มีใครเห็นความผิดปกติ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับบทความนี้ครับ ?

---- อรรถกถา อธิบายคำศัพท์ที่ยาก ในขัอพระธรรมช่วงต่อไป

ในบทว่า อนุโลมิกาย ขนฺติยา ด้วยอนุโลมขันตินี้มีความดังนี้.
               ชื่อว่า อนุโลมิกะ เพราะวิปัสสนานั่นแหละย่อมอนุโลมโลกุตรมรรค ชื่อว่า อนุโลมิกา เพราะเพ่งถึงขันตินั่นแหละ.
               ชื่อว่า ขนฺติ เพราะสังขารทั้งปวงย่อมพอใจย่อมชอบใจแก่ภิกษุนั้นโดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ โดยเป็นอนัตตา.
               ขันตินั้นมี ๓ อย่าง คือ อย่างอ่อน ๑ อย่างกลาง ๑ อย่างกล้า ๑.
               ขันติมีการพิจารณาเป็นกลาปะ (กลุ่มก้อน) เป็นเบื้องต้น มีอุทยัพพยญาณเป็นที่สุด เป็นอนุโลมขันติอย่างอ่อน.
               ขันติมีการพิจารณาถึงความดับเป็นเบื้องต้น มีสังขารอุเบกขาญาณเป็นที่สุด ชื่อว่าอนุโลมขันติอย่างกลาง.
               ขันติเป็นอนุโลมญาณ (ปรีชาเป็นไปโดยสมควรแก่กำหนดรู้อริยสัจ) ชื่อว่าอนุโลมขันติอย่างกล้า.
=================

***********************

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของไม่เที่ยง
           ย่อมได้อนุโลมขันติ เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเที่ยง
           ย่อมย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นทุกข์
            ย่อมได้อนุโลมขันติ เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเป็นสุข
            ย่อมย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นโรค
            ...                           เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีฝี
               ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นดังลูกศร
               ... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีลูกศร ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความลำบาก
... เมื่อพิจารณาเห็นว่าความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีความลำบาก ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นอาพาธ
...เมื่อพิจารณาเห็นว่าความดับแห่งเบญจขันธ์ เป็นนิพพานไม่มีอาพาธ ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นอื่น ... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่ง
เบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีสิ่งอื่นเป็นปัจจัย ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของชำรุด
... เมื่อพิจารณาเห็นว่าความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีความชำรุดเป็นธรรมดา ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นเสนียด

...เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีเสนียด ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นอุบาทว์
... เมื่อพิจารณาเห็นว่าความดับแห่ง
เบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีอุบาทว์ ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็น
ภัย
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานอันไม่มีภัย ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นอุปสรรค
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความ
ดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีอุปสรรค ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของหวั่นไหว
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีความหวั่นไหว ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของผุพัง
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีความผุพัง ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของไม่ยั่งยืน
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานมีความยั่งยืน ...เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของไม่มีอะไรต้านทาน
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับ
แห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเป็นที่ต้านทาน ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความ
เป็นของไม่มีอะไรป้องกัน
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเป็นที่ป้องกัน ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของไม่มีที่พึ่ง
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเป็นที่พึ่ง ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของว่าง
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่ว่าง ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความ
เป็นของว่างเปล่า
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่เปล่า ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของสูญ
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานสูญอย่างยิ่ง ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นอนัตตา
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็น
โทษ
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานไม่มีโทษ ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของแปรปรวนเป็นธรรมดา
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานมีความไม่แปรปรวนเป็น
ธรรมดา ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของหาสาระมิได้
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานมีสาระ ...

=======================
อรรถกถา อธิบายข้อพระธรรม นี้
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=31&i=735

ในส่วนของพระธรรม ช่วงนี้

...
        
         อีกอย่างหนึ่ง การพิจารณาขันธ์ ๕ เป็นอันเดียวกัน เพราะปรากฏคำในอรรถกถาว่า ด้วยการประหารครั้งเดียว ขันธ์ ๕ ก็ออกไปดังนี้ ย่อมควรทีเดียว.
         บทว่า ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิจฺจํ นิพฺพานนฺติ ปสฺสนฺโต เมื่อพิจารณาเห็นว่าความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเที่ยง คือเมื่อพิจารณาเห็นว่า นิพพานเที่ยงด้วยอำนาจแห่งญาณอันเป็นทางสงบ ในกาลแห่งวิปัสสนาตามที่กล่าวแล้วในอาทีนวญาณนิเทศ.
         บทว่า สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ ย่อมหยั่งลงสู่สัมมัตตนิยาม คือย่อมหยั่งลงในขณะแห่งมรรค ก็ชื่อว่าหยั่งลงในขณะแห่งผลด้วย ในปริยายแห่งการหยั่งลงในนิยามทั้งหมดก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
         บทว่า อาโรคยํ คือ ความไม่มีโรค.
         บทว่า วิสลฺลํ คือ ปราศจากลูกศร.
         ในบทเช่นนี้ก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
         บทว่า อนาพาธํ คือ ปราศจากอาพาธ หรือเป็นปฏิปักษ์ต่ออาพาธ.
         ในบทเช่นนี้ก็นัยนี้.
         บทว่า อปรปจฺจยํ คือ ปราศจากปัจจัยอื่น. อาจารย์บางพวกกล่าวประกอบกันว่า อุปสฺสคฺคโตติ จ อนุปสฺสคฺคนฺติ จ เห็นขันธ์ ๕ โดยมีอุปสรรคและนิพพานไม่มีอุปสรรค.
         บทว่า ปรมสุญฺญํ สูญอย่างยิ่ง ชื่อว่าสูญอย่างยิ่ง เพราะสูญจากสังขารทั้งหมด และเพราะสูญอย่างสูงสุด.
         บทว่า ปรมตฺถํ มีประโยชน์อย่างสูงสุด เพราะเป็นของเลิศกว่าสังขตะและอสังขตะ เป็นนปุงสกลิงค์เพราะลิงควิปลาส.
         ท่านไม่กล่าวปริยายโดยอนุโลมในสองบทนี้ เพราะนิพพานเป็นของสูญและเพราะเป็นอนัตตา.
    ผมมีความเห็นตามพระธรรม
                                    และตามคำอธิบายของอรรถกถาจารย์ ครับ
ว่า

         *****
    เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นของสูญ
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานสูญอย่างยิ่ง ...

เมื่อพิจารณาเห็นเบญจขันธ์โดยความเป็นอนัตตา
... เมื่อพิจารณาเห็นว่า ความดับแห่งเบญจขันธ์เป็นนิพพานเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง  

*****



     ======
        บทว่า ปรมสุญฺญํ สูญอย่างยิ่ง ชื่อว่าสูญอย่างยิ่ง เพราะสูญจากสังขารทั้งหมด และเพราะสูญอย่างสูงสุด.
         บทว่า ปรมตฺถํ มีประโยชน์อย่างสูงสุด เพราะเป็นของเลิศกว่าสังขตะและอสังขตะ เป็นนปุงสกลิงค์เพราะลิงควิปลาส.
         ท่านไม่กล่าวปริยายโดยอนุโลมในสองบทนี้ เพราะนิพพานเป็นของสูญและเพราะเป็นอนัตตา.
=========


ท่านสมาชิกท่านอื่นเห็นว่ามันขัดแย้งกันไหมครับ ในบรรทัดท้ายสุด ?


บอกสรรพคุณของนิพพานมาซะจนยึดยาว ว่าดีไปหมด พอสรูปท้ายสุด กลับบอกว่า

"ท่านไม่กล่าวปริยายโดยอนุโลมในสองบทนี้ เพราะนิพพานเป็นของสูญและเพราะเป็นอนัตตา."
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่