หากคุณถูกแก๊สรวก(แก๊สระเบิด)ตั้งแต่ต้นขาถึงปลายเท้าแล้ว รพ.แจ้งว่า ทำแผลแล้วกลับบ้านพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ คุณจะทำอย่างไร

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2561 เวลาตี3 กว่าเกือบตีสี่ เราได้รับไลน์เด้งจากพี่สาวว่า พ่อโดนแก๊สรวกพร้อมกับรูปภาพคือ เข่าทั้งสองข้างพุพองเห็นเนื้อแดงและตั้งแต่ต้นขาทั้งขามีรอยไหม้ แม่ได้โทรบอกพี่สาวว่ามาพาพอไปโรงพยาบาลที เพราะถูกแก๊สรวก เรารีบบอกพี่สาวให้รีบพาไป รพ.ให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นทราบว่า มาถึง #รพ.พญาไท3 แล้วอยู่ห้องฉุกเฉิน หมอกำลังดูอาการให้ หมอได้แจ้งว่ามีบัตรประกันไหม ซึ่งพ่อเราทำประกันอุบัติเหตุและมีวงเงินอยู่ 60,000.- แต่ ณ ตอนนั้น รพ.แจ้งว่า ตรวจสอบได้แค่ว่า บัตรยังคงสถานะอยู่แต่เช็คข้อมูลวงเงินไม่ได้ จึงแจ้งกับพี่สาวและพี่ชายเราว่า ให้ทำแผลและกลับบ้านพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ แต่พี่ชายเราประเมินแล้ว ไม่น่าจะกลับบ้านได้จึงแจ้งความประสงค์ว่าเราจะขออยู่เพื่อรอดูอาการ  เจ้าหน้าที่จึงมีเอกสารให้พี่เราเซ็นต์เพื่อยืนยันการยอมรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น นี่คือเรื่องราวที่เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นจากการตัดสินใจเลือก รพ.ที่คิดว่าใกล้ที่สุดและเป็น รพ.ที่นึกออกเป็นอันดับแรกเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินและมีประกัน
หลังจากนั้น พี่เราแจ้งว่า พ่อได้ย้ายมาอยู่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว พอช่วงเวลา 10.00 น. เราได้ไปถึงห้องพัก พี่ชายเราแจ้งว่า คุณหมอแจ้งว่าพรุ่งนี้ต้องเข้าห้องผ่าตัดช่วง 8โมงครึ่ง เราจึงงงว่าต้องมีการผ่าตัดด้วยหรอ เรากับคุณอาซึ่งดูแลเรื่องประกันให้ จึงเดินไปสอบถามพยาบาลที่เคาน์เตอร์ ทางพยาบาลแจ้งกลับว่า ต้องมีการเข้าห้องผ่าตัดเพื่อดูแผลและตัดชิ้นเนื้อที่ไหม้ เราสอบถามค่าใช้จ่าย พยาบาลแจ้งกลับว่าประมาณ 25,000.- เมื่อคำนวนแล้ว ยังอยู่ในวงเงินประกันที่มี (60,000.-) เราจึงกลับมาที่ห้อง ต่อมาพยาบาลที่ห้องผ่าตัดได้ขึ้นมานำเอกสารสำหรับเข้าห้องผ่าตัดให้เซ็นต์และแจ้งค่าใช้จ่ายว่า ประมาณ 50,000-60,000 บาท บวกลบ 20% เราจึงงงว่า ทำไมค่ารักษามันเพิ่มขึ้น เราสอบถามกลับว่า เราจะได้พบคุณหมอก่อนเข้าห้องหรือไม่ พยาบาลแจ้งกลับว่า คุณหมออาจจะขึ้นมาเยี่ยมที่ห้องตอนเช้าหรืออาจจะไปเจอกันที่ห้องผ่าตัดเลยนั่นแปลว่า เราอาจจะไม่ได้พบคุณหมอ เราจึงบอกว่าเราขอยังไม่เซ็นต์เอกสารจนกว่าจะได้คุยกับคุณหมอเพื่อขอทราบแผนการรักษาก่อน พยาบาลที่ห้องผ่าตัดจึงกลับไป และเราติดต่อพยาบาลที่เคาน์เตอร์เพื่อขอพบคุณหมอ จากนั้นพยาบาลได้ต่อสายจนทราบว่า คุณหมอติดตรวจอยู่ถ้าญาติอยากพบ ต้องไปคุยที่ชั้น 1ด้านล่าง โดยพยาบาลจะพาไป ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยง เราสอบถามพยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ว่า ค่าใช้จ่าย ณ ปัจจุบันเกิดขึ้นเท่าใดแล้ว ได้รับแจ้งว่าประมาณ 13,000.- เราสอบถามว่ารวมค่าห้องแล้วรึยัง พยาบาลเช็คให้และบอกว่ารวมแล้ว ค่าห้องจะคิด 1วัน จนถึงวันพรุ่งนี้ก่อนบ่าย 2 ถ้าออกก่อนจะคิด 1วัน (ค่าห้องรวมค่าอาหาร 1วัน ประมาณ 6,800 บาท) หลังจากนั้น เราได้ลงมาพบคุณหมอที่ด้านล่างใจห้องตรวจ เราแจ้งว่า จะขอปรึกษาเรื่องแผนการรักษาเพิ่มเติม คุณหมอแจ้งเราว่า พยาบาลบอกว่า เราแจ้งว่าเรามีงบประมาณ 40,000 บาท ซึ่งการเข้าห้องผ่าตัดมีค่าห้อง 25,000บาท ค่าดมยา 20,000.- ซึ่งไม่พอกับงบประมาณที่เรามี เราได้แจ้งว่า เราอยากทราบงบที่แน่นอนเพื่อเราจะได้วางแผนเงินได้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดทั้งหมด คุณหมอตอบกลับเราว่า ถ้าคุณจะกระเหม็ดกระแหม่ค่าใช้จ่ายขนาดนี้ โรงพยาบาลรัฐคือทางเลือกที่หมอแนะนำ และหมอจะเขียนใบส่งต่อให้ เราได้แต่แจ้งว่า เราต้องวางแผนเงินถ้าหากมีค่าใช้จ่ายใดที่พอจะลดทอนหรือเป็นทางเลือก เราจะได้ให้หมอช่วยพิจารณาตรงนั้น จากนั้นเราก็เดินกลับมาที่ห้อง
นี่คือ 2เรื่องแรกที่เราถูกกระทำจากโรงพยาบาลเอกชนที่ใช้ แฮชแทกว่า #โรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดในย่านฝั่งธน
เรื่องแรกคือ ให้เรากลับบ้านเพราะคงไม่มั่นใจว่ามีเงินจ่ายไหม
เรื่องที่สอง หมอแสดงคำพูดดูถูก โดยใช้คำว่า เรากระเหม็ดกระแหม่เงินค่ารักษา ทั้งที่เราต้องวางแผนงบประมาณให้ครอบคลุมเงินที่เรามีจนกว่าพ่อเราจะหาย
ยังมีดราม่าอีก 2เรื่องที่ยังไม่จบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้รู้ว่า โรงพยาบาลเอกชนเป็นธุรกิจที่เป็นพาณิชย์จริงๆ เราอยากทราบความคิดเห็นของเพื่อนๆในพันทิพย์ว่า คิดเห็นอย่างไรบ้าง
เราจะได้เล่าต่อให้จบ เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเป็นข้อคิดให้เพื่อนๆ
หมายเหตุ : ความรุนแรงในใบส่งตัว พ่อเราแผลรุนแรงระดับ 2ค่อนไปทาง 3 แผลไฟไหม้มี 3ระดับ แผลเบิร์นรุนแรง 22%
...มาเล่าต่อค่ะ
จากที่บางท่านบอกว่า รพ.เอกชน ต้องรู้อยู่แล้วว่าแพง เราทราบค่ะว่าแพง แต่ไม่คิดว่าแพงจนขนาดนี้ ปกติเป็น รพ.ที่เลือกมาเวลาฉุกเฉิน แต่มันผิดพลาดไปแล้วที่มาตั้งแต่ต้นเพราะ ณ ตอนนั้นไม่คิดว่าแผลจะรุนแรงและค่ารักษาของประกันไม่ครอบคลุม
หลังจากที่เรากลับมาที่ห้องพักผู้ป่วยและพยาบาลแจ้งว่าคุณหมอเขียนใบส่งตัวแล้ว และคุณหมอแจ้งว่าให้ผู้ป่วยไปรถส่วนตัวเองได้เลย แต่สิ่งที่เรากังวลกันคือ กลัวแผลจะติดเชื้อหรือไม่ และแผลที่ขาเริ่มพองและมีเป็นน้ำเยิ้มออกมา และเราถูกคิดเงินค่าห้องไปแล้วเพราะเรามาตอนตี 5  พยาบาลที่เคาน์เตอร์แนะนำเราว่า ญาติสามารถนำใบนี้ไปยื่นเรื่องเองที่ รพ.ตากสิน ก่อนได้ เวลานั้น 3โมงกว่าแล้ว เรารีบขับรถไปทันที และในเวลานั้นฝนก็ตก เรายื่นเรื่องที่ห้อง refer ด้านล่าง พยาบาลก็ถามว่าต้องการเก็บเอกสารไว้ไหม ถ้าต้องการให้ถ่ายเอกสารมายื่น เหลือเวลาอีก 10นาที 4โมง ห้องนั้นจะปิด เราต้องวิ่งฝ่าฝนไปถ่ายเอกสารกลับมาทัน สี่โมงตรง ยื่นเอกสาร พยาบาลกำลังจะสพายกระเป๋ากลับบ้าน เราสอบถามเพิ่มว่า เราต้องทำอย่างไรต่อ พยาบาลแจ้งว่า รอกระบวนการเช็คห้องและแจ้งยืนยันเรื่องเตียงผู้ป่วย case refer กระบวนการจะช้ากว่า ผู้ป่วยมาที่ฉุกเฉินเป็นผู้ป่วยนอก จากนั้นเราขับรถกลับโรงพยาบาลและเฝ้าพ่อในคืนนั้น เราได้ทำการส่งข้อความไปที่ messenger ของ รพ. เพื่อร้องเรียนการบริการของ รพ. มี จนท.ติดต่อกลับว่า จะรีบแจ้งทางหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ (เนื่องจากเป็นระบบกลางของพญาไท) และเราแจ้งร้องเรียนขอเปลี่ยนคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำเรื่องแผนการรักษาเพิ่มเติม พยาบาลแจ้งว่าเป็นสิทธิของญาติหรือคนไข้ที่จะเปลี่ยนหมอได้ และแนะนำเป็นคุณหมออีกท่านและคุณหมอยินดีที่จะมาพบถ้าคนไข้ร้องขอ (เรารู้สึกไม่ดีกับคำพูดของคุณหมอท่านเดิมไปแล้ว เนื่องจากคุณหมอแจ้งว่ายังไม่เห็นแผลคนไข้ และจะเปิดแผลดูแผลในห้องผ่าตัดเท่านั้น และทราบจากคุณหมอที่ห้องฉุกเฉินว่าแผลลึกระดับ 2-3 คือหมอจะเปิดและดูแผลได้ในห้องผ่าตัดเท่านั้น แต่เมื่อคืนพยาบาลพันแผลทั้งหมดให้พ่อเราใหม่ในห้องพักผู้ป่วย ซึ่งพยาบาลเปิดแผลได้ ไม่กลัวแผลติดเชื้อแต่หมอดูไม่ได้ ต้องทำในห้องผ่าตัดเท่านั้น) ในคืนนั้นเราให้พ่อเราอดน้ำอดอาหารเผื่อว่า ถ้าปรึกษาหมอแล้วและค่าใช้จ่ายเราพอสู้ไหว เราจะให้พ่อรักษาที่นี่และจะได้สามารถเข้าห้องผ่าตัดได้เลย
...ในตอนเช้า เราติดตามเรื่องจากพยาบาลต่อว่าคุณหมอจะมาเยี่ยมกี่โมง พยาบาลก็แจ้งว่า หมอออกตรวจอยู่เดี๋ยวอาจจะแวะมา แต่เราอยากทราบเพราะร้อนใจ เนื่องจากพ่อเราอดอาหาร อดน้ำรออยู่ ประมาณแปดโมงกว่า คุณหมออีกท่านก็มาพบและคุณหมอก็ไม่เปิดแผลดูเช่นเคยเพราะแผลพึ่งทำไปและจะเปิดดูในห้องผ่าตัดเท่านั้น เราปรึกษาคุณหมอขอคำแนะนำเรื่องแผนการรักษา คุณหมอบอกไม่เห็นแผลจึงบอกไม่ได้อ่านได้แค่ความเห็นที่หมอท่านก่อนเขียน เราจึงเอารูปแผลที่เราถ่ายไว้ตอนพยาบาลทำแผลเมื่อคืนให้หมอดู หมอแจ้งว่าเท่าที่ดูจากขาที่โดนแก๊สในตอนแรกมีสีขาว แต่เมื่อคืนจากในรูปมีการเปลี่ยนสีเป็นสีดำ และเผาไหม้ค่อนข้างรุนแรง อาจจะถึงระดับ 3 การเบิร์นที่ 22% คือเทียบจากร่างกายทั้งหมดถ้าเฉพาะส่วนขา คิดเทียบเป็น 22% (ตั้งแต่ 20% ขึ้นไปถือว่าฉุกเฉิน) การจะดูความลึกของแผลต้องไปดูในห้องปลอดเชื้อและต้องดมยาเพราะคนไข้จะเจ็บปวดมาก และถ้าแผลลึกจะต้องตัดชิ้นเนื้อส่วนที่เสีนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดและหากส่วนใดลึกต้องเอาเนื้อส่วนอื่นๆ มาปะ นั่นแปลว่าจะต้องเข้าห้องผ่าตัดอย่างน้อย 3-4 ครั้ง ซึ่งเราก็ได้คำตอบของงบประมาณค่าใช้จ่ายแล้ว คุณหมอท่านนี้น่ารักมากแกบอกว่าจะให้ จนท.ประสานงานกับ รพ.ตากสินและรพ.อื่นๆ เช่น ศิริราช หรือทุก รพ.ที่มีเตียงว่างและมีเครื่องมือที่จะรักษาได้ให้ หลังจากนั้นเราสอบถามพยาบาลเรื่องการได้รับแจ้งของ รพ.ตากสิน ซึ่งนางพยาบางบอกว่ายังไม่มีการติดต่อกลับมาเลย ขณะเดียวกันเราพยายามหาคนรู้จักที่ รพ.ศิริราชเพื่อปรึกษาว่าสามารถโอนย้ายได้หรือไม่ แต่ทางพี่ที่รู้จักและช่วยประสานงานแจ้งว่า  ต้องให้ รพ.ที่มีสิทธิตรงยอมโอนผู้ป่วยต่อให้ เราจึงโทรหา จนท.รพ.ตากสินเอง และคนรับเรื่องจำเราได้และแจ้งว่าเคสพ่อเรา คุณหมอรับเป็นคนไข้แล้วแต่ยังไม่มีเตียงต้องรอหรืออีกทางนึง เราต้องพาคนป่วยมาที่ฉุกเฉินทำตามขั้นตอน OPD เลยอาจจะไวกว่า ถ้าเคสพ่อเราเป็นเหตุฉุกเฉินหรือตึกอื่นที่มีเตียงว่าง ทางรพ.อาจจะฝากไว้ได้ แต่ถ้ารอการ refer จะต้องรอเตียงที่ตึกศัลยกรรมชายที่เดียว เราถามว่าถ้าไปถึงไม่มีเตียงจริงๆ เราต้องพาคนป่วยกลับบ้านหรือ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่ต้องแต่ผู้ป่วยต้องรอที่ห้องสังเกตุอาการ ชั้น 1 จนกว่าจะมีเตียง ซึ่งเรามองว่า เรารออยู่ที่เดิมน่าจะดีกว่า ในขณะที่ทาง รพ.พ3 ไม่มีคำตอบให้เราเลย และยังแจ้งอีกว่า ติดต่อ ศิริราชให้แล้ว คชจ.แพงมาก คิดที่ 20,000.- ต่อ1% การเบิร์น แล้วพ่อเราเบิร์น 22% เราคงต้องกดเครื่องคิดเลขเอง

...ในช่วงเช้าระหว่างรอ มีเจ้าหน้าที่ของ รพ.พญาไท3 โทรมาติดต่อแสดงความขอโทษกับเรื่องที่เราถูกให้กลับบ้านทั้งที่อาการหนักและถูกคุณหมอเหน็บแนม โดยกล่าวแสดงความขอโทษพร้อมกับส่วนลด 20% เราบอกชีวิตคนคุณจะมาแสดงความขอโทษด้วยส่วนลด 20% ได้หรือ นางก็บอกยังไงก็ต้องขอโทษ หลังจากนั้นระหว่างที่ต้องรอ เราจึงกลับบ้านไปทำธุะ ก่อนไปเราแจ้งพยาบาลที่เคาน์เตอร์ว่า เราจะรอทางตากสินถ้าติดต่อมาก่อนบ่าย 3 เราอาจจะขอแจ้งออก การเคลมประกันใช้เวลาไหมเราต้องแจ้งล่วงหน้าไหม นางบอกไม่ต้อง เราเลยบอกให้เตรียมเอกสารข้อมูลผู้ป่วยอีกชุดเผื่อเราจะใช้กรณีที่ไปรอเอง แต่เรายังไม่ขอออกนะจนกว่าเราจะได้เตียง หลังจากนั้นพอเรากลับถึงบ้าน พี่สาวบอกว่า รพ.แจ้งเรื่องสรุปการเคลมประกันและปลดสายน้ำเกลือพ่อออกแล้ว พอเกือบบ่ายแจ้งให้พี่สาวเราไปเซ็นต์เอกสารที่จะเคลมประกัน เราบอกพี่สาวไม่ต้องเซ็นต์เพราะเรายังไม่ออก หลังจากนั้นเราโทรหา จนท.แผนกควบคุมคุณภาพท่านที่ให้ส่วนลดว่า รพ.ไม่ติดตามเรื่องเตียงให้เรา ไม่มีการแจ้ง update เราต้องเป็นฝ่ายตามทุกเรื่องตลอดจาก รพ. ทำไมถึงบริการแบบนี้ และนี่ช่วยแนะนำหน่อยว่า เราต้องรอ รอ รอได้อย่างเดียวใช่ไหม รพ.จะไม่แนะนำใดๆเลยหรือระหว่างที่เรายังรอคอยอีก รพ.อยู่ เจ้าหน้าที่ท่านนั้นจึงแจ้งว่าจะประสานงานคุณหมอให้ จากนั้นนางก็โทรแจ้งที่ห้องกับพี่สาวเราว่าให้ลงไปคุยกับหมอข้างล่างที่ชั้น 1 เพื่อสอบถามเพิ่ม พี่สาวโทรหาเรา เราว่า เราจะคุยเอง พยาบาลแจ้งพี่สาวว่า คุณหมอจะอยู่ถึง สี่โมงครึ่ง เราเลยบอกว่าถ้าเราไปไม่ทัน หมอจะให้เราไปพบที่ไหนก็แจ้งมาแล้วกัน หลังจากนั้นเรายังไปไม่ถึง รพ. เจ้าหน้าที่ต่อสายให้เราคุยกับหมอ เราเลยปรึกษาหมอเพิ่มเติมว่า อาการพ่อเราเสี่ยงแค่ไหนถ้าจะเคลื่อนย้าย ถ้าหมอบอกไม่เสี่ยงช่วยออกเอกสารรับรองให้หน่อย คุณหมอแจ้งว่า ไม่สามารถออกเอกสารใดๆ ได้ทั้งนั้นนอกจากเอกสาร refer ย้ายโรงพยาบาลแต่หมอรับรองว่า เคลื่อนย้ายได้ เราเลยถามว่าอาการพ่อเราต้องรีบรักษาไหม หมอแจ้งว่าควรได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาภายใน 7วัน เราเลยบอกว่า เราจะรอเตียงที่นี่ หมอก็แจ้งว่า เราไม่ควรรอ เพราะแผลเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ถ้าติดเชื้อในกระแสเลือดนั่นหมายถึงชีวิต ภายใน 7วันต้องรีบรักษาขึ้นกับสภาพร่างกายคนไข้ จะ drop เมื่อไรไม่มีใครบอกได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่