เพราะการอยู่ในคณะที่มีการเรียนที่เข้มข้นและหนักหน่วง เลยอาจจะทำให้เราไม่มีโอกาสและเวลามากพอที่จะออกไปเที่ยว หรือออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ นอกสถานที่ ดังนั้น ทันทีที่เรารู้ตัวว่าเรามีเวลาว่างในช่วงปิดเทอมประมาณ 2 เดือน
ก็ไม่รอช้า ตัดสินใจไป Portland ที่เมกา เพราะอะไรน่ะหรอ เคยได้ยินเพื่อนพูดถึงเมืองนี้ เพื่อนเราก็ไม่เคยมาหรอก เค้าเคยไปแต่ Utah แต่เราเอง สะดุดที่ชื่อเมือง Portland
วันนั้นเลยนั่งหาข้อมูลคร่าวๆ
เฮ้ยเจ๋งกว่าที่คิด
เมืองอะไรมีพื้นที่สีเขียวก็เยอะ
คนก็รักสิ่งแวดล้อมชอบปั่นจักรยาน
เมืองของฮิปสเตอร์
เมืองที่ระบบขนส่งดีเป็นอันดับต้นๆของอเมริกา
เมืองที่เบียร์รสชาติดี๊ดี
ที่พูดมาทั้งหมดถามว่าเราสนใจอะไรในนี้หรอ เปล่าก็ไม่มี แค่ฟังรวมๆแล้วมันดูดีอะ
อ้อนึกออกได้อย่าง เมืองนี้ค่าครองชีพไม่แพง Taxก็0 % พอจะเอาเหตุผลนี้ไป present ขอตังแม่มาได้
แน่นอนว่าด้วยข้อมูลที่แน่นและเป๊ะขนาดนี้ คุณแม่ก็ไฟเขียว เราเลยรีบติดต่อ agency เตรียมตัวทำวีซ่า เตรียมกระเป๋า และรอเวลาจนกระทั่งถึงวันที่เราต้องลากกระเป๋าเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลกว่า 20 ชั่วโมง
และการเดินทางของเราก็เริ่มต้นขึ้น ณ สนามบินพอร์ตแลนด์ สหรัฐอเมริกา

วันแรกที่เดินทางมาถึงสนามบิน Portland สนามบินไม่ใหญ่ เดินหาทางออกแป้บเดียวก็เจอแล้ว
สายตาก็มองหาคนขับรถจาก Kaplan ชื่อ Rez ที่จะมารับ เห็นเค้าบอกจะยืนถือป้ายชื่อ Kaplan และชื่อเรา
ขณะที่ลงมารับกระเป๋า ก็มีเด็กผู้ชายคนนึงเดินมาถามว่า "Are you Alina? " ในใจก็คิดว่าใครวะ และนี่ไม่ได้ชื่อ Alinaไง เลยตอบไปว่า "No"
ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกๆ กลัวว่าจะมีคนมาหลอกอะไรเรารึป่าว และคนขับรถก็ไม่น่าจะเด็กขนาดนี้ไหม หันไปอีกทีเจอคนถือป้าย Kaplan พอดีเราเลยถามเค้าว่า
"Are you Rez? " เค้าก็ตอบใช่ เราเลยไปกับเค้า
แต่ก็แอบมองไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น เค้าก็ยังมองเราแบบงงๆ
เออเราก็งงเหมือนกัน
ระหว่างทางไปบ้านโฮสเราตื่นเต้นมากๆว่าจะได้เจอโฮสแบบไหน หน้าตายังไง บ้านเป็นยังไง มันไม่แปลกหรอกที่จะตื่นเต้น เพราะเราเชื่อว่าการมาซัมเมอร์ การมีโฮสที่ดีมันทำให้ชีวิตดีไปเกือบ 60% ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำตัวยังไง แต่บางคนก็บอกแค่ไม่มีปัญหากับโฮสก็พอละ อันนี้ก็แล้วแต่คนไป
พอไปถึงหน้าบ้าน คนขับก็ไปเคาะประตูบ้าน แต่ไม่มีใครตอบเลย
เหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่

เรากับคนขับเลยโทรไปหาโฮส กลับกลายเป็นว่า
โฮสและทุกคนในครอบครัวไปรับเราที่สนามบิน ......
ตอนนั้นก็งงว่าทำไมเค้าถึงไปรับเราล่ะ ทั้งที่เค้าน่าจะรู้ว่ามีรถจากโรงเรียนมารับเราอยู่แล้ว
สงสัยเค้าคงเข้าใจผิด แต่ลึกๆแล้วนี่ก็แอบกังวลว่ามันจะเสียเวลาโฮสไหม เค้าจะโกรธเราไหมเนี่ย หันไปถาม Rez เค้าก็บอกไม่รู้ทำไมถึงไปรับ เราเลยบอก "I am sorry" ที่ทำให้คุณต้องมาเสียเวลารอเป็นเพื่อนเรา และโฮสก็ต้องเสียเวลาขับรถกลับมา Rezก็บอก "It's not your false it's their false" พร้อมชี้ไปที่บ้านโฮส
เราก็อึ้งไปพักนึงอะ
พอโฮสมาถึงบ้าน ทุกคนก็รีบวิ่งมาหาเรา จับมือทักทาย ตอนนั้นก็โล่งไปหน่อยสีหน้าโฮสดูไม่ได้โกรธอะไร กลับยิ้มอย่าง friendly สักพักเรากวาดสายตาไปเจอเด็กผู้ชายคนนึงหน้าคุ้นๆ
อ้าวนี่มันเด็กที่มาถามเราที่สนามบินนี่นา
ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะ ว่าตอนที่มีคนมาถามว่าเราคือ Alina ใช่ไหม ความจริงคือลูกชายโฮสเอง
เราชื่อ Nalina ไง มันคล้ายๆกัน เราเลยตอบไม่ใช่
โฮสก็บอกว่าความจริงทำป้ายยินดีต้อนรับเราไว้ด้วย แต่ลืมหยิบไป ฮรือ
โฮสจะรู้ไหมน้าว่ามันคือ first impression สำหรับเราเลยนะเนี่ย
ที่เค้าตั้งใจจะไปรับเราที่สนามบิน

และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดีๆที่เราได้อยู่กับครอบครัวนี้!
ครอบครัวโฮสมีกันอยู่5 คน host dadชื่อ Michael
host mom ชื่อ Nicole
มีลูก3 คน
คนโตชื่อ Crew อายุ 11

คนกลางชื่อ Camille อายุ 9

และ Christian อายุ 7

มีหมาตัวนึงชื่อ Daisy และมีเด็กนักเรียนอีกคนเป็นเด็กญี่ปุ่นชื่อ Kiyoka อายุพอๆกับเราคือ 19
พอเข้าบ้านไป Nicole ก็รีบพาไปดูห้องนอนของเรา เป็นห้องที่เราดูแล้วค่อนข้างจะcomfortable ห้องเราอยู่ใกล้ห้องน้ำและห้องที่โฮสนอน ส่วนห้องเด็กๆอยู่ข้างบน ห้องนักเรียนอีกคนอยู่ใต้ดิน

พร้อมกับบอกว่าเวลาเปิดปิดประตูระวังเสียงดังหน่อยนะให้เอาผ้ามาขั้นไว้ แล้วให้ Christian สาธิตให้ดู
เสร็จแล้วก็แนะนำกฎต่างๆ ซึ่งมีไม่มากนัก ให้เราช่วยเหลือตัวเอง เช่น เวลากินข้าวเสร็จให้เอาจานมาล้างวางไว้ แล้วเราก็ถามว่า "How about dish washer ?" Michael ก็หันมาพอดีละบอกว่า "dish washer หรอ this guy haha" พร้อมทำท่าชี้ไปที่ตัวเอง เรื่องใช้เครื่องซักผ้า ถ้าเราอยากใช้เมื่อไหร่ก็บอก เดี๋ยวเค้าจะสอนให้ ส่วนเรื่องอาบน้ำก็ไม่ได้กำหนดเวลาอะไรแล้วแต่เรา เขาแค่แนะนำอาบวันละครั้งให้เราเลือกเช้าหรือเย็น ไม่เกิน15นาที เพราะที่บ้านมีสมาชิกเยอะที่ต้องใช้ห้องน้ำ ละก็แนะนำเรื่องการใช้ครัวว่าเราอยากกินไรหยิบได้เลยพร้อมอธิบายอาหารว่ามีไรบ้าง หรืออยากทำไรกินก็ได้หมด
ในขณะที่ Nicole กำลังอธิบาย ก็ได้ยินเสียง Michael เรียกว่าไปกินข้าวกันเถอะ
Nicole ก็บอก แต่ชั้นยังอธิบายอยู่เลยนะ Michael ก็ทำหน้าหง็อยๆละบอกว่า "but I am hungry"
ทุกคนเลยออกไปกินข้าว
ร้านอาหารไม่ไกลจากบ้าน เป็นร้านอาหารเมกัน เราก็มีการพูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น Michael ก็ถามเกี่ยวกับประเทศไทยว่ามาจากเมืองอะไร พอเราบอก Chonburi เค้าก็รีบ search map ในโทรศัพท์ว่าตรงนี้หรอ เราก็รู้สึกดีที่เออเค้าก็สนใจในบ้านเรานะ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เดินออกมานอกร้าน Christian หันมาถาม" Are you cold ? " เค้าคงเห็นเราทำท่ากอดแขนตัวเองอยู่ เราหันไปตอบว่า " yes " ตอนเราไปช่วงนั้นคือต้นเดือนมิถุนา อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ไม่หนาวเกินไป
พอกลับบ้าน เราก็เอาของที่เตรียมไว้มาให้โฮส

เป็นแท่นไม้สลักชื่อโฮส และสัญลักษณ์มังกร พ่อเราเป็นคนทำให้
Michael และ Nicole ก็ดูชอบ ทุกวันนี้แท่นนี้ถูกวางไว้ที่ในครัว
Michael ก็ถาม " รู้ได้ไงว่าชื่อ drake แปลว่า dragon "
เราก็บอกเราไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน แต่เราก็รู้สึกดีนะที่มันไปบังเอิญเหมือนกับชื่อเค้า
เรารีบอาบน้ำเข้านอน เพราะเกือบสามสี่ทุ่มแล้ว เหนื่อยจากการเดินทาง Nicole ก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ออกจากบ้านเจ็ดโมงนะจะพาไปส่งที่ Kaplan
เช้าวันแรก Nicole ก็พานั่งบัสไปโรงเรียน Kaplan ที่อยู่ใน Downtown ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางเขาก็อธิบายเส้นทางต่างๆ พร้อมบอกป้ายบัสที่ต้องขึ้นตอนที่จะกลับบ้าน
วันแรกหลังเลิกเรียนเราก็ไปเดินเล่นในเมืองนิดหน่อยไปหาข้าวกินที่ food truck เพราะได้ยินมาว่า food truck ที่นี่ดัง เราเลยไปลองสักหน่อย
จำได้เลยวันนั้นสั่ง roll อะไรสักอย่างร้านคนไทย กับ ซูชิ โหวเค้าให้เยอะมากๆ กินไม่หมด
แถมกินไม่ค่อยลงด้วยเพราะกลิ่นปลามันคาวมาก แบบช็อคไปเลย
อีกอย่างตอนนั้นมันมี homeless คอยมาจ้องๆมองๆด้วย
เมืองPortland มันปลอดภัยมากนะสำหรับเรา เพราะงี้ล่ะมั้ง เลยมีพวก homeless อยู่เยอะ เราอยู่คนเดียวเลยกลัวๆ รู้สึกอยากออกไปจากที่นี่จัง เลยทิ้งซูชิที่กินไม่ไหวแล้ว กับ roll ไป ตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า พยายามจะไปขึ้นป้ายที่โฮสบอกให้ได้ จนตอนนี้ก็งงว่าทำไมตอนนั้นไม่ใช้ google map หาทางกลับบ้านเองวะ จะพยายามไปป้ายที่โฮสบอกทำไม นั่นแหละก็เลยเดินหลงอยู่นานเลย ไปถึง china town บ้างไรบ้าง (china town ที่เพิ่งมารู้ที่หลังว่าเป็นดงhomeless เลยอะนะ) รวมๆแล้วเกือบสองชม.ที่หลง กว่าจะเจอป้ายบัสได้ ฮรือ ไม่เป็นไรมั้งวันแรกก็งี้แหละ (หรอ?)
พูดถึง google map นี่เปรียบเหมือน god เลยในการมาอยู่ต่างประเทศ บอกตามตรงถ้าไม่มีคือตาย
(หมายถึงเรานะ) มันโคตร helpful
ช่วงแรกๆเรากลับบ้านเร็วเพราะยังไม่ค่อยมีเพื่อน รู้สึกเหงาๆ กลับมาเล่นกับเด็กๆที่บ้านดีกว่า
อย่างวันนี้Camille กับ Christianก็ทำคัพเค้กกินกัน

ทำบราวนี่และไอติม

เล่น Puzzle
บ้านโฮสมี board game เยอะมาก Nicole บอกว่าเค้า
" ชอบให้ลูกเค้าเล่น board game instead of playing computer game "

มีวันนึง Nicole พาเรา Camille Christian ไปดูหนังเรื่อง incredible 2 ที่ห้าง Clackamas

บรรยากาศในโรงหนังก็คล้ายๆที่ไทย ก่อนหนังฉายจะมี ภาพยนตร์สั้นๆ ฉายก่อนประมาณ 10 นาที ตอนเราไปดูเป็น อนิเมชั่น สั้นๆ น่ารักดี
หรือไม่เราก็เดินเล่นแถวบ้าน
บ้านโฮสสำหรับเราคือทำเลดีมากอยู่ตรงถนน Division ฝั่ง southeast เป็นถนนที่มีร้านอาหารดังๆตั้งอยู่เดินจากบ้านโฮสไปแค่ 6 นาที อย่างร้านไอติม salt&straw และร้าน PokPok
ซึ่งก่อนหน้าที่จะมา นี่ก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับ Portland ก็เจอชื่อร้านสองร้านนี้ตลอด ไม่คิดเลยว่าบ้านโฮสที่เราอยู่จะใกล้ขนาดนี้
ร้าน salt&straw
มา Portland คงไม่มีใครไม่รู้จัก ร้านไอติมชื่อดังร้านนี้ ปกติคิวจะยาวมาก
ก่อนซื้อเราจะขอพนักงานชิมรสอื่นๆ แต่สุดท้ายก็กลับมาลงเอยที่รส seasalt&caramel ribbon ทุกครั้ง รสชาติมันน่าสนใจมาก มีความเค็มของเกลือนิดๆ พร้อมกับความหวานของคาราเมล มันทำให้เราอยากไปกินเรื่อยๆ

ปกติร้านนี้จะมีรส limited edition ไม่แน่ใจว่าเป็นแต่ละเดือนหรือวีค
และก็มีรส classics ที่มีตลอด
ร้าน Pok Pok

ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านชื่อดังของ Portland เป็นร้านส้มตำ
Chicken wings ( ชื่อเมนูเต็มๆคือ Ike's Vietnamese fish-sauce wings )
ซึ่งเป็นเมนูชื่อดังของที่นี่ เราชอบมากรู้สึกไม่เคยกินรสชาติแบบนี้ที่ไทย
ตอนเราไปเราสั่งน้ำตกเนื้อ เนื้อดีมากอร่อย chicken wings และส้มตำ
ราคาเราว่าก็ราคาร้านอาหารทั่วไป บางคนอาจจะบอกแพงไปนิด แต่เราว่าถ้าหารๆกันก็ไม่แย่

ปกติร้านนี้ คิวจะยาวเหมือนกัน ถ้าใครอยากจะสั่งแค่ chicken wings สามารถไปสั่งที่ร้านอาหารไทยตรงข้ามได้ ชื่อร้าน whisky and soda lounge เป็นร้านโปรดเราเลย คนไม่เยอะเท่า pok pok เหมาะสำหรับคนที่คิดถึงอาหารไทย เพราะเราว่าเค้าคุมรสชาติอาหารได้ใกล้เคียงอาหารไทยจริงๆมาก เวลาเราเบื่อๆเซ็งๆก็เดินเข้าร้านนี้เนี่ยแหละ
ซัมเมอร์ที่อเมริกาเมือง Portland รัฐ Oregon
ก็ไม่รอช้า ตัดสินใจไป Portland ที่เมกา เพราะอะไรน่ะหรอ เคยได้ยินเพื่อนพูดถึงเมืองนี้ เพื่อนเราก็ไม่เคยมาหรอก เค้าเคยไปแต่ Utah แต่เราเอง สะดุดที่ชื่อเมือง Portland
วันนั้นเลยนั่งหาข้อมูลคร่าวๆ
เฮ้ยเจ๋งกว่าที่คิด
เมืองอะไรมีพื้นที่สีเขียวก็เยอะ
คนก็รักสิ่งแวดล้อมชอบปั่นจักรยาน
เมืองของฮิปสเตอร์
เมืองที่ระบบขนส่งดีเป็นอันดับต้นๆของอเมริกา
เมืองที่เบียร์รสชาติดี๊ดี
ที่พูดมาทั้งหมดถามว่าเราสนใจอะไรในนี้หรอ เปล่าก็ไม่มี แค่ฟังรวมๆแล้วมันดูดีอะ
อ้อนึกออกได้อย่าง เมืองนี้ค่าครองชีพไม่แพง Taxก็0 % พอจะเอาเหตุผลนี้ไป present ขอตังแม่มาได้
แน่นอนว่าด้วยข้อมูลที่แน่นและเป๊ะขนาดนี้ คุณแม่ก็ไฟเขียว เราเลยรีบติดต่อ agency เตรียมตัวทำวีซ่า เตรียมกระเป๋า และรอเวลาจนกระทั่งถึงวันที่เราต้องลากกระเป๋าเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลกว่า 20 ชั่วโมง
และการเดินทางของเราก็เริ่มต้นขึ้น ณ สนามบินพอร์ตแลนด์ สหรัฐอเมริกา
วันแรกที่เดินทางมาถึงสนามบิน Portland สนามบินไม่ใหญ่ เดินหาทางออกแป้บเดียวก็เจอแล้ว
สายตาก็มองหาคนขับรถจาก Kaplan ชื่อ Rez ที่จะมารับ เห็นเค้าบอกจะยืนถือป้ายชื่อ Kaplan และชื่อเรา
ขณะที่ลงมารับกระเป๋า ก็มีเด็กผู้ชายคนนึงเดินมาถามว่า "Are you Alina? " ในใจก็คิดว่าใครวะ และนี่ไม่ได้ชื่อ Alinaไง เลยตอบไปว่า "No"
ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกๆ กลัวว่าจะมีคนมาหลอกอะไรเรารึป่าว และคนขับรถก็ไม่น่าจะเด็กขนาดนี้ไหม หันไปอีกทีเจอคนถือป้าย Kaplan พอดีเราเลยถามเค้าว่า
"Are you Rez? " เค้าก็ตอบใช่ เราเลยไปกับเค้า
แต่ก็แอบมองไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น เค้าก็ยังมองเราแบบงงๆ
เออเราก็งงเหมือนกัน
ระหว่างทางไปบ้านโฮสเราตื่นเต้นมากๆว่าจะได้เจอโฮสแบบไหน หน้าตายังไง บ้านเป็นยังไง มันไม่แปลกหรอกที่จะตื่นเต้น เพราะเราเชื่อว่าการมาซัมเมอร์ การมีโฮสที่ดีมันทำให้ชีวิตดีไปเกือบ 60% ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำตัวยังไง แต่บางคนก็บอกแค่ไม่มีปัญหากับโฮสก็พอละ อันนี้ก็แล้วแต่คนไป
พอไปถึงหน้าบ้าน คนขับก็ไปเคาะประตูบ้าน แต่ไม่มีใครตอบเลย
เหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่
โฮสและทุกคนในครอบครัวไปรับเราที่สนามบิน ......
ตอนนั้นก็งงว่าทำไมเค้าถึงไปรับเราล่ะ ทั้งที่เค้าน่าจะรู้ว่ามีรถจากโรงเรียนมารับเราอยู่แล้ว
สงสัยเค้าคงเข้าใจผิด แต่ลึกๆแล้วนี่ก็แอบกังวลว่ามันจะเสียเวลาโฮสไหม เค้าจะโกรธเราไหมเนี่ย หันไปถาม Rez เค้าก็บอกไม่รู้ทำไมถึงไปรับ เราเลยบอก "I am sorry" ที่ทำให้คุณต้องมาเสียเวลารอเป็นเพื่อนเรา และโฮสก็ต้องเสียเวลาขับรถกลับมา Rezก็บอก "It's not your false it's their false" พร้อมชี้ไปที่บ้านโฮส
เราก็อึ้งไปพักนึงอะ
พอโฮสมาถึงบ้าน ทุกคนก็รีบวิ่งมาหาเรา จับมือทักทาย ตอนนั้นก็โล่งไปหน่อยสีหน้าโฮสดูไม่ได้โกรธอะไร กลับยิ้มอย่าง friendly สักพักเรากวาดสายตาไปเจอเด็กผู้ชายคนนึงหน้าคุ้นๆ
อ้าวนี่มันเด็กที่มาถามเราที่สนามบินนี่นา
ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะ ว่าตอนที่มีคนมาถามว่าเราคือ Alina ใช่ไหม ความจริงคือลูกชายโฮสเอง
เราชื่อ Nalina ไง มันคล้ายๆกัน เราเลยตอบไม่ใช่
โฮสก็บอกว่าความจริงทำป้ายยินดีต้อนรับเราไว้ด้วย แต่ลืมหยิบไป ฮรือ
โฮสจะรู้ไหมน้าว่ามันคือ first impression สำหรับเราเลยนะเนี่ย
ที่เค้าตั้งใจจะไปรับเราที่สนามบิน
ครอบครัวโฮสมีกันอยู่5 คน host dadชื่อ Michael
host mom ชื่อ Nicole
มีลูก3 คน
คนโตชื่อ Crew อายุ 11
พอเข้าบ้านไป Nicole ก็รีบพาไปดูห้องนอนของเรา เป็นห้องที่เราดูแล้วค่อนข้างจะcomfortable ห้องเราอยู่ใกล้ห้องน้ำและห้องที่โฮสนอน ส่วนห้องเด็กๆอยู่ข้างบน ห้องนักเรียนอีกคนอยู่ใต้ดิน
พร้อมกับบอกว่าเวลาเปิดปิดประตูระวังเสียงดังหน่อยนะให้เอาผ้ามาขั้นไว้ แล้วให้ Christian สาธิตให้ดู
เสร็จแล้วก็แนะนำกฎต่างๆ ซึ่งมีไม่มากนัก ให้เราช่วยเหลือตัวเอง เช่น เวลากินข้าวเสร็จให้เอาจานมาล้างวางไว้ แล้วเราก็ถามว่า "How about dish washer ?" Michael ก็หันมาพอดีละบอกว่า "dish washer หรอ this guy haha" พร้อมทำท่าชี้ไปที่ตัวเอง เรื่องใช้เครื่องซักผ้า ถ้าเราอยากใช้เมื่อไหร่ก็บอก เดี๋ยวเค้าจะสอนให้ ส่วนเรื่องอาบน้ำก็ไม่ได้กำหนดเวลาอะไรแล้วแต่เรา เขาแค่แนะนำอาบวันละครั้งให้เราเลือกเช้าหรือเย็น ไม่เกิน15นาที เพราะที่บ้านมีสมาชิกเยอะที่ต้องใช้ห้องน้ำ ละก็แนะนำเรื่องการใช้ครัวว่าเราอยากกินไรหยิบได้เลยพร้อมอธิบายอาหารว่ามีไรบ้าง หรืออยากทำไรกินก็ได้หมด
ในขณะที่ Nicole กำลังอธิบาย ก็ได้ยินเสียง Michael เรียกว่าไปกินข้าวกันเถอะ
Nicole ก็บอก แต่ชั้นยังอธิบายอยู่เลยนะ Michael ก็ทำหน้าหง็อยๆละบอกว่า "but I am hungry"
ทุกคนเลยออกไปกินข้าว
ร้านอาหารไม่ไกลจากบ้าน เป็นร้านอาหารเมกัน เราก็มีการพูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น Michael ก็ถามเกี่ยวกับประเทศไทยว่ามาจากเมืองอะไร พอเราบอก Chonburi เค้าก็รีบ search map ในโทรศัพท์ว่าตรงนี้หรอ เราก็รู้สึกดีที่เออเค้าก็สนใจในบ้านเรานะ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เดินออกมานอกร้าน Christian หันมาถาม" Are you cold ? " เค้าคงเห็นเราทำท่ากอดแขนตัวเองอยู่ เราหันไปตอบว่า " yes " ตอนเราไปช่วงนั้นคือต้นเดือนมิถุนา อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ไม่หนาวเกินไป
พอกลับบ้าน เราก็เอาของที่เตรียมไว้มาให้โฮส
เป็นแท่นไม้สลักชื่อโฮส และสัญลักษณ์มังกร พ่อเราเป็นคนทำให้
Michael และ Nicole ก็ดูชอบ ทุกวันนี้แท่นนี้ถูกวางไว้ที่ในครัว
Michael ก็ถาม " รู้ได้ไงว่าชื่อ drake แปลว่า dragon "
เราก็บอกเราไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน แต่เราก็รู้สึกดีนะที่มันไปบังเอิญเหมือนกับชื่อเค้า
เรารีบอาบน้ำเข้านอน เพราะเกือบสามสี่ทุ่มแล้ว เหนื่อยจากการเดินทาง Nicole ก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ออกจากบ้านเจ็ดโมงนะจะพาไปส่งที่ Kaplan
เช้าวันแรก Nicole ก็พานั่งบัสไปโรงเรียน Kaplan ที่อยู่ใน Downtown ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางเขาก็อธิบายเส้นทางต่างๆ พร้อมบอกป้ายบัสที่ต้องขึ้นตอนที่จะกลับบ้าน
วันแรกหลังเลิกเรียนเราก็ไปเดินเล่นในเมืองนิดหน่อยไปหาข้าวกินที่ food truck เพราะได้ยินมาว่า food truck ที่นี่ดัง เราเลยไปลองสักหน่อย
จำได้เลยวันนั้นสั่ง roll อะไรสักอย่างร้านคนไทย กับ ซูชิ โหวเค้าให้เยอะมากๆ กินไม่หมด
แถมกินไม่ค่อยลงด้วยเพราะกลิ่นปลามันคาวมาก แบบช็อคไปเลย
อีกอย่างตอนนั้นมันมี homeless คอยมาจ้องๆมองๆด้วย
เมืองPortland มันปลอดภัยมากนะสำหรับเรา เพราะงี้ล่ะมั้ง เลยมีพวก homeless อยู่เยอะ เราอยู่คนเดียวเลยกลัวๆ รู้สึกอยากออกไปจากที่นี่จัง เลยทิ้งซูชิที่กินไม่ไหวแล้ว กับ roll ไป ตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า พยายามจะไปขึ้นป้ายที่โฮสบอกให้ได้ จนตอนนี้ก็งงว่าทำไมตอนนั้นไม่ใช้ google map หาทางกลับบ้านเองวะ จะพยายามไปป้ายที่โฮสบอกทำไม นั่นแหละก็เลยเดินหลงอยู่นานเลย ไปถึง china town บ้างไรบ้าง (china town ที่เพิ่งมารู้ที่หลังว่าเป็นดงhomeless เลยอะนะ) รวมๆแล้วเกือบสองชม.ที่หลง กว่าจะเจอป้ายบัสได้ ฮรือ ไม่เป็นไรมั้งวันแรกก็งี้แหละ (หรอ?)
พูดถึง google map นี่เปรียบเหมือน god เลยในการมาอยู่ต่างประเทศ บอกตามตรงถ้าไม่มีคือตาย
(หมายถึงเรานะ) มันโคตร helpful
ช่วงแรกๆเรากลับบ้านเร็วเพราะยังไม่ค่อยมีเพื่อน รู้สึกเหงาๆ กลับมาเล่นกับเด็กๆที่บ้านดีกว่า
อย่างวันนี้Camille กับ Christianก็ทำคัพเค้กกินกัน
ทำบราวนี่และไอติม
เล่น Puzzle
บ้านโฮสมี board game เยอะมาก Nicole บอกว่าเค้า
" ชอบให้ลูกเค้าเล่น board game instead of playing computer game "
มีวันนึง Nicole พาเรา Camille Christian ไปดูหนังเรื่อง incredible 2 ที่ห้าง Clackamas
บรรยากาศในโรงหนังก็คล้ายๆที่ไทย ก่อนหนังฉายจะมี ภาพยนตร์สั้นๆ ฉายก่อนประมาณ 10 นาที ตอนเราไปดูเป็น อนิเมชั่น สั้นๆ น่ารักดี
หรือไม่เราก็เดินเล่นแถวบ้าน
บ้านโฮสสำหรับเราคือทำเลดีมากอยู่ตรงถนน Division ฝั่ง southeast เป็นถนนที่มีร้านอาหารดังๆตั้งอยู่เดินจากบ้านโฮสไปแค่ 6 นาที อย่างร้านไอติม salt&straw และร้าน PokPok
ซึ่งก่อนหน้าที่จะมา นี่ก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับ Portland ก็เจอชื่อร้านสองร้านนี้ตลอด ไม่คิดเลยว่าบ้านโฮสที่เราอยู่จะใกล้ขนาดนี้
ร้าน salt&straw
มา Portland คงไม่มีใครไม่รู้จัก ร้านไอติมชื่อดังร้านนี้ ปกติคิวจะยาวมาก
ก่อนซื้อเราจะขอพนักงานชิมรสอื่นๆ แต่สุดท้ายก็กลับมาลงเอยที่รส seasalt&caramel ribbon ทุกครั้ง รสชาติมันน่าสนใจมาก มีความเค็มของเกลือนิดๆ พร้อมกับความหวานของคาราเมล มันทำให้เราอยากไปกินเรื่อยๆ
ปกติร้านนี้จะมีรส limited edition ไม่แน่ใจว่าเป็นแต่ละเดือนหรือวีค
และก็มีรส classics ที่มีตลอด
ร้าน Pok Pok
ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านชื่อดังของ Portland เป็นร้านส้มตำ
Chicken wings ( ชื่อเมนูเต็มๆคือ Ike's Vietnamese fish-sauce wings )
ซึ่งเป็นเมนูชื่อดังของที่นี่ เราชอบมากรู้สึกไม่เคยกินรสชาติแบบนี้ที่ไทย
ตอนเราไปเราสั่งน้ำตกเนื้อ เนื้อดีมากอร่อย chicken wings และส้มตำ
ราคาเราว่าก็ราคาร้านอาหารทั่วไป บางคนอาจจะบอกแพงไปนิด แต่เราว่าถ้าหารๆกันก็ไม่แย่
ปกติร้านนี้ คิวจะยาวเหมือนกัน ถ้าใครอยากจะสั่งแค่ chicken wings สามารถไปสั่งที่ร้านอาหารไทยตรงข้ามได้ ชื่อร้าน whisky and soda lounge เป็นร้านโปรดเราเลย คนไม่เยอะเท่า pok pok เหมาะสำหรับคนที่คิดถึงอาหารไทย เพราะเราว่าเค้าคุมรสชาติอาหารได้ใกล้เคียงอาหารไทยจริงๆมาก เวลาเราเบื่อๆเซ็งๆก็เดินเข้าร้านนี้เนี่ยแหละ