สวัสดีค่า
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเกี่ยวกับสุขภาพที่ลองโพสต์ดูค่ะ ^ ^ เนื่องจากการทำงานทำให้เราต้องทำข้อมูลเรื่องสุขภาพต่างๆเก็บไว้เยอะเลย เลยตั้งใจจะลองเอามาเรียบเรียงใหม่ให้อ่านง่ายขึ้น เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนในนี้นะคะ
ถ้าลองอ่านดูแล้วยังยากไป หรือมีอะไรสงสัยตรงไหนเพิ่มเติมก็ทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ ^ ^
ยินดีรับฟังคำติได้เต็มที่เลยนะค๊า 555
เอาเรื่องสิวมาโพสต์ก่อน เนื่องจากเป็นปัญหาพื้นฐานที่หลายๆคนต้องเจอแน่ๆ
เวลาทำงานก็ยังมักจะเจอคำถามต่างๆประมาณนี้อยู่เรื่อยๆ อีกอย่างคือสาเหตุของสิวก็ยังมีบางประเด็นที่เราอาจยังนึกไม่ถึง แต่ทั้งนี้สาเหตุสิวของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป บางปัจจัยที่กล่าวถึงก็อาจไม่ใช่สาเหตุของเราเสมอไปนะคะ ใครที่เป็นสิวแล้วมาอ่านเจอก็อย่าเพิ่งรีบตกใจว่าเราจะเป็นโรคอะไรป่าวนะคะ ^ ^
ส่วนข้อมูลก็เป็นข้อมูลที่รวบรวม เรียบเรียงจากตำราการแพทย์ และบทความทางการแพทย์ต่างๆนะคะ
ตอนท้ายจะมีคลิปเรื่องวิธีการใช้ยาสิวด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ และข้อควรระวังค่ะ ถ้าสนใจก็ตามไปดูกันนะคะ ^ ^
สิวคือการอักเสบของหน่วยรูขนและต่อมไขมัน(pilosebaceous unit)โดยมากก็จะเป็น บริเวณหน้า คอ และลําตัวส่วนบน ซึ่งเป็นตําแหน่งที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่หนาแน่น มักพบใน วัยรุ่น แต่บางคนก็อาจเป็นๆหายๆจนอายุเลย 40 ก็มี ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดสิวในแต่ละคน
บริเวณท่ีเป็นสิวบ่อยคือหน้ารองลงมาคือคอหลังและอก ส่วนบน
เราอาจแบ่งสิวได้เป็น 2 ลักษณะคือ
ชนิดไม่อักเสบ ก็คือสิวอุดตันหรือ comedone(ductal hypercornification) ซึ่งแบ่งได้เป็นอีก 2 ลักษณะคือ
− closed comedone หรือสิวอุดตันหัวปิด
− open comedone เป็นตุ่มกลมเล็กแข็งคล้าย closed comedone แต่ตรงยอดมีรูเปิดและมี ก้อนสีดําอุดอยู่
ชนิดอักเสบได้แก่
− papule ตุ่มสีแดงขนาดเล็ก
− pustule หรือสิวอักเสบมีหนอง
− nodule เป็นก้อนสีแดงภายในมีนองปนเลือดบางคร้ังอาจเป็นหลายหัวติดกัน
− cyst ก้อนนูนแดง นิ่ม ภายในมีหนองปนเลือด
เมื่อสิวหายอาจจะเหลือรอยได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น รอยแดง, รอยดำ, แผลเป็นหลุม หรือ แผลเป็นนูน
สาเหตุของสิว
กระบวนการเกิดสิว ทั่วไปเริ่มจากการที่ไขมันและเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอุดตันรูขุมขน ถ้าหากมีการติดเชื้อแบคทีเรียด้วยก็อาจทำให้มีอาการอักเสบคือบวมแดงและมีหนองขึ้นมาได้ สิวมักเกิดในวัยรุ่น เนื่องจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น หน้ามันขึ้น นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบก็อาจเพิ่มการอุดตันและทำให้ผิวแย่ลงได้ นอกจากนี้ปัจจัยทางพันธุกรรมยังมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ปัจจัยอื่นๆที่เป็นสาเหตุของสิวที่บางคนอาจจะไม่รู้
ความเครียด ความเครียดมีผลทำให้การทำงานในร่างกายผิดปกติไป มีการทำการศึกษามากมายทางการแพทย์ถึงความสัมพันธ์ในเรื่องของการเกิดการเห่อของสิวในช่วงที่มีความเครียด ต่างก็ได้ข้อสรุปเดียวกันว่ามีการพบอุบัติการณ์การเกิดสิวมากขึ้นเมื่อคนมีความเครียด
ภูมิเพี้ยน ปัจจุบันทางการแพทย์พบโรคที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิต้านทานมากขึ้นเรื่อยๆ สิวก็เช่นกัน โดยพบว่ามีความผิดปกติในเลือดจากโรคภูมิเพี้ยนไทรอยด์ในคนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง สูงกว่าในคนที่ไม่เป็นสิวเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ และพบว่าต่อมไทรอยด์มีความสัมพันธ์ต่อการทำงานของต่อมไขมัน การจะวินิจฉัยภาวะนี้ได้จะต้องอาศัยการเจาะเลือดและการตรวจพิเศษอื่นๆดูเพื่อวินิฉัยโรคและยังอาจต้องสังเกตอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีคอโตร่วมด้วย มีปัญหาการนอน เหนื่อยง่าย น้ำหนักเกิน ซึมเศร้า ผมร่วง ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ มีบุตรยาก เป็นต้น
โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ PCO (polycystic ovary disease) เป็นโรคภายในของผู้หญิงที่พบได้บ่อย สิวที่เกิดขึ้นมักจะมีอาการคือ เกิดอยู่บริเวณผิวหน้าที่เป็นตำแหน่งที่ไวต่อความผิดปกติของฮอร์โมน คือ แก้ม ขากรรไกรและส่วนต่อลงมาที่คอส่วนบนและคาง สิวที่เป็นมักเป็นสิวที่มีลักษณะเป็นสิวอักเสบที่เป็นก้อนอยู่ใต้ผิวและมักมีอาการเจ็บ แตกต่างจากสิวที่เกิดจากอาการแพ้สารเคมี หรือสิวทั่วๆไป
คนที่เป็นภาวะนี้นอกจากอาการสิว อาจจะมีอาการหน้ามัน ขนดกเหมือนผู้ชาย ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ เสียงแหบร่วมด้วย และพบว่ามีถุงน้ำที่รังไข่จำนวนมาก โรคนี้เกิดจากรังไข่เสียดุลการสร้างและเผาผลาญฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) ไปเป็นฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) โดยเชื่อว่าเป็นเพราะต่อมใต้สมองส่วนหน้าผลิตฮอร์โมนก่อการตกไข่ (LH) มากเกินไปจนไปกระตุ้นให้รังไข่ผลิตแอนโดรเจนมากขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มฮอร์โมนกระตุ้นโพรงไข่ (FSH) เพื่อเปลี่ยนแอนโดรเจนเป็นเอสโตรเจนให้ทันกัน ผลก็คือมีฮอร์โมนเพศชายในตัวสูงนอกจากนี้ ประมาณ 10% ของผู้ป่วยโรคนี้จะป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเกิดจากภาวะดื้ออินสุลิน และอีก 30-40% อยู่ในระยะใกล้จะเป็นเบาหวาน
น้ำตาลในเลือดสูง
ภาวะนี้พบได้ในกลุ่มคนที่เริ่มมีภาะดื้ออินซูลินก่อนเป็นเบาหวาน มีกรรมพันธุ์ความเสี่ยงในการเกิดเบาหวาน อ้วนลงพุง มีไขมันในเลือดสูง ชอบรับประทานอาหารหวาน เช่น ขนมหวาน เบเกอร์รี่ ชอคโกเลต น้ำหวาน น้ำอัดลม อาหารขยะ แป้ง เป็นต้น
ลำไส้เสีย สิวเรื้อรังมักเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้ ปัญหาระบบย่อย เช่น ท้องอืด ทองเฟ้อ ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย แก๊ซในกระเพาะเยอะ มีกลิ่นปาก ผายลมบ่อย ท้องผูก กรดไหลย้อน ปวดศรีษะเรื้อรัง มีการอักเสบของผิวหนังบ่อยๆ มักเป็นแผลในปาก ตกขาว อาจเป็นตัวบ่งบอกถึงความบกพร่องในส่วนของผนังลำไส้ ที่นำไปสู่การอักเสบของร่างกายในระบบต่างๆรวมถึงสิวด้วย
การใช้ยาบางชนิด ยาหลายชนิดอาจเป็นสาเหตุของสิวได้ เช่น ยารับประทานและยาทากลุ่มสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิดหรือยากลุ่มฮอร์โมนเพศบางชนิดเป็นต้น
วิธีการรักษา
ในส่วนของการรักษานั้น นอกจากการใช้ยาทาสิว และรวมถึงยารับประทานที่อาจมีความจำเป็นในบางกรณีแล้ว
การรักษาในกลุ่มหัตถการที่มักมีความจำเป็นต่อการรักษาสิวเช่น
การกดสิว (comedone extraction) เป็นหัตถการที่มักต้องทำในผู้ที่มีสิวอักเสบชนิดสิวอุดตัน ทั้งหัวปิดและหัวเปิด รวมถึงสิวอักเสบที่มีหนอง หลังกดสิวอาจมีรอยบนผิวจากการกดได้ 3-4 วันหรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ แต่การกดสิวที่ถูกวิธีจะไม่ก่อให้เกิดหลุมหรือแผลเป็นสิวในระยะยาว ในทางตรงกันข้าม การกดสิวอุดตันที่มีอยู่ออกจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบที่มักก่อให้เกิดรอยดำ รอยแผลเป็นหรือหลุมสิวได้
การฉีดสิว การฉีดสิวเป็นการฉีดยาลดอักเสบกลุ่มสเตียรอยความเข้มข้นต่ำๆ เพื่อทำให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้น แต่ไม่มีความจำเป็นสำหรับสิวอุดตันที่ยังไม่ได้มีการอักเสบ
หัตถการอื่นๆ
เลเซอร์ เลเซอร์ที่นำมาใช้ในการรักษาสิวได้ผลดีมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น วีบีม(Vbeam), IPL, Finescan เป็นต้น ซึ่งเลเซอร์แต่ละชนิดคุณหมอที่ดูแลจะเป็นผู้พิารณาเลือกการรักษาที่เหมาะสมให้ค่ะ โดยคุณสมบัติของเลเซอร์ช่วยรักษาสิวได้ด้วยกลไกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทำให้กลุ่มต่อมไขมันหดตัว ลดการอักเสบ ลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นตอของสิวอักเสบเป็นต้น และยังช่วยลดรอยแดง รอยดำ และลดโอกาสการเกิด รวมถึงช่วยรักษาหลุมสิวและแผลเป็นสิวไปด้วยพร้อมๆกันค่ะ
ทำวิดิโอพูดคุยแนะนำวิธีใช้ยารักษาสิวง่ายๆด้วยตัวเองไว้ค่ะ
ถ้าใครสนใจลองคลิกเข้าไปดูกันนะคะ
https://youtu.be/Kd4VzM96wmM
**ไม่รู้ว่าน่าเบื่อจนเลิกอ่านกันไปก่อนป่าว คอมเมนต์ติชมกันได้นะค๊าา
ความรู้เรื่องสิวและวิธีการใช้ยารักษาสิวอย่างง่ายๆด้วยตัวเองค่ะ ^ ^
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเกี่ยวกับสุขภาพที่ลองโพสต์ดูค่ะ ^ ^ เนื่องจากการทำงานทำให้เราต้องทำข้อมูลเรื่องสุขภาพต่างๆเก็บไว้เยอะเลย เลยตั้งใจจะลองเอามาเรียบเรียงใหม่ให้อ่านง่ายขึ้น เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนในนี้นะคะ
ถ้าลองอ่านดูแล้วยังยากไป หรือมีอะไรสงสัยตรงไหนเพิ่มเติมก็ทิ้งคำถามไว้ได้นะคะ ^ ^
ยินดีรับฟังคำติได้เต็มที่เลยนะค๊า 555
เอาเรื่องสิวมาโพสต์ก่อน เนื่องจากเป็นปัญหาพื้นฐานที่หลายๆคนต้องเจอแน่ๆ
เวลาทำงานก็ยังมักจะเจอคำถามต่างๆประมาณนี้อยู่เรื่อยๆ อีกอย่างคือสาเหตุของสิวก็ยังมีบางประเด็นที่เราอาจยังนึกไม่ถึง แต่ทั้งนี้สาเหตุสิวของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป บางปัจจัยที่กล่าวถึงก็อาจไม่ใช่สาเหตุของเราเสมอไปนะคะ ใครที่เป็นสิวแล้วมาอ่านเจอก็อย่าเพิ่งรีบตกใจว่าเราจะเป็นโรคอะไรป่าวนะคะ ^ ^
ส่วนข้อมูลก็เป็นข้อมูลที่รวบรวม เรียบเรียงจากตำราการแพทย์ และบทความทางการแพทย์ต่างๆนะคะ
ตอนท้ายจะมีคลิปเรื่องวิธีการใช้ยาสิวด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ และข้อควรระวังค่ะ ถ้าสนใจก็ตามไปดูกันนะคะ ^ ^
สิวคือการอักเสบของหน่วยรูขนและต่อมไขมัน(pilosebaceous unit)โดยมากก็จะเป็น บริเวณหน้า คอ และลําตัวส่วนบน ซึ่งเป็นตําแหน่งที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่หนาแน่น มักพบใน วัยรุ่น แต่บางคนก็อาจเป็นๆหายๆจนอายุเลย 40 ก็มี ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดสิวในแต่ละคน
บริเวณท่ีเป็นสิวบ่อยคือหน้ารองลงมาคือคอหลังและอก ส่วนบน
เราอาจแบ่งสิวได้เป็น 2 ลักษณะคือ
ชนิดไม่อักเสบ ก็คือสิวอุดตันหรือ comedone(ductal hypercornification) ซึ่งแบ่งได้เป็นอีก 2 ลักษณะคือ
− closed comedone หรือสิวอุดตันหัวปิด
− open comedone เป็นตุ่มกลมเล็กแข็งคล้าย closed comedone แต่ตรงยอดมีรูเปิดและมี ก้อนสีดําอุดอยู่
ชนิดอักเสบได้แก่
− papule ตุ่มสีแดงขนาดเล็ก
− pustule หรือสิวอักเสบมีหนอง
− nodule เป็นก้อนสีแดงภายในมีนองปนเลือดบางคร้ังอาจเป็นหลายหัวติดกัน
− cyst ก้อนนูนแดง นิ่ม ภายในมีหนองปนเลือด
เมื่อสิวหายอาจจะเหลือรอยได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น รอยแดง, รอยดำ, แผลเป็นหลุม หรือ แผลเป็นนูน
สาเหตุของสิว
กระบวนการเกิดสิว ทั่วไปเริ่มจากการที่ไขมันและเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอุดตันรูขุมขน ถ้าหากมีการติดเชื้อแบคทีเรียด้วยก็อาจทำให้มีอาการอักเสบคือบวมแดงและมีหนองขึ้นมาได้ สิวมักเกิดในวัยรุ่น เนื่องจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น หน้ามันขึ้น นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบก็อาจเพิ่มการอุดตันและทำให้ผิวแย่ลงได้ นอกจากนี้ปัจจัยทางพันธุกรรมยังมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ปัจจัยอื่นๆที่เป็นสาเหตุของสิวที่บางคนอาจจะไม่รู้
ความเครียด ความเครียดมีผลทำให้การทำงานในร่างกายผิดปกติไป มีการทำการศึกษามากมายทางการแพทย์ถึงความสัมพันธ์ในเรื่องของการเกิดการเห่อของสิวในช่วงที่มีความเครียด ต่างก็ได้ข้อสรุปเดียวกันว่ามีการพบอุบัติการณ์การเกิดสิวมากขึ้นเมื่อคนมีความเครียด
ภูมิเพี้ยน ปัจจุบันทางการแพทย์พบโรคที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิต้านทานมากขึ้นเรื่อยๆ สิวก็เช่นกัน โดยพบว่ามีความผิดปกติในเลือดจากโรคภูมิเพี้ยนไทรอยด์ในคนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง สูงกว่าในคนที่ไม่เป็นสิวเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ และพบว่าต่อมไทรอยด์มีความสัมพันธ์ต่อการทำงานของต่อมไขมัน การจะวินิจฉัยภาวะนี้ได้จะต้องอาศัยการเจาะเลือดและการตรวจพิเศษอื่นๆดูเพื่อวินิฉัยโรคและยังอาจต้องสังเกตอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีคอโตร่วมด้วย มีปัญหาการนอน เหนื่อยง่าย น้ำหนักเกิน ซึมเศร้า ผมร่วง ปวดกระดูกและกล้ามเนื้อ มีบุตรยาก เป็นต้น
โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ PCO (polycystic ovary disease) เป็นโรคภายในของผู้หญิงที่พบได้บ่อย สิวที่เกิดขึ้นมักจะมีอาการคือ เกิดอยู่บริเวณผิวหน้าที่เป็นตำแหน่งที่ไวต่อความผิดปกติของฮอร์โมน คือ แก้ม ขากรรไกรและส่วนต่อลงมาที่คอส่วนบนและคาง สิวที่เป็นมักเป็นสิวที่มีลักษณะเป็นสิวอักเสบที่เป็นก้อนอยู่ใต้ผิวและมักมีอาการเจ็บ แตกต่างจากสิวที่เกิดจากอาการแพ้สารเคมี หรือสิวทั่วๆไป
คนที่เป็นภาวะนี้นอกจากอาการสิว อาจจะมีอาการหน้ามัน ขนดกเหมือนผู้ชาย ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ เสียงแหบร่วมด้วย และพบว่ามีถุงน้ำที่รังไข่จำนวนมาก โรคนี้เกิดจากรังไข่เสียดุลการสร้างและเผาผลาญฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) ไปเป็นฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) โดยเชื่อว่าเป็นเพราะต่อมใต้สมองส่วนหน้าผลิตฮอร์โมนก่อการตกไข่ (LH) มากเกินไปจนไปกระตุ้นให้รังไข่ผลิตแอนโดรเจนมากขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มฮอร์โมนกระตุ้นโพรงไข่ (FSH) เพื่อเปลี่ยนแอนโดรเจนเป็นเอสโตรเจนให้ทันกัน ผลก็คือมีฮอร์โมนเพศชายในตัวสูงนอกจากนี้ ประมาณ 10% ของผู้ป่วยโรคนี้จะป่วยเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเกิดจากภาวะดื้ออินสุลิน และอีก 30-40% อยู่ในระยะใกล้จะเป็นเบาหวาน
น้ำตาลในเลือดสูง
ภาวะนี้พบได้ในกลุ่มคนที่เริ่มมีภาะดื้ออินซูลินก่อนเป็นเบาหวาน มีกรรมพันธุ์ความเสี่ยงในการเกิดเบาหวาน อ้วนลงพุง มีไขมันในเลือดสูง ชอบรับประทานอาหารหวาน เช่น ขนมหวาน เบเกอร์รี่ ชอคโกเลต น้ำหวาน น้ำอัดลม อาหารขยะ แป้ง เป็นต้น
ลำไส้เสีย สิวเรื้อรังมักเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้ ปัญหาระบบย่อย เช่น ท้องอืด ทองเฟ้อ ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย แก๊ซในกระเพาะเยอะ มีกลิ่นปาก ผายลมบ่อย ท้องผูก กรดไหลย้อน ปวดศรีษะเรื้อรัง มีการอักเสบของผิวหนังบ่อยๆ มักเป็นแผลในปาก ตกขาว อาจเป็นตัวบ่งบอกถึงความบกพร่องในส่วนของผนังลำไส้ ที่นำไปสู่การอักเสบของร่างกายในระบบต่างๆรวมถึงสิวด้วย
การใช้ยาบางชนิด ยาหลายชนิดอาจเป็นสาเหตุของสิวได้ เช่น ยารับประทานและยาทากลุ่มสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิดหรือยากลุ่มฮอร์โมนเพศบางชนิดเป็นต้น
วิธีการรักษา
ในส่วนของการรักษานั้น นอกจากการใช้ยาทาสิว และรวมถึงยารับประทานที่อาจมีความจำเป็นในบางกรณีแล้ว
การรักษาในกลุ่มหัตถการที่มักมีความจำเป็นต่อการรักษาสิวเช่น
การกดสิว (comedone extraction) เป็นหัตถการที่มักต้องทำในผู้ที่มีสิวอักเสบชนิดสิวอุดตัน ทั้งหัวปิดและหัวเปิด รวมถึงสิวอักเสบที่มีหนอง หลังกดสิวอาจมีรอยบนผิวจากการกดได้ 3-4 วันหรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ แต่การกดสิวที่ถูกวิธีจะไม่ก่อให้เกิดหลุมหรือแผลเป็นสิวในระยะยาว ในทางตรงกันข้าม การกดสิวอุดตันที่มีอยู่ออกจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบที่มักก่อให้เกิดรอยดำ รอยแผลเป็นหรือหลุมสิวได้
การฉีดสิว การฉีดสิวเป็นการฉีดยาลดอักเสบกลุ่มสเตียรอยความเข้มข้นต่ำๆ เพื่อทำให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้น แต่ไม่มีความจำเป็นสำหรับสิวอุดตันที่ยังไม่ได้มีการอักเสบ
หัตถการอื่นๆ
เลเซอร์ เลเซอร์ที่นำมาใช้ในการรักษาสิวได้ผลดีมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น วีบีม(Vbeam), IPL, Finescan เป็นต้น ซึ่งเลเซอร์แต่ละชนิดคุณหมอที่ดูแลจะเป็นผู้พิารณาเลือกการรักษาที่เหมาะสมให้ค่ะ โดยคุณสมบัติของเลเซอร์ช่วยรักษาสิวได้ด้วยกลไกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทำให้กลุ่มต่อมไขมันหดตัว ลดการอักเสบ ลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นตอของสิวอักเสบเป็นต้น และยังช่วยลดรอยแดง รอยดำ และลดโอกาสการเกิด รวมถึงช่วยรักษาหลุมสิวและแผลเป็นสิวไปด้วยพร้อมๆกันค่ะ
ทำวิดิโอพูดคุยแนะนำวิธีใช้ยารักษาสิวง่ายๆด้วยตัวเองไว้ค่ะ
ถ้าใครสนใจลองคลิกเข้าไปดูกันนะคะ
https://youtu.be/Kd4VzM96wmM
**ไม่รู้ว่าน่าเบื่อจนเลิกอ่านกันไปก่อนป่าว คอมเมนต์ติชมกันได้นะค๊าา