THE WEEKLY GLOVES ไตรมาสสุดท้าย วีคที่ 35 เรื่องสั้น#75 "กวนบาทา" โดย ถุงมือ "สมองกลวง"

กระทู้คำถาม


เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายของวีคนี้ ดูแค่ชื่อเรื่อง นึกว่าเป็นเรื่องตลกขำขัน แต่พออ่านไปๆ กลับไม่ใช่ครับ ไปอีกแนวหนึ่งเลย แถมตอนต้น มีการอ้างถึงเกมถุงมือและกรรมการอีกด้วย เอ้อ!

เรื่องมันจะอะไรยังไง ตามอ่านกันเลยครับ หลังจากนั้นก็ตัดเกรด แล้วเล็งหาตัวคนเขียนดู ใครกันหนอ...อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้







เมื่อเห็นการประกาศแจ้งเตือนจากคุณหวางว่าเรื่องสั้นในสต๊อคกำลังลดลงจนถึงระดับวิกฤติ   เขาก็มีดำริว่าจะเขียนส่งเข้าไปสักเรื่องหนึ่ง  เพื่อบรรเทาอาการ “เรื่องสั้นพร่อง” ภายในชมรมถุงมือนักเขียน

แต่ภารกิจการงานที่ช่างรัดตัวทำให้เขาต้องผัดวันประกันพรุ่งมาหลายคราเต็มที  
  
แล้วก็ถึงเส้นตายที่เขาแอบกำหนดกับตนเองเอาไว้ว่าจะต้องเขียนแล้วเสร็จภายในวันนี้ให้จงได้  เขารีบสะสางงานการให้เรียบร้อยตั้งแต่เย็น อาบน้ำสระผมทำตัวให้สดชื่น  ชงชาหนึ่งเหยือกมานั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน  คิดว่าใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมงทั้งคิดเรื่องและพิมพ์ก็คงจะแล้วเสร็จ

เข็มนาฬิกาเวียนหมุนวนไปเรื่อย ๆ  เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองเวลาก็พบว่าล่วงเลยไปแล้วกว่าสามชั่วโมง  แต่งานเขียนกลับยังไม่ได้เริ่มแม้แต่คำเดียว   แต่ละนาทีถูกเผาทิ้งไปโดยเฟสบุ๊ค กระทู้น่าสนใจในพันทิป  รวมไปถึงการเกาะติดรายการทายชื่อเจ้าของถุงมือ  

ลุกขึ้นบิดตัวแก้เมื่อยแล้วก็เดินออกจากโต๊ะทำงาน คิดจะหาอะไรรองท้องสักนิด หวังว่าเมื่อได้ทานอะไรบ้างสมองน่าจะโปร่งขึ้น ก่อนเที่ยงคืนเรื่องก็น่าจะเขียนเสร็จ แล้วจะได้เข้านอนเสียที หลังจากเลือกเอาวัสดุที่มีอยู่ในตู้เย็นและบนโต๊ะในห้องครัวมารวมกันก็ได้แซนวิชมาสามสี่ชิ้น  เขาเติมน้ำร้อนลงในเหยือกชาให้พอได้ปริมาณสักหนึ่งถ้วยชา จากนั้นก็หยิบเอาชุดของว่างกลับมานั่งบนโต๊ะทำงาน  ไม่แน่บางทียังไม่ทันจะทานหมด  เรื่องสั้นของเขาอาจพร่างพรูมาจนเสร็จก่อนก็ได้  ใครจะรู้

อาหารว่างพร้อมน้ำชาหนึ่งถ้วยหมดไปนานแล้ว แต่งานเขียนของเขายังไม่ชิ้นเป็นอัน  พยายามนึกพล็อตแล้วก็พิมพ์ไป แต่ได้ไม่กี่บรรทัดก็ลบทิ้งพร้อมนึกพล็อตใหม่ เป็นอย่างนี้เวียนอยู่หลายครั้ง

แว่วเสียงสุนัขในซอยเห่าสลับหอนมาเป็นระยะ ยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด  ตอนนี้น่าจะล่วงเข้าหลังสี่ทุ่มแล้ว ทำไมสมองของเขาวันนี้มันถึงได้ตื้อนักนะ  หรืออาจจะเป็นเพราะเขาตั้งใจกำหนดตัวเองจนเกินไป

ออกไปข้างนอกน่าจะดี เดินเล่นเปลี่ยนสถานที่หากาแฟดื่ม  ขณะเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบเอากุญแจบ้าน สายตาของเขาก็เหลือบเห็นซองบุหรี่กองปนอยู่กับของอื่นภายในลิ้นชัก  ในระยะหลังเขาพยายามลดการสูบให้น้อยลง จะมีบ้างก็ต่อเมื่อได้ออกไปนั่งสังสรรค์กับมิตรสหาย หรือสูบขณะดื่มกาแฟสักมวนเพื่อใช้ความคิดในเรื่องงาน  มัลโบโร่ไลท์ซองนี้เหลืออยู่ไม่กี่มวน เขาวางทิ้งไว้เกือบสิบวันแล้วโดยไม่คว้ามันขึ้นมา นับว่าเป็นการลดที่ใช้ได้ทีเดียว  

ตอนนี้บนร่างของเขานุ่งกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดคอกลมอยู่  จึงเพียงคว้าเสื้อแจ็กเก็ตออกมาคลุมร่างอีกหนึ่งชั้น ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเดินเล่นออกไปปากซอย   บุหรี่ฝรั่งซองสีขาวและกุญแจบ้านถูกหยิบใส่กระเป๋าแจ็คเก็ตก่อน ตามด้วยกระเป๋าเงิน ไฟแช็ค โทรศัพท์มือถือยัดรวมกันอยู่ในกระเป๋ากางเกง  หยิบปากกาเหน็บเข้ากับปกแจ็กเก็ต คว้ากระดาษเอสี่พับครึ่งติดมือไปด้วยสองสามแผ่น  เผื่อความคิดดี ๆ เกิดขึ้นระหว่างอยู่ข้างนอก

ความตั้งใจแรกคือไปนั่งร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ตั้งอยู่ตรงปากซอย  สาขานี้เปิดถึงห้าทุ่ม ถึงแม้ดูตามเวลาแล้วร้านน่าจะใกล้ปิดเต็มที  แต่ในใจเขาก็ลุ้นให้ยังคงเหลือลูกค้านั่งอยู่บ้าง  เร่งจ้ำอ้าวไม่ถึงห้านาทีก็มาถึงเป้าหมาย ประตูร้านยังผลักเปิดออกได้ แต่เมื่อกวาดสายตาไปโดยรอบก็พบว่ามีเพียงเขาคนเดียวเป็นลูกค้าภายในร้าน  ดูจากสภาพการเก็บของและทำความสะอาด คาดว่าลูกค้าชุดสุดท้ายน่าจะลุกออกไปได้นานโข  

แล้วความหวังของเขาก็หมดลงเมื่อพนักงานตรงเคาน์เตอร์ซึ่งกำลังง่วนนับเงินอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกว่าได้ปิดเครื่องชงกาแฟแล้ว

ยังไม่ยากนักที่จะหาที่นั่งดื่มยามค่ำคืนในเวลานี้ เขาตัดสินใจเดินต่อไปยังซอยถัดไปซึ่งอยู่ห่างเพียงร้อยกว่าเมตร  ปากซอยเป็นร้านสะดวกซื้อเดินเข้าไปในซอยไม่กี่ก้าวก็เป็นบาร์ญี่ปุ่นเรียงกันสองสามร้าน  เขารีบจ้ำผ่านเพราะหากแวะเข้าไปรับรองว่านอกจากจะไม่ได้ไอเดียงานเขียนแล้วเงินในกระเป๋าก็คงจะถูกปลิ้นออกไปจนไม่เหลือหลอเป็นแน่

เดินเลยร้านค้าอีกสองสามร้านและ โรงแรมแบบโฮสเทลขนาดสองคูหา  เป้าหมายใหม่ของเขาเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่เลยโฮสเทลไปสามสี่ห้อง   เจ้าของร้านเป็นชาวญี่ปุ่นขายทั้งกาแฟ ชา และเหล้าเบียร์ เหมือนเอาไว้เป็นแหล่งพบปะของคนชาติเดียวกันซึ่งมีปริมาณมากพอสมควรในย่านนี้     

ร้านนี้จะปิดตามใจเจ้าของ แต่โดยปกติแล้วก็ดึกพอสมควร  เขาเคยนั่งเล่นอยู่กับลูกค้าคนอื่น ๆ ได้ถึงตีหนึ่ง แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อไปถึงพบว่าประตูเหล็กหน้าร้านถูกดึงลงปิดเป็นที่เรียบร้อย

ลึกเข้าไปในซอยยังมีแสงสว่างของร้านต่าง ๆ อยู่หลากหลาย  เขาเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ผ่านร้านบุฟเฟ่ท์เกาหลี  ผับวัยรุ่นแบบเปิดเพลงแดนซ์  และคาราโอเกะ ซึ่งต่างก็ไม่ใช่ร้านที่จะนั่งแช่หาไอเดีย   ในที่สุดก็เข้ามาลึกกว่าสามร้อยเมตร  ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นย่านบ้านพักอาศัยแล้ว   

กำลังจะหันร่างกลับด้วยความผิดหวัง พลันก็สะดุดตากับร้านขายของชำขนาดสองคูหาที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ในร้านแบ่งมุมด้านหน้าส่วนหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ วางโถเหล้ายาดองอยู่สี่ห้าโหล   ด้านหน้าเคาน์เตอร์บาร์มีสตูลสูงตั้งอยู่สองตัว ถัดมาตรงฟุตบาทหน้าร้านมีชุดโต๊ะพับเก็บได้ตั้งเรียงกันอยู่สามชุด  

ด้านหลังของเคาน์เตอร์บาร์ดีไซน์ได้สวยแบบมีสไตล์ไม่น้อย  โดยเอาไม้กระดานเก่ามาตีเป็นฉากและมีชั้นวางตกแต่งด้วยของใช้ยุคปีหกศูนย์   มีตู้แช่เครื่องดื่มแบบโบราณซึ่งภายในอัดเครื่องดื่มต่าง ๆ พร้อมเบียร์หลากยี่ห้องเรียงรายอยู่จนเต็ม     

ตอนนี้ตรงโต๊ะตัวหนึ่งมีลูกค้าต่างชาตินั่งดื่มเบียร์กันอยู่สองคนคุยกันเบา ๆ  เขาจึงก้าวตรงไปนั่งบนสตูลสูงหน้าเคาน์เตอร์บาร์  บรรยากาศแบบนี้ได้เบียร์สักสองกระป๋องก็น่าจะเหมาะเหมือนกัน และที่ถูกใจยิ่งกว่าก็คือเห็นที่เขี่ยบุหรี่วางเตรียมไว้ให้แก่ลูกค้า

ชายวัยกลางคนอายุราวหกสิบเดินมาจากส่วนร้านของชำถามถึงความต้องการ  เขาสั่งเบียร์ไปหนึ่งกระป๋อง  ชายเจ้าของร้านเปิดตู้แช่หยิบเบียร์ออกมาให้ พร้อมบอกราคา เขาวางม้วนกระดาษเอสี่ในมือลงบนบาร์ ล้วงกระเป๋ากางเกงควักเงินออกมาจ่าย  ข้าวของซึ่งรวมปนอยู่ในกระเป๋าจึงได้ถูกล้วงออกมาพร้อมกันและวางทับไว้บนกระดาษ

ดื่มไปได้หนึ่งอึกเขาถามถึงของขบเคี้ยวที่จะทานเล่นแกล้มเบียร์ เจ้าของร้านพยักหน้าไปทางชั้นวางสินค้าตรงส่วนร้านของชำ เขาเข้าใจความหมายจึงเดินออกไปวนเลือกของเอาเอง

เมื่อเดินย้อนมาถึงเคาน์เตอร์บาร์ ก็พบว่าบนสตูลตัวด้านข้างปรากฏร่างหนึ่งมานั่งร่วมโต๊ะด้วย  เป็นชายหนุ่มชาวต่างชาติหัวกระเซิงนุ่งกางเกงขาก๊วย  ใส่เสื้อกล้าม สวมรองเท้าแตะ พร้อมมีกลิ่นกายฉุนกึ๊กคล้ายไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน   ขณะเขาหย่อนก้นลงนั่งเคียงข้าง หนุ่มผมกระเซิงได้หันมามอง  ยักคิ้วให้พร้อมผิวปากแบบไม่เป็นเพลง

หลังจากแสดงอาการเป็นเชิงทักทายเขาแบบแสนยียวนกวนบาทาแล้ว  หนุ่มต่างชาติก็หันไปรับเครื่องดื่มจากมือเจ้าของร้าน ซึ่งดันเป็นเบียร์ยี่ห้อเดียวกันกับของเขา  เอามือเกี่ยวห่วงงัดเปิดฝาเสียดังแล้วยกขึ้นดื่มด้วยท่าทีกระหาย

เมื่อกระป๋องเบียร์ถูกดึงออกจากปาก ชายหนุ่มยังคงถือค้างชูอยู่เบื้องหน้าทำท่าพออกพอใจ จากนั้นก็หันมาพยักหน้าให้   เขาหัวเราะในลำคออย่างไม่ถือสา  นักท่องเที่ยวคนนี้คงเดินมาจากโฮสเทลที่เดินผ่านมาเมื่อตะกี้ ท่าทางขี้เล่นแบบห่าม ๆ เป็นธรรมดาของพวกเด็กหนุ่มชาวแบ็คแพ็ค  เขายกเบียร์ในมือขึ้นดื่มบ้าง ส่วนหนุ่มต่างชาติก็หันเหม่อไปอีกทางพลางล้วงเอาไฟแช็คแกสอันละสิบบาทมาเคาะเล่นกับโต๊ะอยู่เบา ๆ  

คั่นระหว่างกลางของทั้งสองคือแผ่นกระดาษเอสี่และของต่าง ๆ ที่เขาเอาวางไว้ตอนแรก เมื่อวางกระป๋องเบียร์ลงเขาได้หยิบไฟแช็คของตนเองพร้อมซองมัลโบโร่ไลท์ที่วางอยู่ถัดไปขึ้นมาเคาะบุหรี่ออกจุดไฟสูบ  

เพิ่งอัดควันเข้าปอดเขาก็แทบสำลัก เมื่อหนุ่มต่างชาติหัวกระเซิงหันมายักคิ้วให้อีกครั้งพลางหยิบเอาซองมัลโบโร่ของเขาเคาะตัวบุหรี่ออกไปจุดสูบบ้าง  อัดควันลึกแล้วทำหลับตาพริ้มแหงนหน้าพ่นควันขึ้นด้านบน  

เขาส่ายหน้าเล็กน้อย  ถึงแม้จะไม่พอใจที่เด็กหนุ่มถือวิสาสะเกินไปโดยไม่กล่าวขอสักคำ   แต่บุหรี่แค่หนึ่งมวน ไม่จำเป็นต้องถือโกรธ

เบียร์หมดไปครึ่งกระป๋อง รู้สึกว่าไอเดียยังคงค้างคา เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมือไปหยิบซองบุหรี่ที่ชายหนุ่มวางคืนไว้ตรงที่เดิม กะสูบต่อเนื่องกันสักสองมวนเพื่อกระตุ้นความคิด และก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับวันนี้    จุดบุหรี่เสร็จก็ขยับลากกระดาษเอสี่มาตรงหน้าพร้อมหยิบปากกาขึ้นจรดเขียน  แต่แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้เขาต้องชะงักค้างเมื่อหนุ่มหัวกระเซิงหยิบเอาซองมัลโบโร่ขึ้นไปเคาะตัวบุหรี่ออกมาจุดสูบอีกมวนบ้าง  แถมครานี้ยังมองไปอีกทางทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่ชี้

เขายกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมด ข่มความไม่พอใจในอกลง  ชะเง้อหาเจ้าของร้านบอกขอเพิ่มเบียร์อีกหนึ่งกระป๋อง  เมื่อชายวัยกลางคนเดินมาหลังเคาน์เตอร์หยิบเอาเบียร์จากตู้แช่ออกมาส่งให้เขา   หนุ่มหัวกระเซิงคนนั้นก็ผิวปากเหมือนจะทำเสียงเรียกพลางพยักหน้าและยกนิ้วชี้ของตัวเองขึ้นชู   ซึ่งเจ้าของร้านก็เข้าใจและก้มลงหยิบกระป๋องเบียร์ส่งให้บ้าง

ถึงขณะนี้เขายังไม่ได้เริ่มอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  หลังจากยกเบียร์กระป๋องที่สองขึ้นดื่ม  มือก็ควานหาซองบุหรี่ตามความเคยชิน แต่กลับไม่พบว่าอยู่ที่เดิม  พอเงยขึ้นมองหาก็ต้องเลือดฉีดขึ้นหน้าเมื่อเห็นซองสีขาวอยู่ในมือหนุ่มหัวกระเซิง และกำลังดึงตัวบุหรี่ออกมาอย่างช้า ๆ  ครั้นเห็นเขาจ้องไปก็โยนซองบุหรี่กลับตรงที่เดิมอย่างเสียมารยาท พลางเบะปากยิ้มแสยะให้อย่างกวนบาทา

เขาหยิบซองบุหรี่ออกมาจุดสูบ อัดควันหนัก ๆ ติดต่อกันสองสามครั้ง  พยายามข่มความโมโห แต่สมาธิในการจะคิดเขียนเรื่องนั้นไม่มีแล้ว จึงยกเบียร์ขึ้นดื่มติดต่อกันจนเกือบหมดแล้วตัดสินใจกลับ   เมื่อตะกี้ตอนหยิบซองบุหรี่ ความรู้สึกบอกอยู่ว่าน่าจะเหลือเพียงหนึ่งหรือสองมวน  นึกถึงบุหรี่เขาก็ชำเลืองไปแล้วก็เห็นว่าชายหนุ่มกำลังจ้องอยู่เช่นกัน   

คงต้องสั่งสอนมันเสียบ้าง เขานึกในใจแล้วรีบตะครุบคว้ามัลโบโร่ซองนั้นมาเสียก่อน  จากนั้นฉีกซองคลี่ออกก็พบว่ามีบุหรี่เหลือเพียงสองมวนจริง ๆ   เขาจุดมวนหนึ่งสูบ พลางหยีตามองหน้าหนุ่มต่างชาติ พ่นควันอย่างแช่มช้าแล้วคีบห้อยไว้ตรงริมฝีปาก  บุหรี่อีกมวนยังถือไว้ในมือขณะรวบเก็บข้าวของบนเคาน์เตอร์  เมื่อลงจากสตูลมายืนตั้งมั่นดีแล้ว ก็ยักคิ้วให้ฝรั่งหนุ่มคนนั้นบ้าง  พลางโยนมวนบุหรี่ในมือไปบนเคาน์เตอร์ โดยคิดเสียว่าโยนให้ขอทาน

ระหว่างเดินกลับเขาอารมณ์ดีขึ้นมาก บุหรี่แค่ไม่กี่ตัวเขาไม่ได้รู้สึกเสียดาย  เพียงแต่โมโหในท่าทางอันยียวนแถมยังไร้มารยาทของชายหนุ่มชาวต่างชาติคนนั้น   แต่บัดนี้ก็ได้กวนบาทากลับคืนไปแล้ว ในหัวรู้สึกปลอดโปร่งคิดว่าจะนำเรื่องของฝรั่งหนุ่มคนนี้มาเขียนสักหน่อย  

เมื่อมาถึงบ้านพล็อตเรื่องในหัวก็พุ่งกระฉูดพร่างพรูจนถึงขีดสุด  เขาเปิดประตูรั้วที่เพียงแค่งับทิ้งไว้เข้าไป  เดินถึงหน้าประตูก็ล้วงกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ตเพื่อหยิบเอากุญแจบ้าน




แล้วยิ้มของเขาก็ต้องชะงักค้าง  เมื่อพบว่าในกระเป๋าเสื้อมีบุหรี่ซองหนึ่งรวมอยู่กับพวงกุญแจ


---------------------  จบ ----------------------------



ถุงมือ "สมองกลวง"

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่