สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่น ขอออกตัวไว้ก่อนว่า การตั้งกระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาอะไรนอกจากอยากระบายความรู้สึก ความอึดอัดของตัวเอง จขกท เป็นสาวโสดอายุเฉียดเลข 5 แล้วค่ะ เป็นลูกคนเดียว ต้นทุนที่เป็นทรัพย์สมบัติไม่มี ที่หามาได้เองก็ไม่มี (คือพูดง่าย ๆ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย) มีแม่อายุ 84 ปี แม่มีโรคประจำตัวหลายโรค อาการแย่สุด ณ ตอนนี้คือการทำงานของไตเหลือแค่ 5% รักษาโดยกินยาประคับประคอง หลายคนคงสงสัยว่าทำไมไม่ฟอกไต ตามคำแนะนำของหมอ หรือตามที่ควรทำ เหตุผลมีหลายอย่างค่ะ เล่าเลยนะคะ ยาวไป ใครเบื่อก็ขออภัย ขอโทษไว้ล่วงหน้าค่ะ
1. ก่อนหน้านี้แม่อาศัยกับญาติอีกจังหวัดหนึ่ง เราทำงานอีกที่หนึ่ง ไปหาเวลาแม่หาหมอแต่ละเดือน ต้องลางานไป แม่เข้า รพ. ก็ไปเฝ้า ลางานจนวันลาหมด เป็นแบบนี้มาหลายปี แม่เข้า รพ. ปีละ 2-3 รอบด้วยโรคประจำตัวที่มี จนมาถึงจุด ๆ หนึ่ง (เราจ่ายค่าดูแลแม่เดือนละ 9000 บาท ค่ารถไปหาหมอต่างหาก ช่วยค่าใช้จ่ายอื่นบ้าง ถ้าเขาขอ หรือเราพอจะให้ได้ อันนี้ขอผ่านนะคะ) เงิน 9000 บาทกับชีวิตในอำเภอต่างจังหวัด เหมือนจะเลี้ยงคนทั้งบ้าน เพราะเขาแทบจะไม่มีรายได้อื่น แลกกับแม่กินอยู่ตามอัตภาพ ห้องนอนไม่ได้ทำความสะอาด เวลาไปหาแม่แต่ละที เหมือนอยากจะกรื๊ดกับสภาพห้อง (น้อง ๆ กองขยะ - อันนี้ก็เงียบ พูดไม่ได้ ต้องทำไป ซึ่งไม้กวาดเอย ไม้ถูพื้นเอย ของแม่ที่เคยมี หายหมด) นี่คือสาเหตุหลักเลยที่แม่จะล้างไตได้อย่างไร ใครจะทำให้ ใครจะพาไป เอาเงินที่ไหนไป
2. จุด ๆ นั้นที่ว่า คือเขาปล่อยแม่เรานอนในห้องคนเดียว เกิดอาการน้ำตาลต่ำ เกือบช๊อค หมดสติ ประมาณ 5 ทุ่ม โชคยังดีมีคนได้ยิน เราได้รับโทรศัพท์กลางดึกว่าแม่ไม่รู้เป็นอะไร ตัวแข็ง พูดไม่ได้ จะรีบส่ง รพ. เราบอกให้ทำเลย คุยกันหลายรอบ โทรไปโทรมา เราอยู่คนเดียวทำอะไรไม่ถูก จะไปก็ไม่มีรถแล้ว จะเหมารถก็เรียกซะเกือบหมดตัว จนแม่ถึงมือหมอ ตอนตี 1 ถึงรู้ว่าน้ำตาลต่ำ เริ่มดีขึ้น
3. อีกสาเหตุคือ เงินเราแต่ละเดือนแทบไม่พอใช้ เกินครึ่งคือหมดไปกับเงินค่าจ้าง + ค่าเดินทางตามที่บอก เราตัดสินใจหาบ้านเช่าเพื่อจะพาแม่มาอยู่ด้วยกัน ปัญหาของเราคือ ขับรถไม่เป็นเลย ทุกชนิด โจทย์คือหาบ้านใกล้ที่ทำงาน (ในเมืองที่ค่าครองชีพสูงมาก) เดินไปมาได้สะดวก โชคดีได้บ้านเก่า ๆ ที่ตอบโจทย์ใกล้ที่ทำงานได้ เป็นบ้านเก่าที่เจ้าของไม่บำรุงหรือปรับปรุงอะไร อยู่ได้ก็อยู่ประมาณนั้น เราลงทุนทำห้องน้ำบางส่วนให้แม่นั่งส้วมได้ แต่ต้องปืนสูงหน่อย คชจ ตรงนั้นหมดไป + กับค่าของเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องซื้อเพื่อแม่ เช่นเตียง (แม่นอนพื้นไม่ได้แล้ว) แม่มาอยู่กับเรา ย้ายทะเบียนบ้าน ย้ายสิทธิ์ต่าง ๆ มาหมด เริ่มต้นรักษาใหม่กับค่าไตตอนนั้น 10%
4. เราพาแม่หาหมอโดยจ้างรถในซอยไป-กลับ 300 บาท ไปส่งแล้วพอเสร็จก็โทรให้รับกลับ บางทีก็อาศัยน้องที่ทำงานได้ครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่คือจ้าง แม่อยู่กับเราปีกว่า เราไปเจอบ้านอีกหลังในซอยเดียวกัน แต่เดินไกลกว่าเดิม ราคาสูงกว่าเดิม แลกกับบ้านใหม่กว่า ห้องน้ำสะดวกกว่า เงียบกว่าเดิม เพราะเป็นทางผ่าน ไม่ใช่ซอยที่มีบ้านเช่าติด ๆ กัน เราตัดสินใจเช่าบ้านหลังนี้ หลังจากที่กลับจากหาหมอวันที่ไตแม่เหลือ 5% เพราะหมอพูดเป็นทำนองว่าแม่อาการแย่หลง เหนื่อยขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ล้างหรือฟอกไต หมอจะรักษาได้ไง (คำพูดของหมอนะคะ) เราคุยกับ จนท ห้องไต น้องพยาบาลบอกว่า การล้างไตหน้าท้องไม่ยุ่งยากและเสีย คชจ เท่าฟอกไต (เราคงไม่มีความสามารถพาแม่ไปฟอกไตได้) ถ้าเราตัดสินใจก็แจ้งหมอเมื่อถึงวันนัดรอบหน้า เดือน กย. เราคิดว่าการตัดสินใจรอบนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีขึ้น หมอคงคุยกับเราดีกว่าเดิม (บอกตรง ๆ คือไม่ชอบการพูด การใช้คำพูดของหมอคนนี้ แต่แกคือหมอไตที่รักษาแม่เรา) หมอโทษเราเหมือนเราอยู่ยังไง
5. แม่เรามีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ตามประสา แต่ไม่น่าจะถึงขั้นอัลไซเมอร์ บางทีแกก็รู้เรื่อง แต่ช่วงหลังพูดอะไรไปเหมือนแกไม่รับรู้ ฟังแต่รู้เรื่องหรือเปล่าไม่รู้ ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ถ้าเราอยู่ แกจะถอดเสื้อผ้าไม่ได้ ใส่ไม่ได้ ล้างก้นไม่ได้
นิสัยปกติของเราคือชอบอยู่คนเดียว ไม่พูดไม่ระบายให้ใครฟังเรื่องส่วนตัว (จริง ๆ แล้วคือไม่มีใครคนนั้น แม้แต่เพื่อนสนิทที่จะเล่าทั้งหมดได้ ไม่มีเลย) เราค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง แม่มาอยู่กับเรา เราแทบไม่ได้ไปไหน ตอนเที่ยงเดินไปดูแม่ หาข้าว หายาให้กิน เลิกงานรีบกลับ นาน ๆ เพื่อนจะชวนไปซื้อของตลาดนัดใกล้ ๆ ไปแบบรีบกลับ วันหยุดก็ไปซื้อของบ้าง ไปได้ไม่ไกล ไปได้ไม่นาน ชีวิตวนเวียนแบบนี้ ความสุขส่วนตัวตัดทิ้ง ตอนนี้ชีวิตทั้งหมดคือแม่
ความรู้สึกของเรา ณ ตอนนี้ เหมือนยืนอยู่บนที่สูง เหมือนเดินเข้าป่า เหมือนเดินกลางถนนที่รถเยอะ เหมือนเดินในที่มืด โดดเดี่ยวถึงที่สุด ไม่มีเพื่อนคู่คิด ไม่มีที่ปรึกษาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่พอจะพึ่งพาได้ ไม่มีใครซัพพอร์ตในเรื่องใด ๆ แม่เราย้ายมา เหมือนตัดขาดญาติทั้งหมด (ปกติก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ เพราะเราไม่มีเงิน ไม่มีสมบัติใด ๆ เลย) เวลาแม่ซึม เงียบ เรามีอาการหนาวข้างใน คือทั้งเหงา ทั้งว้าเหว่ ทั้งโดดเดี่ยว แม่ยังอยู่ แต่เรารู้สึกเหมือนตัวคนเดียว บางอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร ทุกอย่างของแม่คือการตัดสินใจของเรา
หลายครั้งที่เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ (ไม่ใช่อยากคิดสั้น แต่อยากหายไปที่ไหนไกล ๆ) แต่นึกถึงว่าแม่ยังอยู่ เราเป็นอะไรไม่ได้ เหนื่อย ท้อทุกวัน กลางคืนก็นอนไม่เต็มที่ พยายามที่จะต่อสู้จนกว่าจะถึงวันนั้น ซึ่งถ้ามาถึงเรายังไม่รู้ว่า เราจะเป็นอย่างไร
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อระบายความอัดอั้น ความเครียดนะคะ ไม่มีเจตนาอื่น เราพยายามทำเพื่อแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ บอกตัวเองว่ายังไงก็ต้องสู้ต่อไปค่ะ
ความรู้สึกของลูกคนเดียวที่ดูแลแม่
ก่อนอื่น ขอออกตัวไว้ก่อนว่า การตั้งกระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาอะไรนอกจากอยากระบายความรู้สึก ความอึดอัดของตัวเอง จขกท เป็นสาวโสดอายุเฉียดเลข 5 แล้วค่ะ เป็นลูกคนเดียว ต้นทุนที่เป็นทรัพย์สมบัติไม่มี ที่หามาได้เองก็ไม่มี (คือพูดง่าย ๆ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย) มีแม่อายุ 84 ปี แม่มีโรคประจำตัวหลายโรค อาการแย่สุด ณ ตอนนี้คือการทำงานของไตเหลือแค่ 5% รักษาโดยกินยาประคับประคอง หลายคนคงสงสัยว่าทำไมไม่ฟอกไต ตามคำแนะนำของหมอ หรือตามที่ควรทำ เหตุผลมีหลายอย่างค่ะ เล่าเลยนะคะ ยาวไป ใครเบื่อก็ขออภัย ขอโทษไว้ล่วงหน้าค่ะ
1. ก่อนหน้านี้แม่อาศัยกับญาติอีกจังหวัดหนึ่ง เราทำงานอีกที่หนึ่ง ไปหาเวลาแม่หาหมอแต่ละเดือน ต้องลางานไป แม่เข้า รพ. ก็ไปเฝ้า ลางานจนวันลาหมด เป็นแบบนี้มาหลายปี แม่เข้า รพ. ปีละ 2-3 รอบด้วยโรคประจำตัวที่มี จนมาถึงจุด ๆ หนึ่ง (เราจ่ายค่าดูแลแม่เดือนละ 9000 บาท ค่ารถไปหาหมอต่างหาก ช่วยค่าใช้จ่ายอื่นบ้าง ถ้าเขาขอ หรือเราพอจะให้ได้ อันนี้ขอผ่านนะคะ) เงิน 9000 บาทกับชีวิตในอำเภอต่างจังหวัด เหมือนจะเลี้ยงคนทั้งบ้าน เพราะเขาแทบจะไม่มีรายได้อื่น แลกกับแม่กินอยู่ตามอัตภาพ ห้องนอนไม่ได้ทำความสะอาด เวลาไปหาแม่แต่ละที เหมือนอยากจะกรื๊ดกับสภาพห้อง (น้อง ๆ กองขยะ - อันนี้ก็เงียบ พูดไม่ได้ ต้องทำไป ซึ่งไม้กวาดเอย ไม้ถูพื้นเอย ของแม่ที่เคยมี หายหมด) นี่คือสาเหตุหลักเลยที่แม่จะล้างไตได้อย่างไร ใครจะทำให้ ใครจะพาไป เอาเงินที่ไหนไป
2. จุด ๆ นั้นที่ว่า คือเขาปล่อยแม่เรานอนในห้องคนเดียว เกิดอาการน้ำตาลต่ำ เกือบช๊อค หมดสติ ประมาณ 5 ทุ่ม โชคยังดีมีคนได้ยิน เราได้รับโทรศัพท์กลางดึกว่าแม่ไม่รู้เป็นอะไร ตัวแข็ง พูดไม่ได้ จะรีบส่ง รพ. เราบอกให้ทำเลย คุยกันหลายรอบ โทรไปโทรมา เราอยู่คนเดียวทำอะไรไม่ถูก จะไปก็ไม่มีรถแล้ว จะเหมารถก็เรียกซะเกือบหมดตัว จนแม่ถึงมือหมอ ตอนตี 1 ถึงรู้ว่าน้ำตาลต่ำ เริ่มดีขึ้น
3. อีกสาเหตุคือ เงินเราแต่ละเดือนแทบไม่พอใช้ เกินครึ่งคือหมดไปกับเงินค่าจ้าง + ค่าเดินทางตามที่บอก เราตัดสินใจหาบ้านเช่าเพื่อจะพาแม่มาอยู่ด้วยกัน ปัญหาของเราคือ ขับรถไม่เป็นเลย ทุกชนิด โจทย์คือหาบ้านใกล้ที่ทำงาน (ในเมืองที่ค่าครองชีพสูงมาก) เดินไปมาได้สะดวก โชคดีได้บ้านเก่า ๆ ที่ตอบโจทย์ใกล้ที่ทำงานได้ เป็นบ้านเก่าที่เจ้าของไม่บำรุงหรือปรับปรุงอะไร อยู่ได้ก็อยู่ประมาณนั้น เราลงทุนทำห้องน้ำบางส่วนให้แม่นั่งส้วมได้ แต่ต้องปืนสูงหน่อย คชจ ตรงนั้นหมดไป + กับค่าของเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องซื้อเพื่อแม่ เช่นเตียง (แม่นอนพื้นไม่ได้แล้ว) แม่มาอยู่กับเรา ย้ายทะเบียนบ้าน ย้ายสิทธิ์ต่าง ๆ มาหมด เริ่มต้นรักษาใหม่กับค่าไตตอนนั้น 10%
4. เราพาแม่หาหมอโดยจ้างรถในซอยไป-กลับ 300 บาท ไปส่งแล้วพอเสร็จก็โทรให้รับกลับ บางทีก็อาศัยน้องที่ทำงานได้ครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่คือจ้าง แม่อยู่กับเราปีกว่า เราไปเจอบ้านอีกหลังในซอยเดียวกัน แต่เดินไกลกว่าเดิม ราคาสูงกว่าเดิม แลกกับบ้านใหม่กว่า ห้องน้ำสะดวกกว่า เงียบกว่าเดิม เพราะเป็นทางผ่าน ไม่ใช่ซอยที่มีบ้านเช่าติด ๆ กัน เราตัดสินใจเช่าบ้านหลังนี้ หลังจากที่กลับจากหาหมอวันที่ไตแม่เหลือ 5% เพราะหมอพูดเป็นทำนองว่าแม่อาการแย่หลง เหนื่อยขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ล้างหรือฟอกไต หมอจะรักษาได้ไง (คำพูดของหมอนะคะ) เราคุยกับ จนท ห้องไต น้องพยาบาลบอกว่า การล้างไตหน้าท้องไม่ยุ่งยากและเสีย คชจ เท่าฟอกไต (เราคงไม่มีความสามารถพาแม่ไปฟอกไตได้) ถ้าเราตัดสินใจก็แจ้งหมอเมื่อถึงวันนัดรอบหน้า เดือน กย. เราคิดว่าการตัดสินใจรอบนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีขึ้น หมอคงคุยกับเราดีกว่าเดิม (บอกตรง ๆ คือไม่ชอบการพูด การใช้คำพูดของหมอคนนี้ แต่แกคือหมอไตที่รักษาแม่เรา) หมอโทษเราเหมือนเราอยู่ยังไง
5. แม่เรามีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ตามประสา แต่ไม่น่าจะถึงขั้นอัลไซเมอร์ บางทีแกก็รู้เรื่อง แต่ช่วงหลังพูดอะไรไปเหมือนแกไม่รับรู้ ฟังแต่รู้เรื่องหรือเปล่าไม่รู้ ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ถ้าเราอยู่ แกจะถอดเสื้อผ้าไม่ได้ ใส่ไม่ได้ ล้างก้นไม่ได้
นิสัยปกติของเราคือชอบอยู่คนเดียว ไม่พูดไม่ระบายให้ใครฟังเรื่องส่วนตัว (จริง ๆ แล้วคือไม่มีใครคนนั้น แม้แต่เพื่อนสนิทที่จะเล่าทั้งหมดได้ ไม่มีเลย) เราค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง แม่มาอยู่กับเรา เราแทบไม่ได้ไปไหน ตอนเที่ยงเดินไปดูแม่ หาข้าว หายาให้กิน เลิกงานรีบกลับ นาน ๆ เพื่อนจะชวนไปซื้อของตลาดนัดใกล้ ๆ ไปแบบรีบกลับ วันหยุดก็ไปซื้อของบ้าง ไปได้ไม่ไกล ไปได้ไม่นาน ชีวิตวนเวียนแบบนี้ ความสุขส่วนตัวตัดทิ้ง ตอนนี้ชีวิตทั้งหมดคือแม่
ความรู้สึกของเรา ณ ตอนนี้ เหมือนยืนอยู่บนที่สูง เหมือนเดินเข้าป่า เหมือนเดินกลางถนนที่รถเยอะ เหมือนเดินในที่มืด โดดเดี่ยวถึงที่สุด ไม่มีเพื่อนคู่คิด ไม่มีที่ปรึกษาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่พอจะพึ่งพาได้ ไม่มีใครซัพพอร์ตในเรื่องใด ๆ แม่เราย้ายมา เหมือนตัดขาดญาติทั้งหมด (ปกติก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ เพราะเราไม่มีเงิน ไม่มีสมบัติใด ๆ เลย) เวลาแม่ซึม เงียบ เรามีอาการหนาวข้างใน คือทั้งเหงา ทั้งว้าเหว่ ทั้งโดดเดี่ยว แม่ยังอยู่ แต่เรารู้สึกเหมือนตัวคนเดียว บางอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร ทุกอย่างของแม่คือการตัดสินใจของเรา
หลายครั้งที่เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ (ไม่ใช่อยากคิดสั้น แต่อยากหายไปที่ไหนไกล ๆ) แต่นึกถึงว่าแม่ยังอยู่ เราเป็นอะไรไม่ได้ เหนื่อย ท้อทุกวัน กลางคืนก็นอนไม่เต็มที่ พยายามที่จะต่อสู้จนกว่าจะถึงวันนั้น ซึ่งถ้ามาถึงเรายังไม่รู้ว่า เราจะเป็นอย่างไร
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อระบายความอัดอั้น ความเครียดนะคะ ไม่มีเจตนาอื่น เราพยายามทำเพื่อแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ บอกตัวเองว่ายังไงก็ต้องสู้ต่อไปค่ะ