“ขัามสีทันดร” ทาสความอ่อนไหว ใจก็ยอมแพ้ ชีวิตอาจจะพัง

ก่อนอื่นเลยตัองขอชื่นชมช่อง 3 ที่เลือกทำละคร “ขัามสีทันดร” สะท้อนปัญหาสังคมเรื่องนี้ กล้าสวนทางกับแนวละครที่ออนแอร์อยู่ทั่วๆไปในขณะนี้ เรื่องดัดแปลงจากนิยายของ กฤษณา อโศกสิน นักประพันธ์ชั้นครู แม้เนื้อหาจะเครียดแต่ก็กระตุกต่อมคิดให้เห็นโทษภัยของยาเสพติด ปัญหาครอบครัว เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมจนได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นในปี พ.ศ. 2540 การันตีด้วยรางวัลขนาดนี้ พอทำเป็นละครมันคงไม่ง่าย
    
        - ตัวละครเยอะมากคงอยากให้เห็นแง่มุมของปัญหาที่หลากหลาย
    
        - ความยาว 14 ตอนไม่มากไปไม่น้อยไป แต่ถ้าเพิ่มเป็น 16 ตอนเพิ่อเก็บรายละเอียดแบล็คกราวตัวละครบางตัวให้มากกว่านี้ คนดูคงจะเข้าใจที่มาที่ไปและเหตุผลของปัญหาได้มากกว่านี้ ก็คงจะดี (อาจจะด้วยระยะเวลาการออกอากาศหรือโฆษณา พอเข้าใจได้) แต่ถ้าละครยาวไป ถึงเนื้อหาจะดีจริงคนดูอาจปวดตับหรือไมเกรนขึ้นก็เป็นได้
    
        - การเดินเรื่องฉับไวไม่เวิ่นเว้อ เพราะการตัดต่อด้วยความที่ตัวละครมีเยอะ ต้องตัดสลับไปมา บางซีนกำลังจะอินก็กระโดดข้ามไปอีกซีนที่จำเป็นต้องมี ไม่งั้นคนดูก็จะไม่เข้าใจ ภายใต้เวลาที่จำกัดในแต่ละตอน
    
        - นักแสดงเกือบทุกคนสุดยอดมาก ถ่ายทอดอารมณ์ให้คนรับชมทางบ้าน รับไปเต็มๆ ทั้งเครียด กดดัน โมโห ขัดใจ สมน้ำหน้า สะใจ มาหมด ดูจบแต่ละตอน ลุ้นเอาใจช่วยเที่ยงวันกับดวลจนเหนี่อย (ยังดีที่มีหน้าหล่อๆ ของโป๊ปกับพีชมาคลายเครียดบ้าง)
    
        - บทพูดแต่ละประโยคที่พูดผ่านตัวละครภาษาสวยงาม (ไม่แน่ใจว่ายึดตามสำนวนในนิยายรึเปล่าเพราะไม่ได้อ่าน) กระตุกคิด สะกิดใจ สั่งสอน สะท้อนสภาพสังคม สภาพจิตใจ ทุกข์ทน สิ้นหวัง ให้กำลังใจ
    
        - รายละเอียดเชิงสัญญลักษณ์ในเรื่อง ยอมรับและชื่นชมในความพยายามของผู้กำกับ แหลมกู๊ดโฮปจุดเริ่มต้นความหวังของเที่ยงวันที่ชีวิตติดลบมานานจะเริ่มก้าวเดินต่อไป ถึงต้องดั้นด้นไปถ่ายถึงแอฟริกาใต้ตามบทประพันธ์ (เพื่อละคร ยอมใจ ทุ่มทุนมาก) ฉากตัดแต่งบอนไซที่สื่อความหมายเรื่องครอบครัว เอาจริงๆ ถ้าผู้กำกับไม่อธิบายไม่รู้นะว่าคิดลึกซึ้งขนาดนี้ (ทุ่มเทมาก แค่งานที่ดีไม่ต้องมีอธิบายมันต้องสื่ิอได้ด้วยตัวมันเอง) เกือบทุกครั้งที่เที่ยงวันและเดือนสิบกำลังต่อสู้กับปัญหาและชนะกับปัญหาได้ โลเกชั่นต้องมีทะเลเป็นฉากหลังคงจะสื่อว่าข้ามผ่านมาได้แล้ว หรือไม่ก็ยังมีสายน้ำที่ขวางอยู่ข้างหน้า ที่ต้องต่อสู้ต่อไปอีก (หลังจากแม่น้องเมฆให้อภัยเสร็จก็ไปทะเล, ไปตามหาดวลเจอเอนรู้ว่าเอนไม่ได้ติดยาแต่หลอกให้ดวลติดเพราะอิจฉาก็ไปปรับทุกข์ที่ทะเล)  ถ้าไม่ใช่เพราะนางเอกใส่ชุดเดิมให้เข้าใจว่าเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน  คงจะงงกับ โลเกชั่นอยู่เหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ ก็มาโผล่ที่ทะเลอีกแล้ว
    
        - เพลงประกอบละดร เพราะมากทุกเพลง มีทั้งโทนเบาๆ ฟังสบาย ให้กำลังใจ ทั้งหลอน หม่น หนักแน่น ปลุกเร้า สื่ออารมณ์ได้ดีมากๆ
    
        - ที่ไม่ชอบที่สุด(ความเห็นส่วนตัว) คือ คอสตูมของเดือนสิบ  ไม่สวย พะรุงพะรัง ไม่รู้ว่าต้องการให้สะท้อนคาแรคเตอร์เดือนสิบออกมาแบบไหน เห็นแล้วรำคาญแทน เกะกะ ใส่แล้วไม่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดีขึ้นเลย สกาวแแม่บ้านหัวโบราณแต่งตัว(มีรสนิยม)ดูเกือบดี บางทีก็ใส่เสื้อคลุมมีฮู้ดกลายเป็นคุณแม่ทันสมัยสไตล์วัยรุ่น คนอื่นก็ไม่เท่าไหร่ โทนสีที่จงใจก็พอรับได้ เพราะตัวละครก็เป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไป
    
        ไม่ว่าจะอย่างไร ก็รู้สึกดีและต้องขอบคุณทีมงาน ที่ทำละครดีๆ ออกมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม เพราะกว่าจะสำเร็จลุล่วงได้ ผู้กำกับและทีมงานทั้งหมดต้องทุ่มเท แรงกาย ใจ สติปัญญา ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่าง ก้าวข้ามสีทันดรมานับไม่ถ้วน จนได้ดูละครถึงตอนนี้ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้าง เรตติ้งไม่ดีบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาทุกชีวิตก็ต้องพยายามกันต่อไป
    
    “ดูขัามสีทันดรแล้ว”
    
    คนส่วนใหญ่มักไม่ชอบเรื่องเครียดๆ บีบคั้น หนักหน่วง คงเพราะในชีวิตจริงก็เครียดหนักพออยู่แล้ว เลยอยากเสพแต่ความบันเทิง เรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แต่ละคร “ขัามสีทันดร” เมื่อดูจบในแต่ละตอนก็จะพบแต่ปัญหาในทุกตัวละคร ผ่านครอบครัวที่ทั้งโอบอุ้มและผลักดันให้เข้าไปสู่ปัญหา
    
        ครอบครัวเที่ยงวันที่มีแม่ชอบเจ้ากี้เจ้าการคาดคั้นกับลูกมากเกินไป อยากให้ลูกเป็นในแบบที่ตัวเองต้องการ จนทำให้เที่ยงวันติดยาเสพติดแต่ก็กลับมาได้เพราะพ่อแม่ให้ความรักความเข้าใจ
    ครอบครัวเดือนสิบมีพ่อเจ้าอารมณ์เพราะความล้มเหลวในหน้าที่การงานแล้วมาระบายลงกับคนในดรอบครัวโทษดวลเป็นสาเหตุเพี่อให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดผลักไสให้ลูกไปติดยา แม่ก็เป็นแม่บ้านยุคเก่าที่ตามหลังสามีทั้งที่ใจขัดแย้ง
    ครอบครัวชีวาตม์ แม่ยายติดการพนันเอาปมของตัวเองเรื่องผู้ชายมาใส่ความคิดลูก ใช้ลูกตอบโต้ความรู้สึกติดลบต่อผู้ชายของตัวเอง ไม่เคยสอนสิ่งดีๆ ผลักดันให้ลูกหาทางออกแบบผิดๆ
    ครอบครัวลำธารมีแม่ที่ห่วงสถานะทางสังคมมากกว่าความสุขของลูก เอาแต่ชี้นำ เลี้ยงลูกตีกรอบจนลูกตัดสินใจไม่เป็น ขาดความมั่นใจ
    เอนไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นเกิดมาต้องดิ้นรนที่จะมีชีวิตในสังคม อยากได้อยากมี แม้จะต้องทำร้ายใครก็ไม่ต้องสนใจเพราะไม่มีใครที่รัก ไม่ต้องรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง เป็นการประชด แก้แค้นเอาคืนสังคม เพราะตัวเองก็โดนกระทำมาก่อน จิตใจที่ถูกทำร้ายจึงกลายเป็นอิจฉาเพื่อน
    
    สุดท้ายก็โยงมาที่ครอบครัวทั้งหมดที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา
    
    ดูแล้วจะเข้าใจผู้อื่นที่มีปัญหา แต่ต้องไม่ลืมที่จะเข้าใจตัวเองด้วย ยามเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหานั้นกับตัวเอง
    
    ถามใจตัวเองดูในครอบครัวมีทุกข์ใจเรื่องอะไร ทุกเรื่องมีสาเหตุ ทำความเข้าใจ เชื่อมั่นกันและกัน แล้วจะพบทางแก้ปัญหา ถ่าเราไม่แก้ปัญหา ไม่ว่ายังไงปัญหามันก็จะยังคงอยู่จนอาจขยายผลกระทบในวงกว้างเกินกว่าที่เราจะรับไหว
    
    “อย่าวิ่งหนีมัน”    
    
    ใจ-รู้สึกมากเท่าไหร่  สติ-ไตร่ตรองมากเท่านั้น   อย่าให้ความรู้สึกด้านลบมาครอบงำการกระทำผิดชอบชั่วดี  เอาความรัก ความเข้าใจเป็นเข็มทิศช่วยนำทางชีวิตให้ออกจากปัญหาให้ได้                        
    
         ปัญหาทุกอย่างมันไม่ง่าย ยิ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยแล้ว หลงใหลไปแค่ชั่ววูบ อาจถูกดูดกลืนไปทั้งชีวิต เมื่อร่างกายต้องการสารเสพติดร่างกายถูกกระตุ้นมันทรมาน ฤทธิ์ยาทำลายประสาทการรับรู้ การควบคุมตัวเองก็ล้มเหลว จิตใจก็สู้ไม่ไหว มีแต่อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ต่อให้พยายามก้าวข้ามเท่าไหร่ถ้าใจไม่เข้มแข็งพอ ก็ไม่สามารถข้ามผ่านได้ วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น เพราะช่วงชีวิตของคนเราต้องมีอุปสรรคให้ทดสอบอยู่ตลอด และในที่สุดก็จะผลักดันให้ชีวิตเราจมลง ดำดิ่งถลำลึกลงในแม่น้ำแห่งความทุกข์นั้น  “มหานทีสีทันดร”
    
    กี่ร้อยกี่พันถ้อยคำ ที่ให้ความหวังกำลังใจ เอามาเป็นเตรื่องมือในการตัดสินใจที่จะเริ่มต้น  “ข้ามมัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่