018 ผมลงระยะ 21 กม. Half marathon ไว้
ก่อนจะวิ่งระยะนี้ก็เคยฝึกซ้อมวิ่งจนถึงระยะนี้จริงๆ แค่ 2 ครั้ง และเหนื่อยสุดๆ
ระยะนี้ไม่ง่ายเลยที่จะวิ่งให้ถึงเส้นชัยด้วยเวลาดีๆ ครับ ผมเองอยากลองพิชิตฮาล์ฟมาราธอนด้วยเพซ 5 ดูบ้าง
เพราะถ้าในระยะฟันรัน กับมินิ รวมกับการซ้อม 2 เดือนหลังสุด สามารถจบที่เพซ 5 ได้ตลอด
ก็เลยตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเอาชนะขีดความสามารถของตัวเองไปให้ได้

ในวันงาน เวลา 5.00 น.ได้เริ่มปล่อยตัวนักวิ่ง ด้วยความมืด ผมจึงวิ่งตามติดเพซเซอร์ซึ่งมีลูกโป่ง เวลา 2 ชั่วโมงไปตลอด
เพราะรู้ดีว่าถ้าตามพวกเค้าเหล่านั้นไปจนถึงเส้นชัย เวลาที่ได้ก็จะต่ำกว่าเพซ 6 แน่นอน
แต่เอาเข้าจริงๆ วิ่งตามได้แค่ 7-8 กม.ผมก็ต้องแวะดื่มน้ำ และวิ่งกวดไม่ทัน กับท้องฟ้าเริ่มสว่างเลยสามารถวิ่งไปเองได้
ระยะทางอีก 13 -14 กม.ที่เหลือ มันช่างไกลเหลือเกิน ผมอดทนวิ่งจนถึงกิโลเมตรที่ 10 ด้วยเวลาระยะนี้ดีที่สุด คือ 53 นาที
ที่เหลืออีกกว่า 12 กม.กว่าจะถึงเส้นชัย ผมต้องกัดฟันสู้กับความเหนื่อย เมื่อยขา และร้อน
ตอนนั้นอยากจะเดินสลับบ้าง แต่ก็กลั้นใจว่าถ้าขืนเดินไปแม้แต่ 1 นาที ความเร็วที่อุตส่าห์สะสมมาก็จะหมดค่า ฮา...
ก็เลยฝืนวิ่งช้าบ้าง เร็วบ้างเท่าที่ไหว จนสุดท้าย ก็เข้าเส้นชัยงานเชียงรายมาราธอน โดยจบที่ pace 5 ได้จริงๆ
ด้วยสถิติระยะทาง 22.45 กม. ใช้เวลาไป 2 : 11 : 16 ได้ pace 5.48 ครับ

ถือว่าเป็นการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกที่ผมทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ เกิดจากการอยากเอาชนะตัวเองล้วนๆ เลยครับ
พอผมอยากดูว่าร่างกายตัวเองจะไหวไหมถ้าอยากได้เพซ 5 มันเลยต้องฝึกฝน
ต้องตื่นเช้าๆ ออกไปฝึกวิ่งวันละ 5 กม. เย็นอีก 5 กม.ใน 2 สัปดาห์ก่อนวิ่งจริง

ปีหน้าผมหวังว่าจะลงฟูลมาราธอน เพื่อพิชิตเสื้อฟินิชเชอร์ 42 กม.ซักงาน
สำหรับระยะฟูลนั้น ผมคงไม่คิดจะแตะต้องเพซ 5 ครับ ขอให้ถึงเส้นชัยโดยไม่เจ็บก็คงดีใจมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่