ต่อเนื่องจากกระทู้ที่หนึ่งซึ่งพูดถึงภาพรวมๆของโปรเจคการรื้อถอนกลุ่มแท่นขุดเจาะและผลิตน้ำมัน Brent
https://pantip.com/topic/37906557
และกระทู้ที่สองซึ่งเจาะลงรายละเอียดของเรือ Pioneering Spirit ซึ่งเป็นเรือที่ทำการรื้อถอนส่วนบน (topside) ของแท่น Brent Delta
https://pantip.com/topic/37923056
กระทู้นี้ผมจะขอเขียนถึงเรื่องของคนทำงานบนแท่นผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ หรือเรียกกันว่าคนทำงานออฟชอร์ (offshore - แปลว่าทำงานนอกชายฝั่ง หรือกลางทะเลนั่นเอง) และอธิบายคร่าวๆถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาทของคนออฟชอร์ เมื่อแท่นหยุดทำการผลิตน้ำมันและเข้าสู่กระบวนการรื้อถอน (decommissioning)
งานของจขกท
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้ทำงานประจำออฟชอร์ งานที่ผมทำในโปรเจคนั้นคือตำแหน่งวิศวกรโครงการ (project engineer) รับผิดชอบงานส่วนหนึ่งของด้านการเตรียมแท่นให้พร้อมต่อการรื้อถอน โดยผมทำงานให้กับบริษัทที่เป็นเจ้าของแท่น และทำงานอยู่ในโปรเจคนี้ประมาณสามปีหน่อยๆครับ ในตำแหน่งงานนี้ ผมออกไปทำงานที่แท่นบ้างเป็นครั้งคราว และก็มีบางช่วงที่ออกไปทีละหลายสัปดาห์บ้าง แต่ที่ทำงานปกติคือในออฟฟิศครับ
ในโปรเจคใหญ่ๆแบบ Brent Decommissioning ก็จะมีวิศวกรโครงการหลายคน แต่ละคนก็จะมีหน้าที่ ความรับผิดชอบดูแลส่วนงานต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมของแต่ละคนว่าใครเหมาะสมที่จะดูแลงานส่วนไหน
ก่อนหน้าที่ผมเข้ามาทำงานในโปรเจคนี้ คือผมเคยเป็นวิศวกรกระบวนการ (process engineer) โดยผมเคยทำงานดูกระบวนการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของแท่น Brent หลายๆแท่น รวมไปถึงทำงานด้านการออกแบบทางวิศวกรรม ทำให้ผมพอเข้าใจความเชื่อมโยงตั้งแต่การที่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ขึ้นมาจากหลุมผลิต เข้าสู่ส่วนกระบวนการต่างๆบนแท่น จนไปถึงการส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแท่นผลิตลงสู่ท่อไปยังโรงแยกก๊าซและโรงเก็บน้ำมันบนบก ซึ่งปรากฏว่าความเข้าใจในส่วนนี้มีประโยชน์มากเวลาวางแผนการรื้อถอนกลุ่มแท่นผลิตที่ซับซ้อน ที่มีกระบวนการและโครงสร้างที่มีความเชื่อมโยงกัน
ตอนนี้ผมย้ายไปทำงานโปรเจคใหม่แล้ว แต่ก็ยังคงติดตามความเป็นไปของงานด้านการรื้อถอนแท่นอยู่ครับ
ชีวิตคนออฟชอร์โดยทั่วไป
ในมุมมองของผม แท่นผลิตน้ำมันกลางทะเลที่มีคนทำงานประจำนั้น ก็เหมือนกับเมืองๆนึง โดยมีทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน ห้องอาหาร ร้านขายของ ห้องพยาบาล ห้องยิม ห้องสันทนาการ ห้องเล่นดนตรี และอื่นๆ
คนในเมืองนี้ก็มีการเดินทางเข้าออกโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ บางทีก็มีคนข้างนอกเข้ามาทำงานชั่วคราวสั้นๆบ้าง ถ้าในประเทศแถบที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิอุ่นหน่อย (tropical weather) ก็อาจจะมีการเดินทางทางเรือไปที่แท่นบ้าง
ส่วนในทะเลเหนือที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิต่ำนี่บินอย่างเดียวครับ เพื่อเลี่ยงอันตรายจากกรณีคนตกลงไปในทะเลที่น้ำเย็นระหว่างการถ่ายเทคนทางเรือ โดยการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ในทะเลเหนือ (และทะเลที่น้ำเย็นทั่วๆไป) ก็จะมีชุดยังชีพที่ต้องใส่เพื่อช่วยลดการสูญเสียความร้อนจากร่างกายหากโชคร้ายมีเหตุต้องลงไปในทะเลครับ
ภาพตัวอย่างคนออฟชอร์เตรียมขึ้นฮ. ใส่ชุดยังชีพ (survival suit)
ถ้าอยากดูคร่าวๆว่าชีวิตบนแท่นเป็นยัง ดูในคลิปที่ถ่ายทำจากสำนักข่าว BBC นี้ได้ครับ คลิปนี้ถ่ายจากแท่นชื่อว่า Shearwater ในทะเลเหนือ โดยคนดูสามารถหมุนมุมกล้องด้วยเมาส์ได้ด้วยครับ

โดยปกติคนที่ทำงานบนแท่นเป็นประจำนั้นจะทำงานเป็นกะ คือมีพวกที่ทำงานตอนกลางวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงทุ่มนึง และพวกที่ทำงานกลางคืน โดยมีช่วงการเปลี่ยนกะเป็นช่วงถ่ายเทข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะบนแท่นนั้นมีงานเกิดขึ้นทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่งานบางตำแหน่งก็จะมีแค่กะกลางวัน อย่างเช่นพยาบาลประจำแท่น แต่ถ้ามีความจำเป็นขี้นมากลางดึกก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานตามแล้วแต่สถานการณ์ครับ
สำหรับคนที่ทำงานประจำ ก็จะทำงานตามตารางการหมุนเปลี่ยนผลัด อย่างเช่น ทำงาน 3 สัปดาห์ หยุดพัก 3 สัปดาห์ เป็นต้น โดยรูปแบบการเปลี่ยนผลัดนั้นก็ต่างกันไปตามประเทศ และบริษัท อย่างเช่นในนอร์เวย์ คนทำงานประจำบนแท่นนั้นทำงาน 2 สัปดาห์ หยุด 4 สัปดาห์
ด้วยความที่การทำงานเป็นรูปแบบการเปลี่ยนผลัดและมีช่วงหยุดยาว คนที่แท่นที่ทะเลเหนือ จึงก็มักจะมาจากหลายๆเมือง (ส่วนมากก็เป็นคน UK) พอออกกะก็บินกลับบ้าน คนที่อาศัยอยู่นอก UK ก็มี แม้แต่อยู่ที่ประเทศไทยก็มีนะครับ
ทีมงานบนแท่น
ทีมบนแท่นขุดเจาะและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติโดยทั่วไป จากมุมมองของผม อาจจะแบ่งได้เป็นสามทีมคร่าวๆ คือ
1. ทีมควบคุมด้านการผลิตและซ่อมบำรุง (Operations & Maintenance หรือ O&M)
2. ทีมสนับสนุน (Services)
3. ทีมดูแลด้านหลุมผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (Drilling, Wells Services)
โดยแท่นแต่ละแท่นนั้นจะมีหัวหน้าแท่น (Offshore Installation Manager, OIM) ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จัดการการทำงานของแท่นโดยรวม, รับผิดชอบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของทุกคนบนแท่น และยังเป็นผู้ที่อนุมัติใบอนุญาตการทำงาน (work permit) ของงานต่างๆที่เกิดขึ้นบนแท่นอีกด้วย โดยสุดท้ายทุกทีมย่อยๆที่อยู่บนแท่นก็ต้องฟังหัวหน้าแท่นในกรณีที่ต้องมีการตัดสินใจสุดท้ายครับ
งานทุกงานที่ทำที่แท่นนั้นจะต้องมีใบอนุญาตการทำงาน (work permit) ซึ่งได้รับอนุมัติวันต่อวัน เพื่อเป็นการควบคุมให้แน่ใจว่างานที่เกิดขึ้นบนแท่น แต่ละงานมีการเตรียมการที่พร้อม, มีมาตราการความปลอดภัยที่เหมาะสม รวมไปถึงมีการปิดงานให้เรียบร้อยเมื่อจบงาน
งานแต่ละงานที่ทำที่แท่น จะต้องมีเจ้าของงาน (permit holder) โดยเจ้าของงานต้องเขียนรายละเอียดของงานที่จะทำ, บริเวณบนแท่นที่งานจะเกิดขึ้น รวมไปถึงอันตรายและมาตราการควบคุมต่างๆที่จะทำ ลงในแบบคำขออนุญาตทำงาน
ทุกๆวันหัวหน้าแท่น และหัวหน้าทีมย่อยๆต่างๆ จะมีการประชุมเพื่อตรวจทานรายละเอียดของคำขออนุญาตทำงานต่างๆของวันถัดๆไป ถ้าหากทีมเห็นว่ารายละเอียดเหมาะสมหัวหน้าแท่นก็จะอนุมัติให้ทำงานได้ครับ ถ้างานเตรียมมาไม่ดี ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำครับ
กลับมาที่ทีมทั้งสามที่กล่าวมาก่อนหน้านี้...
ทีมควบคุมการผลิตและซ่อมบำรุง (Operation & Maintenance) นั้นมีหน้าที่ควบคุมกระบวนการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและซ่อมบำรุงเครื่องจักรต่างๆ โดยทีมนี้ก็จะประกอบด้วยช่างหลายๆสาขาอย่างเช่น ช่างไฟ, ช่างเครื่อง, ช่างอุปกรณ์ควบคุม และช่างที่คอยจัดการควบคุมกระบวนการผลิต (operator)
นอกจากนี้ทีมนี้ยังหน้าที่คอยสนับสนุนหัวหน้าแท่น ในควบคุมการออกใบอนุญาตการทำงานในแต่ละวัน (work permit) อีกด้วย
ภาพห้องปฏิบัติการณ์ ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมข้อมูลตัวแปรต่างๆจากกระบวนการผลิต เช่น อุณหภูมิ, ความดัน, อัตราการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยทีม operator จะคอยสังเกตตัวแปรเหล่านี้ และปรับการทำงานของเครื่องจักรเพื่อให้การผลิตสม่ำเสมอ
โดยทีม O&M มักจะเป็นทีมที่มีลูกทีมเป็นลูกจ้างของบริษัทเจ้าของแท่น (แต่ไม่จำเป็นเสมอไป) ขณะที่ทีมอื่นๆ ลูกทีมมักจะเป็นลูกจ้างของบริษัทอื่นๆ (contractor) ที่ทำงานให้บริษัทเจ้าของแท่นอีกที
ทีมที่สองที่กล่าวถึง คือทีมสนับสนุน (services) นั้น อันนี้จะประกอบด้วยทีมย่อยๆต่างๆหลายฝ่าย อาทิเช่น ทีมดูแลที่อยู่อาศัย (ทำความสะอาด, ทำอาหาร, ดูแลสารทุกข์สุขดิบทั่วไป), ทีมติดตั้งนั่งร้านและทาสี, ทีมดูแลการถ่ายส่งวัสดุระหว่างเรือที่มาส่งกับแท่น รวมไปถึงการย้ายวัสดุต่างๆบนแท่นโดยใช้เครน, ทีมดูแลด้านความปลอดภัย, สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ เป็นต้น
ถึงขึ้นชื่อว่าทีมสนับสนุน แต่ความสำคัญของทีมนี้ก็ไม่ด้อยกว่าทีมอื่นๆนะครับ ตัวอย่างง่ายๆเลยคือการย้ายของไปมาบนแท่นนั้น ปกติจะต้องทำด้วยเครน เพราะบนแท่นไม่มีรถขนของเหมือนจากบนบก ถ้าเครนเกิดมีปัญหาทำงานไม่ได้ขึ้นมา งานหลายๆอย่างบนแท่นจะต้องหยุดลงเพราะเอาวัสดุลงไปที่หน้างานไม่ได้ ถ้าเครนพังนานๆก็เตรียมย้ายคนขึ้นฝั่งได้เลยครับ เพราะแท่นจะไม่สามารถขนอาหารและถ่ายส่งวัสดุต่างๆจากเรือได้
ภาพตัวอย่างการถ่ายส่งวัสดุจากเรือส่งของกับแท่น
ภาพทีมติดตั้งนั่งร้าน (scaffolders) บางครั้งคนชอบมองข้ามทีมนี้ไป แต่ในความจริงทีมนั่งร้านนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะถ้าไม่มีนั่งร้าน คนงานก็จะไม่สามารถเข้าถึงหน้างานเพื่อไปทำงานได้นะครับ (no access, no work)
ทีมที่สามที่แยกออกมาคือทีมดูแลด้านหลุมผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (Drilling/ Wells Services) โดยสาเหตุที่แยกออกมาก็เพราะโดยปกติแล้วงานด้านหลุมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จะเป็นงานเฉพาะทางที่ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และจะมีทีมที่ดูแลแยกไปต่างหาก โดยทีมนี้มักจะทำงานค่อนข้างเป็นอิสระจากทีมอื่นๆ
ตัวอย่างงานของทีมนี้ก็อย่างเช่น การขุดเจาะหลุมผลิตใหม่, การอุดหลุมผลิตเพื่อเตรียมการรื้อถอน และการซ่อมแซมหรือติดตั้งอุปกรณ์ในหลุมน้ำมัน โดยทีมนี้จะดูแลบริเวณอุปกรณ์ขุดเจาะ(rig) ที่อยู่บนแท่นผลิต โดยไม่ใช่ทุกแท่นผลิตจะมีอุปกรณ์ขุดเจาะนะครับ
ผมเองไม่ได้ทำงานเฉพาะทางด้านนี้ เพราะงั้นขอกล่าวคร่าวๆแค่นี้นะครับ
ในรายละเอียดนั้นทีมนี้ก็มีตำแหน่งงานย่อยๆอีกหลายแขนง รวมถึงเทคโนโลยีด้านการขุดเจาะและจัดการหลุมผลิตที่น่าสนใจเยอะแยะมากมาย
ภาพตัวอย่างทีมขุดเจาะ
การเปลี่ยนแปลงเมื่อแท่นหยุดทำการผลิต
ทีมออฟชอร์สามทีมที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ ในแท่นที่อายุมากๆ 30-40 ปีที่เตรียมเข้าสู่การรื้อถอนนั้น หลายๆคนก็อาจจะทำงานบนแท่นเดิมมาตลอดชีวิตการทำงาน คือบางคนอาจจะได้อยู่กับแท่นตั้งแต่แท่นถูกติดตั้ง เห็นการผลิตน้ำมันหยดแรก ไปจนถึงแท่นหยุดการผลิต และเข้าสู่การรื้อถอน คือเรียกว่าคนหลายคนโตมาพร้อมกับแท่น และแท่นนั้นเป็นบ้านหลังที่สองเลย
ดังนั้นเมื่อถึงวันที่แท่นต้องยุติการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (cease of production) เพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการการอุดหลุมน้ำมันและรื้อถอนโครงสร้างนั้น ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอาการใจหาย เพราะทุกคนรู้ว่าการยุติการผลิตก็เป็นการเริ่มนับถอยหลังสู่วันที่พวกเค้าจะต้องออกจากแท่นนี้ไปนั่นเอง หัวข้อเรื่องว่าพอแท่นนี้หายไปแล้วพวกเขาจะไปทำงานที่ไหน เป็นหัวข้อบทสนทนาที่คุยกันเป็นปกติตอนผมไปที่แท่น
ภาพวาดของแท่น Brent Delta โดย Sue Jane Taylor ศิลปินชาวสก๊อตแลนด์ ซึ่งได้รับเชิญไปวาดภาพเก็บความทรงจำบนแท่น ก่อนที่แท่นจะถูกรื้อถอน ผลงานจัดแสดงที่พอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสก๊อตแลนด์ ในเมืองเอดินบะระ
การยุติการผลิตนั้นยังเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของลำดับความสำคัญของงานบนแท่น ในช่วงที่แท่นยังผลิตน้ำมันนั้น จุดมุ่งหมายอันดับหนึ่ง ของแท่นคือการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างปลอดภัย โดยทีมควบคุมการผลิตและซ่อมบำรุง (operation & maintenance) จะมีบทบาทที่สำคัญมาก แต่เมื่อแท่นหยุดผลิตน้ำมันแล้วจุดมุ่งหมายก็จะเปลี่ยนไปเป็นการทำการรื้อถอนแท่นอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยคนบนแท่นก็จะต้องเปลี่ยนแนวคิดเพื่อให้พร้อมต่อโปรเจคการรื้อถอนที่เข้ามา รวมไปถึงมีการเข้ามาของทีมใหม่อีกทีมบนแท่น
*ที่หมด ต่อข้างล่างนะครับ*
แชร์ประสบการณ์ทำงานโปรเจคการรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอน 3: ชีวิตคนออฟชอร์ในช่วงการรื้อถอนแท่น
https://pantip.com/topic/37906557
และกระทู้ที่สองซึ่งเจาะลงรายละเอียดของเรือ Pioneering Spirit ซึ่งเป็นเรือที่ทำการรื้อถอนส่วนบน (topside) ของแท่น Brent Delta
https://pantip.com/topic/37923056
กระทู้นี้ผมจะขอเขียนถึงเรื่องของคนทำงานบนแท่นผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ หรือเรียกกันว่าคนทำงานออฟชอร์ (offshore - แปลว่าทำงานนอกชายฝั่ง หรือกลางทะเลนั่นเอง) และอธิบายคร่าวๆถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาทของคนออฟชอร์ เมื่อแท่นหยุดทำการผลิตน้ำมันและเข้าสู่กระบวนการรื้อถอน (decommissioning)
งานของจขกท
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้ทำงานประจำออฟชอร์ งานที่ผมทำในโปรเจคนั้นคือตำแหน่งวิศวกรโครงการ (project engineer) รับผิดชอบงานส่วนหนึ่งของด้านการเตรียมแท่นให้พร้อมต่อการรื้อถอน โดยผมทำงานให้กับบริษัทที่เป็นเจ้าของแท่น และทำงานอยู่ในโปรเจคนี้ประมาณสามปีหน่อยๆครับ ในตำแหน่งงานนี้ ผมออกไปทำงานที่แท่นบ้างเป็นครั้งคราว และก็มีบางช่วงที่ออกไปทีละหลายสัปดาห์บ้าง แต่ที่ทำงานปกติคือในออฟฟิศครับ
ในโปรเจคใหญ่ๆแบบ Brent Decommissioning ก็จะมีวิศวกรโครงการหลายคน แต่ละคนก็จะมีหน้าที่ ความรับผิดชอบดูแลส่วนงานต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมของแต่ละคนว่าใครเหมาะสมที่จะดูแลงานส่วนไหน
ก่อนหน้าที่ผมเข้ามาทำงานในโปรเจคนี้ คือผมเคยเป็นวิศวกรกระบวนการ (process engineer) โดยผมเคยทำงานดูกระบวนการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของแท่น Brent หลายๆแท่น รวมไปถึงทำงานด้านการออกแบบทางวิศวกรรม ทำให้ผมพอเข้าใจความเชื่อมโยงตั้งแต่การที่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ขึ้นมาจากหลุมผลิต เข้าสู่ส่วนกระบวนการต่างๆบนแท่น จนไปถึงการส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแท่นผลิตลงสู่ท่อไปยังโรงแยกก๊าซและโรงเก็บน้ำมันบนบก ซึ่งปรากฏว่าความเข้าใจในส่วนนี้มีประโยชน์มากเวลาวางแผนการรื้อถอนกลุ่มแท่นผลิตที่ซับซ้อน ที่มีกระบวนการและโครงสร้างที่มีความเชื่อมโยงกัน
ตอนนี้ผมย้ายไปทำงานโปรเจคใหม่แล้ว แต่ก็ยังคงติดตามความเป็นไปของงานด้านการรื้อถอนแท่นอยู่ครับ
ชีวิตคนออฟชอร์โดยทั่วไป
ในมุมมองของผม แท่นผลิตน้ำมันกลางทะเลที่มีคนทำงานประจำนั้น ก็เหมือนกับเมืองๆนึง โดยมีทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน ห้องอาหาร ร้านขายของ ห้องพยาบาล ห้องยิม ห้องสันทนาการ ห้องเล่นดนตรี และอื่นๆ
คนในเมืองนี้ก็มีการเดินทางเข้าออกโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ บางทีก็มีคนข้างนอกเข้ามาทำงานชั่วคราวสั้นๆบ้าง ถ้าในประเทศแถบที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิอุ่นหน่อย (tropical weather) ก็อาจจะมีการเดินทางทางเรือไปที่แท่นบ้าง
ส่วนในทะเลเหนือที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิต่ำนี่บินอย่างเดียวครับ เพื่อเลี่ยงอันตรายจากกรณีคนตกลงไปในทะเลที่น้ำเย็นระหว่างการถ่ายเทคนทางเรือ โดยการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ในทะเลเหนือ (และทะเลที่น้ำเย็นทั่วๆไป) ก็จะมีชุดยังชีพที่ต้องใส่เพื่อช่วยลดการสูญเสียความร้อนจากร่างกายหากโชคร้ายมีเหตุต้องลงไปในทะเลครับ
ถ้าอยากดูคร่าวๆว่าชีวิตบนแท่นเป็นยัง ดูในคลิปที่ถ่ายทำจากสำนักข่าว BBC นี้ได้ครับ คลิปนี้ถ่ายจากแท่นชื่อว่า Shearwater ในทะเลเหนือ โดยคนดูสามารถหมุนมุมกล้องด้วยเมาส์ได้ด้วยครับ
โดยปกติคนที่ทำงานบนแท่นเป็นประจำนั้นจะทำงานเป็นกะ คือมีพวกที่ทำงานตอนกลางวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงทุ่มนึง และพวกที่ทำงานกลางคืน โดยมีช่วงการเปลี่ยนกะเป็นช่วงถ่ายเทข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะบนแท่นนั้นมีงานเกิดขึ้นทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่งานบางตำแหน่งก็จะมีแค่กะกลางวัน อย่างเช่นพยาบาลประจำแท่น แต่ถ้ามีความจำเป็นขี้นมากลางดึกก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานตามแล้วแต่สถานการณ์ครับ
สำหรับคนที่ทำงานประจำ ก็จะทำงานตามตารางการหมุนเปลี่ยนผลัด อย่างเช่น ทำงาน 3 สัปดาห์ หยุดพัก 3 สัปดาห์ เป็นต้น โดยรูปแบบการเปลี่ยนผลัดนั้นก็ต่างกันไปตามประเทศ และบริษัท อย่างเช่นในนอร์เวย์ คนทำงานประจำบนแท่นนั้นทำงาน 2 สัปดาห์ หยุด 4 สัปดาห์
ด้วยความที่การทำงานเป็นรูปแบบการเปลี่ยนผลัดและมีช่วงหยุดยาว คนที่แท่นที่ทะเลเหนือ จึงก็มักจะมาจากหลายๆเมือง (ส่วนมากก็เป็นคน UK) พอออกกะก็บินกลับบ้าน คนที่อาศัยอยู่นอก UK ก็มี แม้แต่อยู่ที่ประเทศไทยก็มีนะครับ
ทีมงานบนแท่น
ทีมบนแท่นขุดเจาะและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติโดยทั่วไป จากมุมมองของผม อาจจะแบ่งได้เป็นสามทีมคร่าวๆ คือ
1. ทีมควบคุมด้านการผลิตและซ่อมบำรุง (Operations & Maintenance หรือ O&M)
2. ทีมสนับสนุน (Services)
3. ทีมดูแลด้านหลุมผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (Drilling, Wells Services)
โดยแท่นแต่ละแท่นนั้นจะมีหัวหน้าแท่น (Offshore Installation Manager, OIM) ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จัดการการทำงานของแท่นโดยรวม, รับผิดชอบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของทุกคนบนแท่น และยังเป็นผู้ที่อนุมัติใบอนุญาตการทำงาน (work permit) ของงานต่างๆที่เกิดขึ้นบนแท่นอีกด้วย โดยสุดท้ายทุกทีมย่อยๆที่อยู่บนแท่นก็ต้องฟังหัวหน้าแท่นในกรณีที่ต้องมีการตัดสินใจสุดท้ายครับ
งานทุกงานที่ทำที่แท่นนั้นจะต้องมีใบอนุญาตการทำงาน (work permit) ซึ่งได้รับอนุมัติวันต่อวัน เพื่อเป็นการควบคุมให้แน่ใจว่างานที่เกิดขึ้นบนแท่น แต่ละงานมีการเตรียมการที่พร้อม, มีมาตราการความปลอดภัยที่เหมาะสม รวมไปถึงมีการปิดงานให้เรียบร้อยเมื่อจบงาน
งานแต่ละงานที่ทำที่แท่น จะต้องมีเจ้าของงาน (permit holder) โดยเจ้าของงานต้องเขียนรายละเอียดของงานที่จะทำ, บริเวณบนแท่นที่งานจะเกิดขึ้น รวมไปถึงอันตรายและมาตราการควบคุมต่างๆที่จะทำ ลงในแบบคำขออนุญาตทำงาน
ทุกๆวันหัวหน้าแท่น และหัวหน้าทีมย่อยๆต่างๆ จะมีการประชุมเพื่อตรวจทานรายละเอียดของคำขออนุญาตทำงานต่างๆของวันถัดๆไป ถ้าหากทีมเห็นว่ารายละเอียดเหมาะสมหัวหน้าแท่นก็จะอนุมัติให้ทำงานได้ครับ ถ้างานเตรียมมาไม่ดี ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำครับ
กลับมาที่ทีมทั้งสามที่กล่าวมาก่อนหน้านี้...
ทีมควบคุมการผลิตและซ่อมบำรุง (Operation & Maintenance) นั้นมีหน้าที่ควบคุมกระบวนการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและซ่อมบำรุงเครื่องจักรต่างๆ โดยทีมนี้ก็จะประกอบด้วยช่างหลายๆสาขาอย่างเช่น ช่างไฟ, ช่างเครื่อง, ช่างอุปกรณ์ควบคุม และช่างที่คอยจัดการควบคุมกระบวนการผลิต (operator)
นอกจากนี้ทีมนี้ยังหน้าที่คอยสนับสนุนหัวหน้าแท่น ในควบคุมการออกใบอนุญาตการทำงานในแต่ละวัน (work permit) อีกด้วย
โดยทีม O&M มักจะเป็นทีมที่มีลูกทีมเป็นลูกจ้างของบริษัทเจ้าของแท่น (แต่ไม่จำเป็นเสมอไป) ขณะที่ทีมอื่นๆ ลูกทีมมักจะเป็นลูกจ้างของบริษัทอื่นๆ (contractor) ที่ทำงานให้บริษัทเจ้าของแท่นอีกที
ทีมที่สองที่กล่าวถึง คือทีมสนับสนุน (services) นั้น อันนี้จะประกอบด้วยทีมย่อยๆต่างๆหลายฝ่าย อาทิเช่น ทีมดูแลที่อยู่อาศัย (ทำความสะอาด, ทำอาหาร, ดูแลสารทุกข์สุขดิบทั่วไป), ทีมติดตั้งนั่งร้านและทาสี, ทีมดูแลการถ่ายส่งวัสดุระหว่างเรือที่มาส่งกับแท่น รวมไปถึงการย้ายวัสดุต่างๆบนแท่นโดยใช้เครน, ทีมดูแลด้านความปลอดภัย, สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ เป็นต้น
ถึงขึ้นชื่อว่าทีมสนับสนุน แต่ความสำคัญของทีมนี้ก็ไม่ด้อยกว่าทีมอื่นๆนะครับ ตัวอย่างง่ายๆเลยคือการย้ายของไปมาบนแท่นนั้น ปกติจะต้องทำด้วยเครน เพราะบนแท่นไม่มีรถขนของเหมือนจากบนบก ถ้าเครนเกิดมีปัญหาทำงานไม่ได้ขึ้นมา งานหลายๆอย่างบนแท่นจะต้องหยุดลงเพราะเอาวัสดุลงไปที่หน้างานไม่ได้ ถ้าเครนพังนานๆก็เตรียมย้ายคนขึ้นฝั่งได้เลยครับ เพราะแท่นจะไม่สามารถขนอาหารและถ่ายส่งวัสดุต่างๆจากเรือได้
ทีมที่สามที่แยกออกมาคือทีมดูแลด้านหลุมผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (Drilling/ Wells Services) โดยสาเหตุที่แยกออกมาก็เพราะโดยปกติแล้วงานด้านหลุมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จะเป็นงานเฉพาะทางที่ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และจะมีทีมที่ดูแลแยกไปต่างหาก โดยทีมนี้มักจะทำงานค่อนข้างเป็นอิสระจากทีมอื่นๆ
ตัวอย่างงานของทีมนี้ก็อย่างเช่น การขุดเจาะหลุมผลิตใหม่, การอุดหลุมผลิตเพื่อเตรียมการรื้อถอน และการซ่อมแซมหรือติดตั้งอุปกรณ์ในหลุมน้ำมัน โดยทีมนี้จะดูแลบริเวณอุปกรณ์ขุดเจาะ(rig) ที่อยู่บนแท่นผลิต โดยไม่ใช่ทุกแท่นผลิตจะมีอุปกรณ์ขุดเจาะนะครับ
ผมเองไม่ได้ทำงานเฉพาะทางด้านนี้ เพราะงั้นขอกล่าวคร่าวๆแค่นี้นะครับ
ในรายละเอียดนั้นทีมนี้ก็มีตำแหน่งงานย่อยๆอีกหลายแขนง รวมถึงเทคโนโลยีด้านการขุดเจาะและจัดการหลุมผลิตที่น่าสนใจเยอะแยะมากมาย
การเปลี่ยนแปลงเมื่อแท่นหยุดทำการผลิต
ทีมออฟชอร์สามทีมที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ ในแท่นที่อายุมากๆ 30-40 ปีที่เตรียมเข้าสู่การรื้อถอนนั้น หลายๆคนก็อาจจะทำงานบนแท่นเดิมมาตลอดชีวิตการทำงาน คือบางคนอาจจะได้อยู่กับแท่นตั้งแต่แท่นถูกติดตั้ง เห็นการผลิตน้ำมันหยดแรก ไปจนถึงแท่นหยุดการผลิต และเข้าสู่การรื้อถอน คือเรียกว่าคนหลายคนโตมาพร้อมกับแท่น และแท่นนั้นเป็นบ้านหลังที่สองเลย
ดังนั้นเมื่อถึงวันที่แท่นต้องยุติการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (cease of production) เพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการการอุดหลุมน้ำมันและรื้อถอนโครงสร้างนั้น ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอาการใจหาย เพราะทุกคนรู้ว่าการยุติการผลิตก็เป็นการเริ่มนับถอยหลังสู่วันที่พวกเค้าจะต้องออกจากแท่นนี้ไปนั่นเอง หัวข้อเรื่องว่าพอแท่นนี้หายไปแล้วพวกเขาจะไปทำงานที่ไหน เป็นหัวข้อบทสนทนาที่คุยกันเป็นปกติตอนผมไปที่แท่น
การยุติการผลิตนั้นยังเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของลำดับความสำคัญของงานบนแท่น ในช่วงที่แท่นยังผลิตน้ำมันนั้น จุดมุ่งหมายอันดับหนึ่ง ของแท่นคือการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างปลอดภัย โดยทีมควบคุมการผลิตและซ่อมบำรุง (operation & maintenance) จะมีบทบาทที่สำคัญมาก แต่เมื่อแท่นหยุดผลิตน้ำมันแล้วจุดมุ่งหมายก็จะเปลี่ยนไปเป็นการทำการรื้อถอนแท่นอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยคนบนแท่นก็จะต้องเปลี่ยนแนวคิดเพื่อให้พร้อมต่อโปรเจคการรื้อถอนที่เข้ามา รวมไปถึงมีการเข้ามาของทีมใหม่อีกทีมบนแท่น
*ที่หมด ต่อข้างล่างนะครับ*