ผมเห็นต่างกับเรื่องที่บอกว่ายกเลิกการไหว้แม่ที่โรงเรียนครับ (มาพลีชีพ)

ผมคิดว่านี่มันคือการหนีปัญหาไม่ใช่การแก้ไขปัญหาครับ ถึงยกเลิกยังไงความจริงของเราก็เปลี่ยนไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าใครก็มีปัญหาส่วนตัวที่ต้องก้าวข้ามผ่านไป ผมอยากให้เรียนรู้เข้าใจเพื่อปรับตัวอย่าไปเรียนรู้เพื่อตรอกย้ำตัวเอง ถ้ายกเลิกไปในสังคมเล็กๆในโรงเรียนอาจจะทำให้เราสบายใจขึ้นที่ไม่ต้องเจอกับเรื่องนี้แต่ถ้าออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอกล่ะเขาจัดกันทุกปีเห็นเป็นกระแสแบบนี้เราก็ต้องอดคิดถึงแม่อีกเหมือนเดิม

แต่ว่าเวลาจัดกิจกรรมไหว้แม่นิ่คือผมอยากให้เด็กพวกนั้นได้เข้าร่วมกิจกรรมอื่นแทนอาจจะให้คุณครูมาแนะแนวพูดคุยให้กำลังใจเพื่อไม่ให้เขาอยู่กับความเศร้าใจครับคร็กเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่2เพราะฉนั้นผมคิดว่าสามารถพูดคุยให้จิตใจเขาดีขึ้นได้ยังไงในอนาคตคนเราต้องเข้มแข็ง

ยกเลิกไปแล้วคนส่วนมากล่ะ ตรงนี้เรื่องจริงในสังคมเราเลยล่ะคนส่วนน้อยต้องปรับตัวเพื่อเข้ากับคนส่วนใหญ่เป็นการเข้าสังคมผมถึงได้บอกว่าเราต้องก้าวข้ามมันไปเรื่องแบบนี้มันหนีไม่ได้ โรงเรียนเป็นสถานอบรมฝึกสอนให้ความรู้ปลูกฝังความดีให้เด็กรู้คุณคนการเอาแม่มากราบก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ที่โรงเรียนเขาจัดขึ้นเพื่อหาโอกาสให้กับเด็กได้แสดงความกตัญญูเพื่อปลูกฝังจิตสนึก หากไม่มีกิจกรรมนี้บางคนไม่คิดจะไหว้หรือไม่เคยคิดถึงบุญคุณแม่เลยด้วยซ้ำ กว่าจะอุ้มท้อง เช็ดขี้ ป้อนข้าว มันจำเป็นอย่างมากสำหรับกิจกรรมนี้ เพราะบางคนพ่อแม่ทำงานไม่มีเวลาได้พูดคุยกันเลย แต่ในส่วนของคนที่พ่อแม่งานยุ่งผมก็มองว่าเขาก็ไม่ได้บังคับแต่ส่วนใหญ่ก็ให้ความรว่มมือที่จะมานะผมก็ว่าเออดี บางคนทะเลาะกับแม่วันนี้พรุ่งนี้ไหว้แม่คืนดีกับแม่เพราะกจกรรมโรงเรียนที่เขาจัดเออดีคิดได้

ทุกเรื่องมันมีทั้งดีและแย่มองได้หลายมุมนี่อีกหนึ่งในมุมมองที่ผมคิดครับ เปลี่ยนจากยกเลิกมาเป็นหาทางแก้ไขเพื่อให้สามารอยู่ด้วยกันกิจกรรมนี้ดีกว่ามาสนุกด้วยกัน สอนให้เขาเข้มแข็มเพื่อผ่านมันไปให้ได้เพราะปัญหาชีวิตในอนาคตยังมีอีกมากที่จะเข้ามาท้าทายเรานี่ถือเป็นก้าวแรกในการก้าวข้ามมันไปให้ได้เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปฝึกฝนตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อรับมือกับปัญหาอื่นๆและในอนาคตเขาอาจจะเอาบทเรียนนี้ไปสอนลูกให้รู้จักบุญคุณพ่อแม่สำคัญมากขนาดไหนก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่