
The Gulf of Thailand stinks? อ่าวไทยเน่าแล้ว? ... 12/8/2561
https://pantip.com/topic/37950107
ไปอ่านบทความนี้ครับ ใครเห็นด้วยไหมครับว่าอ่าวไทยเน่าแล้ว และจะช่วยกันอย่างไร?
.. สรายุทธ อาทิตย์ 12/8/2561
Cr: Phichai Ratnatilaka Na Bhuket
https://www.facebook.com/thaitribune1/photos/a.208103229396861.1073741832.177444735796044/863523920521452/?type=3&theater
9 สิงหาคม 2561 -อ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
"เมื่ออ่าวไทยตอนในกำลังเน่า
ภาพที่เพื่อนธรณ์เห็นอยู่นี้ เป็นภาพที่ส่งมาจากท่านคณบดีคณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ รศ.ดร.เชษฐพงษ์ เมฆสัมพันธ์
นอกจากเป็นคณบดี ท่านยังเป็นประธานคณะทำงานด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ภายใต้คณะกรรมการทะเลแห่งชาติ
ภาพดังกล่าวได้มาจากการลงสำรวจทะเลอ่าวไทยตอนใน หรืออ่าวไทยรูปตัวก.
ท่านขับเรือสำรวจตั้งแต่สัตหีบไล่มาจนถึงศรีราชา น้ำทะเลเป็นสีเขียวปี๋ขุ่นคลั่ก
ขับเรือเรื่อยต่อมาทางปากแม่น้ำบางปะกง น้ำทะเลเป็นสีแดงคล้ำจนเหมือนสีดำ
ท่านวกมาสำรวจตามชายฝั่ง ปลาตาย คลื่นสีเขียวสาดซัดเข้าฝั่ง ยังพาขยะพลาสติกเข้ามา
จากนั้นท่านจึงบอกผมว่า ธรณ์...ช่วยหน่อย
ช่วยบอกกับคนไทยหน่อยว่า เรากำลังอยู่ในสถานการณ์แสนสาหัส
อ่าวไทยตอนในกำลังเน่าอย่างรุนแรง
เมื่อดูภาพดังกล่าว ประกอบกับข่าวที่เราได้ยินตลอด 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นข่าวน้ำเสียที่พัทยา น้ำดำที่บางแสน ฯลฯ
เป็นภาพที่สอดคล้องกัน ภาพที่แสดงว่าทะเลอ่าวไทยตอนในกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก
ปัญหาดังกล่าวคือน้ำเปลี่ยนสี (ขี้ปลาวาฬ)
น้ำเปลี่ยนสีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นเป็นระยะในช่วงหน้าฝน รวมถึงปลายฝนต้นหนาว
น้ำเปลี่ยนสีเกิดจากคุณภาพน้ำผิดปรกติ มีธาตุอาหารสูงมาก
แพลงก์ตอนพืชมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง และทำให้สัตว์น้ำหน้าดินตาย
หรือบางครั้งหากหนักมาก จะทำให้ปลาตายเนื่องจากในน้ำขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง
น้ำจากสัตหีบถึงสีชังเป็นสีเขียวขุ่น เพราะแพลงก์ตอนพืชกลุ่มหนึ่ง
น้ำจากบางแสนเรื่อยมาถึงปากน้ำบางปะกงเป็นสีดำ เพราะแพลงก์ตอนพืชอีกกลุ่มหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะสีไหน สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังบอกเราว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ในอดีตเคยเกิดในบางพื้นที่และเป็นช่วงสั้นๆ ความรุนแรงไม่มากมายนัก
ปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปและเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทะเลเปลี่ยนสีแทบทั้งอ่าวไทยตอนใน น้ำเต็มไปด้วยแพลงก์ตอน จนปลาตายแล้วถูกซัดขึ้นมาบนหาด ตรงนั้นตรงนี้สลับกันไป
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความรุนแรงของน้ำเปลี่ยนสีมีมากขึ้นและมากขึ้น
เหตุผลสำคัญคือการพัฒนาที่ควบคุมไม่ได้ ระเบียบกติกาที่ไม่สามารถบังคับใช้ ทำให้สิ่งที่ลงมากับแม่น้ำลำคลองทำลายสมดุลแห่งท้องสมุทร
ธาตุอาหารที่มาจากปุ๋ยเคมีภาคการเกษตร
น้ำที่ปราศจากการบำบัดจากแหล่งชุมชน
การปล่อยน้ำเสียลงตรงๆ จากแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและแออัด
การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ตัวกรองตั้งแต่ต้นน้ำหายไป
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดน้ำท่วมน้ำหลาก พัดพาของเสียลงสู่ทะเล
ของเสียในที่นี้ ยังหมายถึงขยะบนบกที่ลงสู่ทะเลทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วมใหญ่
เพราะระบบการจัดการขยะของเราไม่สมบูรณ์ การกลบฝังขยะจำนวนมากกลายเป็นภูเขาขยะ
ยังมีเหตุผลอีกมากมาย แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือเราจะต้องเจอกับปัญหามากขึ้นและมากขึ้น โดยผมยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด
มันเป็นสภาพที่เราต้องเผชิญ ในระหว่างที่เรากำลังพยายามทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น
จริงอยู่ บางอย่างเราอาจแก้ได้ในบางพื้นที่
ปิดเกาะ-ฟื้นฟูปะการัง-ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว-จัดระบบบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวทางทะเล ฯลฯ
แต่หากเป็นน้ำเสีย/ขยะทะเล เราทำเช่นนั้นไม่ได้
ทะเลเป็นปลายน้ำ เป็นจุดสุดท้ายที่รองรับทุกอย่างจากแผ่นดิน
โดยเฉพาะอ่าวไทยตอนใน อ่าวประวัติศาสตร์ อ่าวสยาม
เป็นที่รองรับทุกอย่างจากแม่น้ำสำคัญที่สุดในประเทศ 4 สาย (บางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง)
เป็นชายฝั่งที่มีคนอาศัยมากที่สุด มีเมืองท่องเที่ยวทางทะเลขนาดใหญ่ที่สุด มีท่าเรือใหญ่สุด และมีการพัฒนาในทุกด้าน
ยังเป็นทะเลที่อยู่ติดกับพื้นที่แห่งความหวัง EEC
แต่ถ้าทะเลอ่าวไทยตอนในตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ขณะที่ EEC กำลังจะเกิด
ผมบอกได้ว่าในแง่สิ่งแวดล้อมทางทะเล เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เราเริ่มจากติดลบ
ติดลบอย่างไร ? ลองดูภาพเหล่านั้นอีกครั้ง
ผมไม่ได้ต้องการเขียนเรื่องนี้เพื่อกล่าวโทษคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะผมไม่รู้จะโทษใคร
ผมเพียงต้องการจะบอกว่า เราลำบากแน่และลำบากมากๆ
เพราะผมเชื่อว่าปัญหาจะหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อย
มากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการพัฒนาชายฝั่ง
และมากขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ที่นับวันจะรุนแรงและคาดเดาได้ยาก
ผลกระทบจากน้ำเปลี่ยนสีตลอดชายฝั่ง ทำให้ความหวังหลายอย่างเป็นไปแทบไม่ได้
เราจะมีนักท่องเที่ยวที่ยินดีจ่ายเงินในอัตราสูงได้อย่างไร หากน้ำทะเลเราเน่าจนไม่มีใครอยากลงเล่น...หรือแม้แต่ดู
เราจะพัฒนาอาหารทะเลมูลค่าสูงได้อย่างไร หากปลาในทะเลขาดออกซิเจนหายใจจนตายเกลื่อนหาด
เรากำลังลำบากครับ
และหากภาคส่วนอื่นๆ ไม่เข้าใจ ปล่อยให้คนทะเลแก้ไขปัญหาทะเลเพียงลำพังเหมือนที่ผ่านมา สถานการณ์จะพาเราเข้าสู่จุดสิ้นหวัง
เพราะการแก้ปัญหาที่ปลายน้ำทำได้ยากเย็นแสนสาหัส
เน้นย้ำอีกครั้งว่า ท่านคณบดีคณะประมง ผู้ฝากเรื่องนี้ให้ผมมาบอกต่อ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานด้านนี้มา 30 ปี
คณะทำงานมลพิษทางทะเลก็มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำเปลี่ยนสีแทบทั้งหมดที่ประเทศนี้มี
พวกเขายังรู้สึกใกล้หมดหวัง เห็นทะเลพังไปต่อหน้าต่อตา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะถ้าทุกคนพยายามสุมปัญหาลงมาที่ทะเล จากนั้นหวังว่านักวิชาการจะช่วยแก้ปัญหาให้ คนทำงานในทะเลจะทำให้น้ำสะอาดขึ้นได้
มันไม่มีคนกลุ่มนั้นอยู่ในโลก ไม่มีฮีโร่ที่คิดค้นยาที่หยดติ๋งลงไปแล้วทำให้มหาสมุทรสะอาด
ไม่มีโรงบำบัดน้ำเสียใดๆ ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยีเลิศเลอจากที่ไหน สามารถบำบัดน้ำเสียที่ถูกปล่อยลงมาอย่างไร้ความรับผิดชอบตั้งแต่ต้นทาง
ตั้งแต่บ้าน ตั้งแต่ร้านอาหาร ตั้งแต่โรงแรม ตั้งแต่ชุมชน ตั้งแต่โรงงาน ตั้งแต่ไร่นาบ่อปลา ฯลฯ
มันมีเพียงแต่คำว่า “รับผิดชอบ” ร่วมกันของทุกฝ่าย
สุดท้าย การนำเสนอปัญหาทุกครั้ง ควรต้องมีทางออก
ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศและกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ผมได้เสนอไปแล้วว่า ให้จัดทำพื้นที่ต้นแบบ 2 แห่ง คือ คลัสเตอร์ท่องเที่ยวอันดามัน และพื้นที่อ่าวไทยตอนใน & EEC
ผมเริ่มเห็นการทำงานอย่างจริงจังในคลัสเตอร์อันดามัน ที่เร่งเครื่องมากขึ้นหลังเหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ ที่สร้างผลกระทบอย่างแรงต่อรายได้ประเทศ
แต่ผมยังไม่เห็นความหวังใดๆ ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในและ EEC ในเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล
จึงนำภาพและคำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลมาบอกไว้
เราจะพัฒนา EEC แล้วเรียกว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
ในเมื่อทะเลกำลังร้องไห้ครับ !"
#thaitribune
The Gulf of Thailand stinks? อ่าวไทยเน่าแล้ว? ... 12/8/2561 สรายุทธ กันหลง
The Gulf of Thailand stinks? อ่าวไทยเน่าแล้ว? ... 12/8/2561
https://pantip.com/topic/37950107
ไปอ่านบทความนี้ครับ ใครเห็นด้วยไหมครับว่าอ่าวไทยเน่าแล้ว และจะช่วยกันอย่างไร?
.. สรายุทธ อาทิตย์ 12/8/2561
Cr: Phichai Ratnatilaka Na Bhuket
https://www.facebook.com/thaitribune1/photos/a.208103229396861.1073741832.177444735796044/863523920521452/?type=3&theater
9 สิงหาคม 2561 -อ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
"เมื่ออ่าวไทยตอนในกำลังเน่า
ภาพที่เพื่อนธรณ์เห็นอยู่นี้ เป็นภาพที่ส่งมาจากท่านคณบดีคณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ รศ.ดร.เชษฐพงษ์ เมฆสัมพันธ์
นอกจากเป็นคณบดี ท่านยังเป็นประธานคณะทำงานด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ภายใต้คณะกรรมการทะเลแห่งชาติ
ภาพดังกล่าวได้มาจากการลงสำรวจทะเลอ่าวไทยตอนใน หรืออ่าวไทยรูปตัวก.
ท่านขับเรือสำรวจตั้งแต่สัตหีบไล่มาจนถึงศรีราชา น้ำทะเลเป็นสีเขียวปี๋ขุ่นคลั่ก
ขับเรือเรื่อยต่อมาทางปากแม่น้ำบางปะกง น้ำทะเลเป็นสีแดงคล้ำจนเหมือนสีดำ
ท่านวกมาสำรวจตามชายฝั่ง ปลาตาย คลื่นสีเขียวสาดซัดเข้าฝั่ง ยังพาขยะพลาสติกเข้ามา
จากนั้นท่านจึงบอกผมว่า ธรณ์...ช่วยหน่อย
ช่วยบอกกับคนไทยหน่อยว่า เรากำลังอยู่ในสถานการณ์แสนสาหัส
อ่าวไทยตอนในกำลังเน่าอย่างรุนแรง
เมื่อดูภาพดังกล่าว ประกอบกับข่าวที่เราได้ยินตลอด 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นข่าวน้ำเสียที่พัทยา น้ำดำที่บางแสน ฯลฯ
เป็นภาพที่สอดคล้องกัน ภาพที่แสดงว่าทะเลอ่าวไทยตอนในกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก
ปัญหาดังกล่าวคือน้ำเปลี่ยนสี (ขี้ปลาวาฬ)
น้ำเปลี่ยนสีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นเป็นระยะในช่วงหน้าฝน รวมถึงปลายฝนต้นหนาว
น้ำเปลี่ยนสีเกิดจากคุณภาพน้ำผิดปรกติ มีธาตุอาหารสูงมาก
แพลงก์ตอนพืชมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง และทำให้สัตว์น้ำหน้าดินตาย
หรือบางครั้งหากหนักมาก จะทำให้ปลาตายเนื่องจากในน้ำขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง
น้ำจากสัตหีบถึงสีชังเป็นสีเขียวขุ่น เพราะแพลงก์ตอนพืชกลุ่มหนึ่ง
น้ำจากบางแสนเรื่อยมาถึงปากน้ำบางปะกงเป็นสีดำ เพราะแพลงก์ตอนพืชอีกกลุ่มหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะสีไหน สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังบอกเราว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ในอดีตเคยเกิดในบางพื้นที่และเป็นช่วงสั้นๆ ความรุนแรงไม่มากมายนัก
ปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปและเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทะเลเปลี่ยนสีแทบทั้งอ่าวไทยตอนใน น้ำเต็มไปด้วยแพลงก์ตอน จนปลาตายแล้วถูกซัดขึ้นมาบนหาด ตรงนั้นตรงนี้สลับกันไป
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความรุนแรงของน้ำเปลี่ยนสีมีมากขึ้นและมากขึ้น
เหตุผลสำคัญคือการพัฒนาที่ควบคุมไม่ได้ ระเบียบกติกาที่ไม่สามารถบังคับใช้ ทำให้สิ่งที่ลงมากับแม่น้ำลำคลองทำลายสมดุลแห่งท้องสมุทร
ธาตุอาหารที่มาจากปุ๋ยเคมีภาคการเกษตร
น้ำที่ปราศจากการบำบัดจากแหล่งชุมชน
การปล่อยน้ำเสียลงตรงๆ จากแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและแออัด
การตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ตัวกรองตั้งแต่ต้นน้ำหายไป
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดน้ำท่วมน้ำหลาก พัดพาของเสียลงสู่ทะเล
ของเสียในที่นี้ ยังหมายถึงขยะบนบกที่ลงสู่ทะเลทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วมใหญ่
เพราะระบบการจัดการขยะของเราไม่สมบูรณ์ การกลบฝังขยะจำนวนมากกลายเป็นภูเขาขยะ
ยังมีเหตุผลอีกมากมาย แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือเราจะต้องเจอกับปัญหามากขึ้นและมากขึ้น โดยผมยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด
มันเป็นสภาพที่เราต้องเผชิญ ในระหว่างที่เรากำลังพยายามทำให้ประเทศนี้ดีขึ้น
จริงอยู่ บางอย่างเราอาจแก้ได้ในบางพื้นที่
ปิดเกาะ-ฟื้นฟูปะการัง-ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว-จัดระบบบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวทางทะเล ฯลฯ
แต่หากเป็นน้ำเสีย/ขยะทะเล เราทำเช่นนั้นไม่ได้
ทะเลเป็นปลายน้ำ เป็นจุดสุดท้ายที่รองรับทุกอย่างจากแผ่นดิน
โดยเฉพาะอ่าวไทยตอนใน อ่าวประวัติศาสตร์ อ่าวสยาม
เป็นที่รองรับทุกอย่างจากแม่น้ำสำคัญที่สุดในประเทศ 4 สาย (บางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง)
เป็นชายฝั่งที่มีคนอาศัยมากที่สุด มีเมืองท่องเที่ยวทางทะเลขนาดใหญ่ที่สุด มีท่าเรือใหญ่สุด และมีการพัฒนาในทุกด้าน
ยังเป็นทะเลที่อยู่ติดกับพื้นที่แห่งความหวัง EEC
แต่ถ้าทะเลอ่าวไทยตอนในตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ขณะที่ EEC กำลังจะเกิด
ผมบอกได้ว่าในแง่สิ่งแวดล้อมทางทะเล เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เราเริ่มจากติดลบ
ติดลบอย่างไร ? ลองดูภาพเหล่านั้นอีกครั้ง
ผมไม่ได้ต้องการเขียนเรื่องนี้เพื่อกล่าวโทษคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะผมไม่รู้จะโทษใคร
ผมเพียงต้องการจะบอกว่า เราลำบากแน่และลำบากมากๆ
เพราะผมเชื่อว่าปัญหาจะหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อย
มากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการพัฒนาชายฝั่ง
และมากขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพภูมิอากาศแปรปรวน ที่นับวันจะรุนแรงและคาดเดาได้ยาก
ผลกระทบจากน้ำเปลี่ยนสีตลอดชายฝั่ง ทำให้ความหวังหลายอย่างเป็นไปแทบไม่ได้
เราจะมีนักท่องเที่ยวที่ยินดีจ่ายเงินในอัตราสูงได้อย่างไร หากน้ำทะเลเราเน่าจนไม่มีใครอยากลงเล่น...หรือแม้แต่ดู
เราจะพัฒนาอาหารทะเลมูลค่าสูงได้อย่างไร หากปลาในทะเลขาดออกซิเจนหายใจจนตายเกลื่อนหาด
เรากำลังลำบากครับ
และหากภาคส่วนอื่นๆ ไม่เข้าใจ ปล่อยให้คนทะเลแก้ไขปัญหาทะเลเพียงลำพังเหมือนที่ผ่านมา สถานการณ์จะพาเราเข้าสู่จุดสิ้นหวัง
เพราะการแก้ปัญหาที่ปลายน้ำทำได้ยากเย็นแสนสาหัส
เน้นย้ำอีกครั้งว่า ท่านคณบดีคณะประมง ผู้ฝากเรื่องนี้ให้ผมมาบอกต่อ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานด้านนี้มา 30 ปี
คณะทำงานมลพิษทางทะเลก็มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำเปลี่ยนสีแทบทั้งหมดที่ประเทศนี้มี
พวกเขายังรู้สึกใกล้หมดหวัง เห็นทะเลพังไปต่อหน้าต่อตา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะถ้าทุกคนพยายามสุมปัญหาลงมาที่ทะเล จากนั้นหวังว่านักวิชาการจะช่วยแก้ปัญหาให้ คนทำงานในทะเลจะทำให้น้ำสะอาดขึ้นได้
มันไม่มีคนกลุ่มนั้นอยู่ในโลก ไม่มีฮีโร่ที่คิดค้นยาที่หยดติ๋งลงไปแล้วทำให้มหาสมุทรสะอาด
ไม่มีโรงบำบัดน้ำเสียใดๆ ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยีเลิศเลอจากที่ไหน สามารถบำบัดน้ำเสียที่ถูกปล่อยลงมาอย่างไร้ความรับผิดชอบตั้งแต่ต้นทาง
ตั้งแต่บ้าน ตั้งแต่ร้านอาหาร ตั้งแต่โรงแรม ตั้งแต่ชุมชน ตั้งแต่โรงงาน ตั้งแต่ไร่นาบ่อปลา ฯลฯ
มันมีเพียงแต่คำว่า “รับผิดชอบ” ร่วมกันของทุกฝ่าย
สุดท้าย การนำเสนอปัญหาทุกครั้ง ควรต้องมีทางออก
ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศและกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ผมได้เสนอไปแล้วว่า ให้จัดทำพื้นที่ต้นแบบ 2 แห่ง คือ คลัสเตอร์ท่องเที่ยวอันดามัน และพื้นที่อ่าวไทยตอนใน & EEC
ผมเริ่มเห็นการทำงานอย่างจริงจังในคลัสเตอร์อันดามัน ที่เร่งเครื่องมากขึ้นหลังเหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ ที่สร้างผลกระทบอย่างแรงต่อรายได้ประเทศ
แต่ผมยังไม่เห็นความหวังใดๆ ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในและ EEC ในเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล
จึงนำภาพและคำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลมาบอกไว้
เราจะพัฒนา EEC แล้วเรียกว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
ในเมื่อทะเลกำลังร้องไห้ครับ !"
#thaitribune