หลังจากที่ผมได้ฝึกว่ายน้ำในรูปแบบของ Total Immersion ผมพบว่า มันได้เปลี่ยนแปลงวิธีการว่ายน้ำของผม ไปสู่แนวทางที่ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย จึงเป็นเหตุให้ผมได้ศึกษามันเพิ่มเติม เลยอยากจะเอาเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับเทคนิคดังกล่าวมาฝาก เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเป็นมุมมองจากประสบการณ์ของผม ซึ่งท่านอื่นอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันได้ครับ และผมคิดว่า ถ้าศึกษาต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ต่อไปได้อีก
ข้อที่1.การฝึกว่ายน้ำตามแนวทางของ TI หรือ TOTAL IMMERSION ผู้ที่พัฒนาและคิดค้นเทคนิคนี้ขึ้น หรือเป็นต้นตำรับเลย ก็คือ คุณเทอร์รี่ ลาฟลิน (Terry Laughlin) ซึ่งท่านเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ส่วนคุณชินจิ Shinji Takeuchi แกเป็นลูกศิษย์ครับ (หลายๆ คนคิดว่าคุณชินจิคิดค้น) และแกก็ได้เรียนวิชาจาก คุณเทอร์รี่ ก่อน จากนั้นจึงได้นำเอาความรู้นี้ กลับไปสอนที่บ้านเกิดประเทศญี่ปุ่น แล้วแกก็อัดคลิปลง youtube ครับ ช่วงนั้น มีคลิปที่โด่งดังมาก ชื่อว่า The Most Graceful Freestyle Swimming by Shinji Takeuchi ลองหาดูใน youtube นะครับ หลายๆ คน ที่ได้ดูคลิป จะพบความสวยงามของท่าว่ายน้ำ ช้าๆ เนิบๆ แต่ลื่นไหล และทรงพลัง หลายๆ คน ได้รับแรงบันดาลใจ อยากจะว่ายน้ำทรงนี้บ้าง เดียวผมลองไปหาดูคลิปก่อน แล้วจะเอามาลงให้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.youtube.com/watch?v=rJpFVvho0o4&t=1s
ข้อที่2.สมัยที่ คุณเทอร์รี่ แกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ สมัยเรียนในระดับชั้นมัธยม มีการว่ายน้ำทดสอบความสามารถ เพื่อคัดเลือกนักกีฬาตัวแทนไปแข่งขัน หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น ผลปรากฏ ว่า แกเป็นคนเดียวในทีมที่ถูกคัดออก หลังจากนั้น แก่ก็ตั้งใจซ้อมต่อไปอีก 2 ปี แต่แกก็ไม่เคย ที่จะได้ออกจาก slow lane เลย รวมถึงไม่เคยเอาชนะเพื่อนร่วมทีม ทั้งๆที่ซ้อมน้อยกว่าแกเยอะ แกถึงกับ บ่นพึมพำกับตัวเองว่า การว่ายน้ำนั้น “ คงจะเป็นความสามารถที่พระเจ้าประทานให้ เช่นเดียวกันกับ ส่วนสูง สีผิว หรือสีของดวงตา ” แต่อย่างไรก็ตาม ไม่นานแกก็ได้เหรียญจากการแข่งขันว่ายน้ำเป็นครั้งแรก ซึ่งมันสร้างความภูมิใจให้กับแก ทุกๆครั้งที่นึกถึง ไม่นานแกก็เลิกเป็นนักกีฬา และหันมาเป็นโค้ช เพียงแค่ปีเดียว แกก็ได้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ทั้งทีเพิ่งจะอายุ 21 ปีเท่านั้น
ข้อที่3. การว่ายน้ำ สไตล์ TI จะเน้นไปที่ เรื่องของการลด การสูญเสียพลังงาน ที่หมดไปกับแรงต้านของน้ำ อันได้แก่จัดระเบียบร่างกายให้เพรียวบางลู่น้ำ หรือสตรีมไลน์ และลดการเกิดการคลื่น ,กระแสน้ำที่ปั่นป่วน ,การเกิดฟอง ,กระเซ็นของน้ำ โดยจะสังเกตเห็นว่า การว่ายน้ำ นั้นมีสโตรกที่เงียบ และนุ่มนวล แต่ลื่นไหล
ข้อที่4.การว่ายน้ำที่ทรงประสิทธิภาพสูง ตามนิยามของ TOTAL IMMERSION หมายถึง การใส่แรงเข้าไปอย่างไร? เพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้มากที่สุด หรือพูดง่ายๆ ว่า ใส่ input เข้าไป ทำยังงัย ถึงได้ output ออกมา มากที่สุด โดยทาง เทอร์รี่ เองแกบอกว่า โดยทั่วๆ ไปแล้ว นักว่ายน้ำมือใหม่จะศูนย์เสียพลังงานไปถึง 97 % (มีเพียงแค่ 3% เท่านั้นที่ถูกเปลี่ยนเป็นแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า) ถ้าเป็นนักว่ายมืออาชีพจะศูนย์เสียไปราวๆ 94% ส่วนนักกีฬาโอลิม จะอยู่ที่ราวๆ 93-92 % และแกยังบอกอีกด้วยว่า ความแตกต่างระหว่างนักว่ายน้ำ ความสามารถสูงๆก็คือ ความสามารถในการลดการสูญเสียพลังงาน
ข้อที่5.การเรียนว่ายน้ำตามแนวทาง TI นั้นแตกต่างจากหลักสูตรมาตรฐานที่เรียนตามปกติ เพราะออกแบบมาสำหรับวัยผู้ใหญ่,ผู้สูงอายุ วัยรุ่นหรือแม้กระทั้ง ผู้มีน้ำหนักตัวมาก หรือ มีอาการบาดเจ็บ การฝึกจะไม่มีการเกาะโฟมเตะขา และจะไม่มีการใช้แพดเดิลเลย
ข้อที่6.การเรียนนั้นจะเริ่มต้นจากการ เรียนรู้เรื่องของสมดุลและเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถ รับรู้ถึงการควบคุมร่างกาย จากนั้นต่อยอด ให้เราสามารถจัดระบบร่างกายของเราให้เพรียวบางลู่น้ำ หรือสตรีมไลน์ เมื่อทำได้แล้ว ก็จะค่อยๆ ใส่แรงลงไป เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า ทั้งหมดจะเรียกว่า พีระมิดทักษะ 3 ขั้นตอนของ TI
ข้อที่7.การเตะขานั้นจะมี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่1 ไม่เน้นเตะเลย ทำแค่เพียงกระดิกหรือเคลื่อนไหวปลายเท้าเบาๆ เพื่อรักษาสมดุล จากนั้นก็ว่ายแบบจัดระเบียบร่างกายให้ลู่น้ำไปเรื่อยๆ (เหมาะกับคนที่ไม่อยากใช้แรงเลย หรือคนขี้เกียจก็ได้ 555 ) รูปแบบที่ 2 เตะขาแบบ 2BK จะเอาไว้ใช้สำหรับการว่ายที่ต้องการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าให้เร็วกว่าแบบแรก
ข้อที่8.การหายใจ จะไม่มีการกลั้นลมหายใจเลยแม้แต่เสียววินาที จะปล่อยให้การหายใจเป็นไปตามธรรมชาติ เหมือนกับการวิ่งจ๊อกกิ้ง บ้างครั้งเราอาจจะเรียกว่า เป็นการสวิมมิ่งจ๊อกกิ้ง ก็ได้ การทำแบบนี้ จะทำให้ ไม่เกิดการอั้นของลมหายใจ ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากมายมหาศาล หลายๆคน วิ่งได้เป็น สิบๆ กิโลเมตร แต่พอมาว่ายน้ำแล้ว แค่ระยะ 25 เมตร ก็อาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย
ข้อที่9.ขณะเรียนหรือฝึก จะให้ได้ผล ต้อง ฝึกซ้ำๆ สั้นๆ 4-8 สโตรก ไม่เน้นว่ายยาว 25-50 เมตร เพราะต้องการลบล้าง ท่าว่าย หรืออุปนิสัยเก่าๆ ที่ติดตัวมา เช่น การเกร็ง การเสียบแขนผิด การว่ายแขนเบี้ยว การหมุนตัวมากเกินไป เป็นต้น เพื่อให้สร้างอุปนิสัยใหม่ๆ คือ สมดุล การมีเสถียรภาพ การจัดระเบียบร่างกายให้ เพรียวบางลู่น้ำ (ถ้าจะเปรียบกับการเล่นดนตรีแล้วล่ะก็ คงประมาณว่า เราจะเล่นทีละท่อนของเพลงให้ถูกต้อง ถูกจังหวะเสียก่อน ไม่ใช่เล่นทีเดียวจบเพลง แต่ไม่ตรงกับโน้ต หรือจังหวะ อารมณ์น่าจะประมาณนี้)
10.หน่วยซิล ของสหรัฐ เคยแอบสมัครเข้ามาเรียนว่ายน้ำกับเทอร์รี่ อยู่หลายคน ก่อนที่จะมีการเชิญตัวเขา เข้าไปสอนในโรงเรียนในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็มีการดัดแปลงท่าทางการว่ายน้ำของหน่วยซิลออกไปบ้าง เพื่อให้เหมาะกับการต้องมีสัมภาระและอุปกรณ์ทางทหารขณะอยู่ในทะเล
ข้อที่11.คนที่เรียนว่ายน้ำด้วยเทคนิคนี้ด้วยตัวเอง ที่มีอายุมากที่สุด เป็นหมอที่เกษียณแล้ว อายุ 94 ปี
ทั้ง11 ข้อ ก็คงจะเป็นเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่ได้นำมาแบ่งปันให้กับผู้ที่สนใจเทคนิคการว่ายน้ำดังกล่าว จริงๆ แล้วอาจจะมีมากกว่านี้ ไว้โอกาสหน้าผมค่อยมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ
ปล.ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
จริงๆ แล้วบนความนี้อยู่ใน Blog ของผมถ้าเพื่อนสนใจก็ตามเข้าไปดูได้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.swimyourself.com/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/
11 เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับการว่ายน้ำ ตามแบบฉบับของ Total Immersion
ข้อที่1.การฝึกว่ายน้ำตามแนวทางของ TI หรือ TOTAL IMMERSION ผู้ที่พัฒนาและคิดค้นเทคนิคนี้ขึ้น หรือเป็นต้นตำรับเลย ก็คือ คุณเทอร์รี่ ลาฟลิน (Terry Laughlin) ซึ่งท่านเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ส่วนคุณชินจิ Shinji Takeuchi แกเป็นลูกศิษย์ครับ (หลายๆ คนคิดว่าคุณชินจิคิดค้น) และแกก็ได้เรียนวิชาจาก คุณเทอร์รี่ ก่อน จากนั้นจึงได้นำเอาความรู้นี้ กลับไปสอนที่บ้านเกิดประเทศญี่ปุ่น แล้วแกก็อัดคลิปลง youtube ครับ ช่วงนั้น มีคลิปที่โด่งดังมาก ชื่อว่า The Most Graceful Freestyle Swimming by Shinji Takeuchi ลองหาดูใน youtube นะครับ หลายๆ คน ที่ได้ดูคลิป จะพบความสวยงามของท่าว่ายน้ำ ช้าๆ เนิบๆ แต่ลื่นไหล และทรงพลัง หลายๆ คน ได้รับแรงบันดาลใจ อยากจะว่ายน้ำทรงนี้บ้าง เดียวผมลองไปหาดูคลิปก่อน แล้วจะเอามาลงให้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ข้อที่2.สมัยที่ คุณเทอร์รี่ แกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ สมัยเรียนในระดับชั้นมัธยม มีการว่ายน้ำทดสอบความสามารถ เพื่อคัดเลือกนักกีฬาตัวแทนไปแข่งขัน หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้น ผลปรากฏ ว่า แกเป็นคนเดียวในทีมที่ถูกคัดออก หลังจากนั้น แก่ก็ตั้งใจซ้อมต่อไปอีก 2 ปี แต่แกก็ไม่เคย ที่จะได้ออกจาก slow lane เลย รวมถึงไม่เคยเอาชนะเพื่อนร่วมทีม ทั้งๆที่ซ้อมน้อยกว่าแกเยอะ แกถึงกับ บ่นพึมพำกับตัวเองว่า การว่ายน้ำนั้น “ คงจะเป็นความสามารถที่พระเจ้าประทานให้ เช่นเดียวกันกับ ส่วนสูง สีผิว หรือสีของดวงตา ” แต่อย่างไรก็ตาม ไม่นานแกก็ได้เหรียญจากการแข่งขันว่ายน้ำเป็นครั้งแรก ซึ่งมันสร้างความภูมิใจให้กับแก ทุกๆครั้งที่นึกถึง ไม่นานแกก็เลิกเป็นนักกีฬา และหันมาเป็นโค้ช เพียงแค่ปีเดียว แกก็ได้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ทั้งทีเพิ่งจะอายุ 21 ปีเท่านั้น
ข้อที่3. การว่ายน้ำ สไตล์ TI จะเน้นไปที่ เรื่องของการลด การสูญเสียพลังงาน ที่หมดไปกับแรงต้านของน้ำ อันได้แก่จัดระเบียบร่างกายให้เพรียวบางลู่น้ำ หรือสตรีมไลน์ และลดการเกิดการคลื่น ,กระแสน้ำที่ปั่นป่วน ,การเกิดฟอง ,กระเซ็นของน้ำ โดยจะสังเกตเห็นว่า การว่ายน้ำ นั้นมีสโตรกที่เงียบ และนุ่มนวล แต่ลื่นไหล
ข้อที่4.การว่ายน้ำที่ทรงประสิทธิภาพสูง ตามนิยามของ TOTAL IMMERSION หมายถึง การใส่แรงเข้าไปอย่างไร? เพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้มากที่สุด หรือพูดง่ายๆ ว่า ใส่ input เข้าไป ทำยังงัย ถึงได้ output ออกมา มากที่สุด โดยทาง เทอร์รี่ เองแกบอกว่า โดยทั่วๆ ไปแล้ว นักว่ายน้ำมือใหม่จะศูนย์เสียพลังงานไปถึง 97 % (มีเพียงแค่ 3% เท่านั้นที่ถูกเปลี่ยนเป็นแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า) ถ้าเป็นนักว่ายมืออาชีพจะศูนย์เสียไปราวๆ 94% ส่วนนักกีฬาโอลิม จะอยู่ที่ราวๆ 93-92 % และแกยังบอกอีกด้วยว่า ความแตกต่างระหว่างนักว่ายน้ำ ความสามารถสูงๆก็คือ ความสามารถในการลดการสูญเสียพลังงาน
ข้อที่5.การเรียนว่ายน้ำตามแนวทาง TI นั้นแตกต่างจากหลักสูตรมาตรฐานที่เรียนตามปกติ เพราะออกแบบมาสำหรับวัยผู้ใหญ่,ผู้สูงอายุ วัยรุ่นหรือแม้กระทั้ง ผู้มีน้ำหนักตัวมาก หรือ มีอาการบาดเจ็บ การฝึกจะไม่มีการเกาะโฟมเตะขา และจะไม่มีการใช้แพดเดิลเลย
ข้อที่6.การเรียนนั้นจะเริ่มต้นจากการ เรียนรู้เรื่องของสมดุลและเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถ รับรู้ถึงการควบคุมร่างกาย จากนั้นต่อยอด ให้เราสามารถจัดระบบร่างกายของเราให้เพรียวบางลู่น้ำ หรือสตรีมไลน์ เมื่อทำได้แล้ว ก็จะค่อยๆ ใส่แรงลงไป เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า ทั้งหมดจะเรียกว่า พีระมิดทักษะ 3 ขั้นตอนของ TI
ข้อที่7.การเตะขานั้นจะมี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่1 ไม่เน้นเตะเลย ทำแค่เพียงกระดิกหรือเคลื่อนไหวปลายเท้าเบาๆ เพื่อรักษาสมดุล จากนั้นก็ว่ายแบบจัดระเบียบร่างกายให้ลู่น้ำไปเรื่อยๆ (เหมาะกับคนที่ไม่อยากใช้แรงเลย หรือคนขี้เกียจก็ได้ 555 ) รูปแบบที่ 2 เตะขาแบบ 2BK จะเอาไว้ใช้สำหรับการว่ายที่ต้องการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าให้เร็วกว่าแบบแรก
ข้อที่8.การหายใจ จะไม่มีการกลั้นลมหายใจเลยแม้แต่เสียววินาที จะปล่อยให้การหายใจเป็นไปตามธรรมชาติ เหมือนกับการวิ่งจ๊อกกิ้ง บ้างครั้งเราอาจจะเรียกว่า เป็นการสวิมมิ่งจ๊อกกิ้ง ก็ได้ การทำแบบนี้ จะทำให้ ไม่เกิดการอั้นของลมหายใจ ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากมายมหาศาล หลายๆคน วิ่งได้เป็น สิบๆ กิโลเมตร แต่พอมาว่ายน้ำแล้ว แค่ระยะ 25 เมตร ก็อาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย
ข้อที่9.ขณะเรียนหรือฝึก จะให้ได้ผล ต้อง ฝึกซ้ำๆ สั้นๆ 4-8 สโตรก ไม่เน้นว่ายยาว 25-50 เมตร เพราะต้องการลบล้าง ท่าว่าย หรืออุปนิสัยเก่าๆ ที่ติดตัวมา เช่น การเกร็ง การเสียบแขนผิด การว่ายแขนเบี้ยว การหมุนตัวมากเกินไป เป็นต้น เพื่อให้สร้างอุปนิสัยใหม่ๆ คือ สมดุล การมีเสถียรภาพ การจัดระเบียบร่างกายให้ เพรียวบางลู่น้ำ (ถ้าจะเปรียบกับการเล่นดนตรีแล้วล่ะก็ คงประมาณว่า เราจะเล่นทีละท่อนของเพลงให้ถูกต้อง ถูกจังหวะเสียก่อน ไม่ใช่เล่นทีเดียวจบเพลง แต่ไม่ตรงกับโน้ต หรือจังหวะ อารมณ์น่าจะประมาณนี้)
10.หน่วยซิล ของสหรัฐ เคยแอบสมัครเข้ามาเรียนว่ายน้ำกับเทอร์รี่ อยู่หลายคน ก่อนที่จะมีการเชิญตัวเขา เข้าไปสอนในโรงเรียนในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็มีการดัดแปลงท่าทางการว่ายน้ำของหน่วยซิลออกไปบ้าง เพื่อให้เหมาะกับการต้องมีสัมภาระและอุปกรณ์ทางทหารขณะอยู่ในทะเล
ข้อที่11.คนที่เรียนว่ายน้ำด้วยเทคนิคนี้ด้วยตัวเอง ที่มีอายุมากที่สุด เป็นหมอที่เกษียณแล้ว อายุ 94 ปี
ทั้ง11 ข้อ ก็คงจะเป็นเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่ได้นำมาแบ่งปันให้กับผู้ที่สนใจเทคนิคการว่ายน้ำดังกล่าว จริงๆ แล้วอาจจะมีมากกว่านี้ ไว้โอกาสหน้าผมค่อยมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ
ปล.ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
จริงๆ แล้วบนความนี้อยู่ใน Blog ของผมถ้าเพื่อนสนใจก็ตามเข้าไปดูได้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้