จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน ที่มีเพื่อน .... ที่แบ่งปันเรื่องราว ยิ้มหัว ชวนคุย เรื่องจิปาถะ ทั้งชีวิตก็ดูเหมือนจะมีแต่พัช ยิ่งช่วงหลัง ๆ เธอต้องสู้กับอะไรหลายอย่าง ความขื่นขมของชีวิต ความยุ่งเหยิงของครอบครัว การต่อสู้เพื่อทวงสิทธิและศักดิ์ศรีดึงเอาพลังชีวิตในแต่ละวันไปจนหมด หากโรงเรียนศิลปะและชายหนุ่มคนหนึ่ง ทำให้วันคืนที่หนักหน่วงกลายเป็นความน่าอภิรมย์ การวาดรูปก็เรื่องหนึ่ง หากการนั่งดื่มกาแฟกับการพูดคุยสัพเพเหระ ทำให้ชีวิต ... ผ่อนคลายไม่ใช่น้อย ทุกข์สุขเรื่องราวที่แบ่งปันแทบไม่ผิดอะไรกับการอยู่กับเพื่อนรักซึ่งเป็นเจ้านายของคนตรงหน้า คนที่เล่าเรื่องป่วยของแม่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม คนที่นั่งมองฝีแปรงลายเส้นของเธออย่างตั้งใจ คนที่ใช้ทัศนคติในแง่บวกเป็นแรงผลักดันประการหนึ่งให้เธอได้ฟื้นฟูจิตใจ ให้ทำ ให้เป็น อย่างที่พยายามอยูทุกวัน ไม่นานเลยที่เขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่น ... คุณกิ และ เธอก็เรียกเขาว่า "ตะวัน"
คุณกิ .... ชีวิตที่น่าสงสารทำให้น้ำเนื้อในใจของเขาไหวอ่อน ผู้ชายคนนั้นทำลงได้อย่างไรนะ ดูสิ .... ความงดงาม อ่อนหวาน และ อ่อนโยน หากก็แข็งแกร่งอยู่ในที เมื่อสนทนาด้วยแล้วก็ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน คุณกิรนันท์มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขานึกถึงแม่ อาจเพราะเธอเองก็เป็นแม่คนด้วยละมั้ง ตะวันเป็นลูกคนเดียว ใกล้ชิดกับแม่มาตั้งแต่เด็ก น่าจะเคยคุ้นกับความสงบร่มเย็น และ การเอาใจใส่อย่างคนที่เป็นแม่จะมี หลายครั้งแล้วที่เขาได้รับน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเธอ กาแฟ รอยยิ้ม ความเป็นกันเอง และ ความช่วยเหลือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องของแม่ หรือ เรื่องพลาสเตอร์ติดแผลบนหน้าผากนี่ ทำเอาอดไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะคอยอยู่ใกล้ ๆ คอยช่วยเหลือ ทั้งที่ก็ยังไม่ชัดเจน และ ยังไม่กล้ายอมรับ ว่าความจริงในใจ คืออะไร
สายตาของตะวันนั้น ... บางที บางทีก็ทำให้อดคิดอะไรบางอย่างไม่ได้ แม้จะแก่วัยกว่าเป็น 10 ปี แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงละมั้ง วิธีที่เด็กคนนั้นมอง วิธีที่เด็กคนนั้นพูด มันช่างสะกิดใจ แววตาเป็นประกายน่ามอง ที่คงสนิทใจและวูบวาบไมไม่น้อยหากไม่มีเรื่องยุ่งยากอย่างทุกวันนี้ พฤติกรรมยังคงสุภาพนุ่มนวลเสมอต้นเสมอปลาย สัมผัสได้ว่าไม่มีความคิดร้ายเจือปน แต่ "อย่างอื่น" เรื่องนี้ชักไม่แน่ใจ และ ชวนให้หวั่นใจ ข้อแรก เรื่องของเธอมันก็ยุ่งเหยิงอยู่แล้ว และ ข้อสอง ใจตัวเองนั่นแหละที่น่ากลัว ยิ่งเจอกับคำพูดของแพรด้วยแล้ว ใจนึงก็รู้ว่ามันทำให้คนมองไม่ดีอย่างที่ว่า ทั้งตัวตะวันเอง ทั้งปัญหาของเธอ ด้วยเหตุนี้การพยายามพาตัวให้ไกลห่างจึงเริ่มต้น
แต่ถึงกระนั้น ... ตะวัน ก็ยังทำให้ใจเต้นนิด ๆ ละมั้ง กับถุงใบน้อยซึ่งแขวนไว้ที่รถ กับทีท่ากุลีกุจอนานราบกับพื้นส่องใต้ท้องรถแบบนั้น ถึงจะอึดอัดใจ แต่ใครกันจะอดไม่เอ็นดู รอยยิ้มอย่างนั้น สายตาแบบนั้น รวมถึงคำพูดเช่นนั้นได้กันละ ไม่ได้มีทีท่าคุกคาม หากปรารถนาจะช่วยเหลือไปจนสุดทาง ไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงก็จะยืนอยู่ตรงนี้อย่างนี้เพื่อช่วยเหลืออยู่ดี ตะวันก็ยังคงเป็นตะวัน จะอยู่ในสถานการณ์อย่างไหนก็ฉายแสงอบอุ่นได้ทุกครั้งไป
ตอนไหนคือครั้งสุดท้ายที่รอยยิ้มจุดที่มุมปาก
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคือ เมื่อครู่นี้นี่เอง
หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร
หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ
ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี
ป.ล. การรีวิวทีละสองเรื่อง ไม่ง่ายจริง ๆ ตะไมทำกับเลาอย่างเน้ สองสามตอนมาทีละกัน
บาปรัก (กึ่งรีวิว) เมื่อคืนโน้น : Sunshine
คุณกิ .... ชีวิตที่น่าสงสารทำให้น้ำเนื้อในใจของเขาไหวอ่อน ผู้ชายคนนั้นทำลงได้อย่างไรนะ ดูสิ .... ความงดงาม อ่อนหวาน และ อ่อนโยน หากก็แข็งแกร่งอยู่ในที เมื่อสนทนาด้วยแล้วก็ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน คุณกิรนันท์มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขานึกถึงแม่ อาจเพราะเธอเองก็เป็นแม่คนด้วยละมั้ง ตะวันเป็นลูกคนเดียว ใกล้ชิดกับแม่มาตั้งแต่เด็ก น่าจะเคยคุ้นกับความสงบร่มเย็น และ การเอาใจใส่อย่างคนที่เป็นแม่จะมี หลายครั้งแล้วที่เขาได้รับน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเธอ กาแฟ รอยยิ้ม ความเป็นกันเอง และ ความช่วยเหลือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องของแม่ หรือ เรื่องพลาสเตอร์ติดแผลบนหน้าผากนี่ ทำเอาอดไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะคอยอยู่ใกล้ ๆ คอยช่วยเหลือ ทั้งที่ก็ยังไม่ชัดเจน และ ยังไม่กล้ายอมรับ ว่าความจริงในใจ คืออะไร
สายตาของตะวันนั้น ... บางที บางทีก็ทำให้อดคิดอะไรบางอย่างไม่ได้ แม้จะแก่วัยกว่าเป็น 10 ปี แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงละมั้ง วิธีที่เด็กคนนั้นมอง วิธีที่เด็กคนนั้นพูด มันช่างสะกิดใจ แววตาเป็นประกายน่ามอง ที่คงสนิทใจและวูบวาบไมไม่น้อยหากไม่มีเรื่องยุ่งยากอย่างทุกวันนี้ พฤติกรรมยังคงสุภาพนุ่มนวลเสมอต้นเสมอปลาย สัมผัสได้ว่าไม่มีความคิดร้ายเจือปน แต่ "อย่างอื่น" เรื่องนี้ชักไม่แน่ใจ และ ชวนให้หวั่นใจ ข้อแรก เรื่องของเธอมันก็ยุ่งเหยิงอยู่แล้ว และ ข้อสอง ใจตัวเองนั่นแหละที่น่ากลัว ยิ่งเจอกับคำพูดของแพรด้วยแล้ว ใจนึงก็รู้ว่ามันทำให้คนมองไม่ดีอย่างที่ว่า ทั้งตัวตะวันเอง ทั้งปัญหาของเธอ ด้วยเหตุนี้การพยายามพาตัวให้ไกลห่างจึงเริ่มต้น
แต่ถึงกระนั้น ... ตะวัน ก็ยังทำให้ใจเต้นนิด ๆ ละมั้ง กับถุงใบน้อยซึ่งแขวนไว้ที่รถ กับทีท่ากุลีกุจอนานราบกับพื้นส่องใต้ท้องรถแบบนั้น ถึงจะอึดอัดใจ แต่ใครกันจะอดไม่เอ็นดู รอยยิ้มอย่างนั้น สายตาแบบนั้น รวมถึงคำพูดเช่นนั้นได้กันละ ไม่ได้มีทีท่าคุกคาม หากปรารถนาจะช่วยเหลือไปจนสุดทาง ไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงก็จะยืนอยู่ตรงนี้อย่างนี้เพื่อช่วยเหลืออยู่ดี ตะวันก็ยังคงเป็นตะวัน จะอยู่ในสถานการณ์อย่างไหนก็ฉายแสงอบอุ่นได้ทุกครั้งไป
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคือ เมื่อครู่นี้นี่เอง
หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ
ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี
ป.ล. การรีวิวทีละสองเรื่อง ไม่ง่ายจริง ๆ ตะไมทำกับเลาอย่างเน้ สองสามตอนมาทีละกัน