๑
แก่นธรรมสู่ร่มผ้ากาสายะ
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีปกติตรัสสอนอย่างนี้
“ท่านขอรับ ไม่ต้องขยายพระธรรมเทศนายิ่งขึ้นไป เพียงเท่านี้ก็พอ พระศาสดาของเราประทับอยู่ที่ใด”
“ประทับอยู่ในพระเวฬุวัน”
“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านโปรดล่วงหน้าไปก่อนเถิด ข้าพเจ้ามีเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ให้สัญญากันไว้ว่า “ถ้าใครบรรลุอมตธรรมก่อน ต้องบอกเพื่อนด้วย” ข้าพเจ้าขอกลับไปบอกเพื่อนตามคำสัญญา แล้วจะพาเขาไป
สำนักพระศาสดาด้วยกัน”
จากนั้นได้หมอบลงแทบเท้าทั้ง ๒ ของพระเถระกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ทำประทักษิณ ๓ รอบ ส่งพระเถระไปแล้ว
“บัว อะไรว่ะ ฟังแค่เนี้ยะ บรรลุธรรมแล้ว”
“เฮ้ย ! ท่านไม่โง่อย่างเรา ๒ คนน่ะ” บัวตอบแล้วขยายความต่อว่า “ที่บรรลุน่ะผลที่หนึ่ง คือ โสดาปัตติผล”
“เออ ๆ รู้แล้ว บัวช่วยท่องคาถานี้ให้เพชรฟังสัก ๑o เที่ยวซิ เผื่อเพชรจะบรรลุโสดา ๑o ครั้ง”
“สำหรับเพชรน่ะ โซดา ๑o ขวดมากกว่า” บัวตอบพร้อมขยับผ้าแพรคลุมที่อก
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา
เตสํ เหตํ ตถาคโต อาห
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ
เอวํ วาที มหาสมโณติ ฯ
“บัวบ้า หยุด ๆ ๆ ท่องอะไร หยุด !”
“เอ๊า ยังไม่ครบ ๑o คาบเลย จะให้หยุดแล้ว ก็เพชรให้ท่อง ๑o เที่ยวไง จะได้บรรลุโสดา ๑o ครั้ง พอบัวท่องเข้าจริงก็บอกให้หยุด” สลัดผ้าห่มลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเพชร ถลึงตาใส่แต่แววตานั้นระบายยิ้ม
เพชรขยับหัวขึ้นไปพาดบนตักบัว ยิ้มให้เป็นเชิงง้อ
บัวยกหัวเพชรพร้อมถอยออก ล้มตัวลงนอนหันหลังให้
“เล่าต่อซิไม่ขัดคอแล้ว น่ะ ๆ” เขย่าแขนบัวแล้วถามว่า “เยธัมมา...คืออะไร ทำไมต้องเรียกเป็นคาบด้วย
บอกดิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซักผ้าให้”
บัวหันหลังกลับ “จริงนะ”
“จริงดิ” ยิ้มตอบ
“เยธัมมา..คือคาถาที่เป็นภาษาบาลีแปลแล้วก็ได้ความว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ... ๑o คาบก็คือ ๑o เที่ยวหรือ ๑o ครั้งนั้นแหละ คนโบราณใช้คำว่าคาบกับคาถา”
“บัว ๆ คาถา เยธัมมา ... เนี่ย ใช่คาถาเดียวกับที่พวกทวารวดีชอบจารึกไว้มั้ย”
“เออ ใช่”
“ออกมาทำไมล่ะ เดี๋ยวเพชรซักเอง เมื่อคืนสัญญาแล้ว”
“บัวช่วยซักน้ำเปล่าเอง” หันไปตักน้ำใส่กะละมังจนเต็มแล้วหยิบผ้ามาซัก นิ้วมือเรียวยาวขยี้ผ้าในน้ำเปล่ายกผ้าขึ้นลงส่ายไปมา
“ท่านชื่ออุปติสสะ อาจารย์ท่านคือพระอัสสชิ ถูกมะ” เพชรถาม ขณะที่มือทั้งสองขยี้ผ้าไปด้วย “เออใช่พระอัสสชิหนึ่งในปัญจวัคคีย์มั้ย บัวเล่าต่อซิ เพชรจะฟังเดี๋ยวนี้เลย”
เพลาเช้า อุปติสสะไปยังอารามของปริพาชก พบพระอัสสชิเถระเดินบิณฑบาตสู่ละแวกบ้าน
ด้วยอาการสงบสำรวม ผิวพรรณอิ่มเอิบผุดผ่อง ภิกษุรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในโลกเป็นแน่ เราควรเข้าไปสอบถามดู แต่ก็คิดได้ว่าท่านยังบิณฑบาตอยู่ มิใช่กาลอันควรจะเข้าไปไต่ถาม จำจะเดินตามไปห่าง ๆ ก่อน
เมื่อพระเถระรับบิณฑบาตพอแก่ความต้องการแล้ว ดำเนินสู่โคนไม้เพื่อฉันภัตนั้น เขาจึงจัดตั่งของตนถวายให้นั่ง ท่านฉันเสร็จก็ได้ถวายน้ำในคณโฑของตนแด่พระเถระ ครั้นชำระบาตรแล้วจึงนมัสการถามท่านว่า
“ท่านผู้เจริญ อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก ผิวพรรณบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านบวชอุทิศใคร ใครเป็นศาสดา
ของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร โปรดตอบข้าพเจ้าทราบด้วย”
พระเถระคิดว่า “ธรรมดาปริพาชกเหล่านี้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระศาสนา เราจักแสดงธรรมลึกซึ้งแก่ปริพาชกนี้”
ความที่ตนบวชใหม่จึงกล่าวว่า “ผู้มีอายุ เราเป็นผู้บวชใหม่มาสู่ธรรมวินัยนี้ไม่นาน เราไม่สามารถแสดงธรรมโดยพิสดารได้”
“ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้านามอุปติสสะ ขอพระผู้เป็นเจ้ากล่าวตามสามารถเถิด จะน้อยหรือมากก็ตาม ข้าพเจ้าจะพิจารณาเอง”
บัวสาธยายเรื่องแต่หนหลัง บรรจบความที่พระอัสสชิแสดงธรรมแก่อุปติสสะ ที่เล่าให้เพชรฟังก่อนนอนเมื่อคืนนี้
ดวงตาที่เหม่อมองเพชร เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางได้รูปปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ รับกับใบหน้ารูปไข่ที่เคลิ้มฝัน เป็นภาพที่ตรึงใจชวนพิศวงยิ่งนัก
“บัว ๆ เป็นไรหรือ” เพชรจับมือเขย่าแรง ๆ
“เล่าต่อสิเพื่อน”
“ไม่อยากเล่าแล้ว”
“ถามจริงเป็นไร”
“เพชรไม่เข้าใจบัวหรอก” พลางลุกจากเก้าอี้เตี้ยที่นั่งซักผ้า เดินกลับเข้าห้องไป
เพชรรู้นิสัยบัวดีจึงปล่อยเพื่อนไป รีบซักผ้าจนเสร็จทั้งหมด ตากเรียบร้อยจึงตามไปดูเพื่อน
เพชรเปิดประตูเข้าไปเห็นบัวนั่งสมาธิอยู่ จึงออกมาถูพื้นเรือนจนเสร็จนั่งรอบัวรับประทานอาหาร
“เพชรไปวาดรูปให้เสร็จเถอะ บัวเก็บล้างเอง บัววาดรูปเสร็จแล้ว”
เพชรเดินเข้าห้องเปิดไฟหยิบกระดานสเก็ต ปากการอทติ้ง นั่งบนพื้นหลังพิงเตียงนอนชันเข่าทั้งสองรองรับกระดานสเก็ต ใช้ปากการอทติ้งเขียนอักษร Dog ตัวขนาดจิ๋วๆ ทับซ้อนกันลงไปบนกระดาษ ๑oo ปอนด์ จนเกิดแสงและเงาเป็นภาพสุนัข ๒ ตัว
“ไหนดูหน่อยซิ สวยจัง” บัวหยิบกระดานสเก็ตไปวางพิงผนังห้องด้านตรงข้าม นั่งลงข้างเพชรมองดูภาพสุนัขอย่างพิเคราะห์ เพชรเหยียดขาบิดขี้เกียจมองภาพวาดฝีมือตนเอง
“บัวว่าจะต้องเพิ่มน้ำหนักตรงไหนอีก”
บัวขยับตัวเข้าใกล้ ๆ มองภาพอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็หยิบกระดานส่งให้เพชร ชี้นิ้วไปยังส่วนต่าง ๆ ของภาพที่ต้องเพิ่มน้ำหนัก
เพชรตกแต่งน้ำหนักของภาพตามที่บัวแนะนำจนเสร็จ ยื่นให้บัวดูอีกครั้ง ส่งปากกาที่ถืออยู่ให้บัว บัวรับไว้อย่างงง ๆ
“ถ้าถูกใจไม่มีที่ติ ก็เขียน Dog คำสุดท้ายให้ด้วย”
“บอกเหตุผลก่อน”
“ไม่มี”
“ถ้างั้นก็ ไม่เขียน”
“ไปอาบน้ำก่อน บัวเอาเสื้อผ้าลงมาให้แล้ว แขวนอยู่ในห้องน้ำ”
“ครับไอ้คุณบัว ถ้าไม่เขียนโกรธจริง ๆ ด้วย” เพชรกำชับก่อนไป
เพชรอาบน้ำเสร็จแล้วกลับเข้ามาเห็นบัวนั่งไหว้พระอยู่ในมุ้ง แหวกมุ้งมุดตัวเข้าไปแล้วเอามือจับชายมุ้งยัดลงใต้ที่นอนตามเดิม คลานไปด้านที่ตนเคยนอนนั่งคุกเข่าพนมมือปากขมุบขมิบแล้วกราบที่หมอน ๕ ครั้ง มองบัวที่ก้มตัวลงกราบครั้งสุดท้าย
“บัวเล่าเรื่องพระสารีบุตรต่อนะ อยากฟังแล้ว”
หลังส่งพระเถระไปแล้ว อุปติสสะเดินทางไปอารามปริพาชก โกลิตะเห็นเขามาแต่ไกล คิดว่า
“วันนี้สหายเรามีสีหน้าเอิบอิ่มไม่เหมือนวันอื่น ๆ เขาคงได้บรรลุอมตธรรม แน่แท้” จึงถามถึงการบรรลุธรรม อุปติสสะก็รับว่า
“เราบรรลุอมตธรรมแล้ว” จึงได้กล่าวภาษิตคาถานั้นแก่โกลิตะ
เมื่อกล่าวคาถาจบ โกลิตะก็บรรลุโสดาปัตติผลแล้วถามสหายว่า “พระศาสดาของเราประทับอยู่ที่ใด”
“ประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน พระอัสสชิเถระบอกเราไว้เช่นนั้น”
“เราไปเฝ้าพระศาสดากันเถิด” โกลิตะชวน
อุปติสสะเป็นผู้เคารพอาจารย์ จึงชวนสหายไปพบอาจารย์สญชัยก่อน เพื่อจะกล่าวธรรมที่ตนฟังมาให้อาจารย์สญชัยฟัง ถ้าเข้าใจก็จักบรรลุอมตธรรม หากไม่เข้าใจธรรมเชื่อเรา ๒ คน ไปเฝ้าพระศาสดาสดับพระธรรมเทศนาก็จักบรรลุอมตธรรมแน่
คู่อัครสาวก(เล่าผ่านตัวละคร)
แก่นธรรมสู่ร่มผ้ากาสายะ
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีปกติตรัสสอนอย่างนี้
“ท่านขอรับ ไม่ต้องขยายพระธรรมเทศนายิ่งขึ้นไป เพียงเท่านี้ก็พอ พระศาสดาของเราประทับอยู่ที่ใด”
“ประทับอยู่ในพระเวฬุวัน”
“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านโปรดล่วงหน้าไปก่อนเถิด ข้าพเจ้ามีเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ให้สัญญากันไว้ว่า “ถ้าใครบรรลุอมตธรรมก่อน ต้องบอกเพื่อนด้วย” ข้าพเจ้าขอกลับไปบอกเพื่อนตามคำสัญญา แล้วจะพาเขาไป
สำนักพระศาสดาด้วยกัน”
จากนั้นได้หมอบลงแทบเท้าทั้ง ๒ ของพระเถระกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ทำประทักษิณ ๓ รอบ ส่งพระเถระไปแล้ว
“บัว อะไรว่ะ ฟังแค่เนี้ยะ บรรลุธรรมแล้ว”
“เฮ้ย ! ท่านไม่โง่อย่างเรา ๒ คนน่ะ” บัวตอบแล้วขยายความต่อว่า “ที่บรรลุน่ะผลที่หนึ่ง คือ โสดาปัตติผล”
“เออ ๆ รู้แล้ว บัวช่วยท่องคาถานี้ให้เพชรฟังสัก ๑o เที่ยวซิ เผื่อเพชรจะบรรลุโสดา ๑o ครั้ง”
“สำหรับเพชรน่ะ โซดา ๑o ขวดมากกว่า” บัวตอบพร้อมขยับผ้าแพรคลุมที่อก
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา
เตสํ เหตํ ตถาคโต อาห
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ
เอวํ วาที มหาสมโณติ ฯ
“บัวบ้า หยุด ๆ ๆ ท่องอะไร หยุด !”
“เอ๊า ยังไม่ครบ ๑o คาบเลย จะให้หยุดแล้ว ก็เพชรให้ท่อง ๑o เที่ยวไง จะได้บรรลุโสดา ๑o ครั้ง พอบัวท่องเข้าจริงก็บอกให้หยุด” สลัดผ้าห่มลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเพชร ถลึงตาใส่แต่แววตานั้นระบายยิ้ม
เพชรขยับหัวขึ้นไปพาดบนตักบัว ยิ้มให้เป็นเชิงง้อ
บัวยกหัวเพชรพร้อมถอยออก ล้มตัวลงนอนหันหลังให้
“เล่าต่อซิไม่ขัดคอแล้ว น่ะ ๆ” เขย่าแขนบัวแล้วถามว่า “เยธัมมา...คืออะไร ทำไมต้องเรียกเป็นคาบด้วย
บอกดิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซักผ้าให้”
บัวหันหลังกลับ “จริงนะ”
“จริงดิ” ยิ้มตอบ
“เยธัมมา..คือคาถาที่เป็นภาษาบาลีแปลแล้วก็ได้ความว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ... ๑o คาบก็คือ ๑o เที่ยวหรือ ๑o ครั้งนั้นแหละ คนโบราณใช้คำว่าคาบกับคาถา”
“บัว ๆ คาถา เยธัมมา ... เนี่ย ใช่คาถาเดียวกับที่พวกทวารวดีชอบจารึกไว้มั้ย”
“เออ ใช่”
“ออกมาทำไมล่ะ เดี๋ยวเพชรซักเอง เมื่อคืนสัญญาแล้ว”
“บัวช่วยซักน้ำเปล่าเอง” หันไปตักน้ำใส่กะละมังจนเต็มแล้วหยิบผ้ามาซัก นิ้วมือเรียวยาวขยี้ผ้าในน้ำเปล่ายกผ้าขึ้นลงส่ายไปมา
“ท่านชื่ออุปติสสะ อาจารย์ท่านคือพระอัสสชิ ถูกมะ” เพชรถาม ขณะที่มือทั้งสองขยี้ผ้าไปด้วย “เออใช่พระอัสสชิหนึ่งในปัญจวัคคีย์มั้ย บัวเล่าต่อซิ เพชรจะฟังเดี๋ยวนี้เลย”
เพลาเช้า อุปติสสะไปยังอารามของปริพาชก พบพระอัสสชิเถระเดินบิณฑบาตสู่ละแวกบ้าน
ด้วยอาการสงบสำรวม ผิวพรรณอิ่มเอิบผุดผ่อง ภิกษุรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในโลกเป็นแน่ เราควรเข้าไปสอบถามดู แต่ก็คิดได้ว่าท่านยังบิณฑบาตอยู่ มิใช่กาลอันควรจะเข้าไปไต่ถาม จำจะเดินตามไปห่าง ๆ ก่อน
เมื่อพระเถระรับบิณฑบาตพอแก่ความต้องการแล้ว ดำเนินสู่โคนไม้เพื่อฉันภัตนั้น เขาจึงจัดตั่งของตนถวายให้นั่ง ท่านฉันเสร็จก็ได้ถวายน้ำในคณโฑของตนแด่พระเถระ ครั้นชำระบาตรแล้วจึงนมัสการถามท่านว่า
“ท่านผู้เจริญ อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก ผิวพรรณบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านบวชอุทิศใคร ใครเป็นศาสดา
ของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร โปรดตอบข้าพเจ้าทราบด้วย”
พระเถระคิดว่า “ธรรมดาปริพาชกเหล่านี้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระศาสนา เราจักแสดงธรรมลึกซึ้งแก่ปริพาชกนี้”
ความที่ตนบวชใหม่จึงกล่าวว่า “ผู้มีอายุ เราเป็นผู้บวชใหม่มาสู่ธรรมวินัยนี้ไม่นาน เราไม่สามารถแสดงธรรมโดยพิสดารได้”
“ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้านามอุปติสสะ ขอพระผู้เป็นเจ้ากล่าวตามสามารถเถิด จะน้อยหรือมากก็ตาม ข้าพเจ้าจะพิจารณาเอง”
บัวสาธยายเรื่องแต่หนหลัง บรรจบความที่พระอัสสชิแสดงธรรมแก่อุปติสสะ ที่เล่าให้เพชรฟังก่อนนอนเมื่อคืนนี้
ดวงตาที่เหม่อมองเพชร เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางได้รูปปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ รับกับใบหน้ารูปไข่ที่เคลิ้มฝัน เป็นภาพที่ตรึงใจชวนพิศวงยิ่งนัก
“บัว ๆ เป็นไรหรือ” เพชรจับมือเขย่าแรง ๆ
“เล่าต่อสิเพื่อน”
“ไม่อยากเล่าแล้ว”
“ถามจริงเป็นไร”
“เพชรไม่เข้าใจบัวหรอก” พลางลุกจากเก้าอี้เตี้ยที่นั่งซักผ้า เดินกลับเข้าห้องไป
เพชรรู้นิสัยบัวดีจึงปล่อยเพื่อนไป รีบซักผ้าจนเสร็จทั้งหมด ตากเรียบร้อยจึงตามไปดูเพื่อน
เพชรเปิดประตูเข้าไปเห็นบัวนั่งสมาธิอยู่ จึงออกมาถูพื้นเรือนจนเสร็จนั่งรอบัวรับประทานอาหาร
“เพชรไปวาดรูปให้เสร็จเถอะ บัวเก็บล้างเอง บัววาดรูปเสร็จแล้ว”
เพชรเดินเข้าห้องเปิดไฟหยิบกระดานสเก็ต ปากการอทติ้ง นั่งบนพื้นหลังพิงเตียงนอนชันเข่าทั้งสองรองรับกระดานสเก็ต ใช้ปากการอทติ้งเขียนอักษร Dog ตัวขนาดจิ๋วๆ ทับซ้อนกันลงไปบนกระดาษ ๑oo ปอนด์ จนเกิดแสงและเงาเป็นภาพสุนัข ๒ ตัว
“ไหนดูหน่อยซิ สวยจัง” บัวหยิบกระดานสเก็ตไปวางพิงผนังห้องด้านตรงข้าม นั่งลงข้างเพชรมองดูภาพสุนัขอย่างพิเคราะห์ เพชรเหยียดขาบิดขี้เกียจมองภาพวาดฝีมือตนเอง
“บัวว่าจะต้องเพิ่มน้ำหนักตรงไหนอีก”
บัวขยับตัวเข้าใกล้ ๆ มองภาพอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็หยิบกระดานส่งให้เพชร ชี้นิ้วไปยังส่วนต่าง ๆ ของภาพที่ต้องเพิ่มน้ำหนัก
เพชรตกแต่งน้ำหนักของภาพตามที่บัวแนะนำจนเสร็จ ยื่นให้บัวดูอีกครั้ง ส่งปากกาที่ถืออยู่ให้บัว บัวรับไว้อย่างงง ๆ
“ถ้าถูกใจไม่มีที่ติ ก็เขียน Dog คำสุดท้ายให้ด้วย”
“บอกเหตุผลก่อน”
“ไม่มี”
“ถ้างั้นก็ ไม่เขียน”
“ไปอาบน้ำก่อน บัวเอาเสื้อผ้าลงมาให้แล้ว แขวนอยู่ในห้องน้ำ”
“ครับไอ้คุณบัว ถ้าไม่เขียนโกรธจริง ๆ ด้วย” เพชรกำชับก่อนไป
เพชรอาบน้ำเสร็จแล้วกลับเข้ามาเห็นบัวนั่งไหว้พระอยู่ในมุ้ง แหวกมุ้งมุดตัวเข้าไปแล้วเอามือจับชายมุ้งยัดลงใต้ที่นอนตามเดิม คลานไปด้านที่ตนเคยนอนนั่งคุกเข่าพนมมือปากขมุบขมิบแล้วกราบที่หมอน ๕ ครั้ง มองบัวที่ก้มตัวลงกราบครั้งสุดท้าย
“บัวเล่าเรื่องพระสารีบุตรต่อนะ อยากฟังแล้ว”
หลังส่งพระเถระไปแล้ว อุปติสสะเดินทางไปอารามปริพาชก โกลิตะเห็นเขามาแต่ไกล คิดว่า
“วันนี้สหายเรามีสีหน้าเอิบอิ่มไม่เหมือนวันอื่น ๆ เขาคงได้บรรลุอมตธรรม แน่แท้” จึงถามถึงการบรรลุธรรม อุปติสสะก็รับว่า
“เราบรรลุอมตธรรมแล้ว” จึงได้กล่าวภาษิตคาถานั้นแก่โกลิตะ
เมื่อกล่าวคาถาจบ โกลิตะก็บรรลุโสดาปัตติผลแล้วถามสหายว่า “พระศาสดาของเราประทับอยู่ที่ใด”
“ประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน พระอัสสชิเถระบอกเราไว้เช่นนั้น”
“เราไปเฝ้าพระศาสดากันเถิด” โกลิตะชวน
อุปติสสะเป็นผู้เคารพอาจารย์ จึงชวนสหายไปพบอาจารย์สญชัยก่อน เพื่อจะกล่าวธรรมที่ตนฟังมาให้อาจารย์สญชัยฟัง ถ้าเข้าใจก็จักบรรลุอมตธรรม หากไม่เข้าใจธรรมเชื่อเรา ๒ คน ไปเฝ้าพระศาสดาสดับพระธรรมเทศนาก็จักบรรลุอมตธรรมแน่