สวัสดีค่ะ...ปีนี้เราอายุแตะที่เลข 3 แล้ว (เวลาผ่านไปเร็วมาก ยังรู้สึกว่า เรียนจบมาได้ไม่นาน) เราเป็นคนขี้โรคค่ะ มีโรคประจำตัว สงบไปพักนึง แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา กำเริบหนัก หลังจากมุ่งมั่นทำงาน แต่สุดท้ายกลับไม่มีคนเห็นค่า สุดท้ายเราน้อยใจ เครียด โรคกำเริบหนัก ลาป่วยบ่อย จนต้องขอลาออก ตอนนี้ก็ยังพบหมออยู่ เห็นหมอจ่ายยาให้ แล้วอยากจะร้องไห้ทุกครั้ง ยามันเยอะมากกกกกก แต่ละตัวมีก็ผลข้างเคียงแรงๆทั้งนั้น แต่หมอบอกจำเป็นต้องทาน ฮืออออ T^T
คือ ตอนนี้เราทำงานในบริษัทเล็กแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทคนไทยเชื้อสายจีน ทำที่นี่มาได้เกือบปีละคะ ปสก.ทำสาย HRM กับ Admin
ข้อดีของบริษัทนี้
1. มีห้องทำงานส่วนตัว
2. คนน้อย จึงไม่มีคนมาวอแว หรือหาเรื่องทะเลาะ
3. เจ้านายใจดี ไม่ค่อยกดดันอะไร
4. เนื้องานน้อย งานสบายๆ และเราทำงานเร็ว จึงมีเวลานั่งว่างเยอะ
5. จากทั้ง 4 ข้อ ทำให้เราไม่เครียด (ชอบตรงนี้ เพราะที่ผ่านมา เราจะเครียดมากทั้งคนทั้งงานจนโรคกำเริบ)
ข้อเสีย
1. เนื้องานน้อย ไม่ก้าวหน้า เป็นแบบรูทีนซะมากกว่า
2. เงินเดือนน้อย (ยังไม่แตะ 30k)
3. โบนัสน้อย(ให้ไม่ถึงเดือน บางปีไม่ให้ก็มี)
4. ไม่ได้ใช้ทักษะภาษาอังกฤษเลย ทั้งๆที่เรามีคะแนนโทอิค 600 กว่า และเคยใช้ภาษาอังกฤษทำงานมาตลอด
เนื่องจากเรามีภาระทางครอบครัว คุณพ่อป่วยเป็นโรคไต และโรคแทรกซ้อนอื่นๆเยอะมาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ล้มเดินไม่ได้ ทำตัวนอนติดเตียง (จริงๆ พอเดินได้ แต่แกจะบ่นว่าปวด) หาหมอทุกเดือน เดือนละ2-3 ครั้ง ตรงนี้จึงมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก คุณแม่อายุเกือบ 70 ปี แต่ก็พยายามที่จะดูแลพ่อ เพราะลูกๆต้องทำงาน แต่เนื่องจากเรามีเวลามากกว่าคนอื่น แล้วไม่ค่อยไปไหน เลิกงานก็กลับบ้านเลย มีเวลาเราก็ช่วยดูแลค่ะ เช่น ช่วยซื้อข้าวให้ ทำความสะอาดพื้นห้องให้ จะทำทุกเย็นและวันหยุด พี่น้องคนอื่นๆจะอ้างว่า ไม่มีเวลา หรือ ไม่อยากทำ แต่พอว่างเราก็เห็นเอาแต่นอน กับเล่นเกม แต่แบ่งเงินให้เหมือนกัน (แต่ให้เท่าไรอะไรยังไง เราไม่ได้สืบ) เรื่องแบบนี้เคยคุยกับแม่แล้วว่า ต้องช่วยแบ่งกันดูแลให้เป็นหน้าที่ แต่แม่จะบอกว่า พูดไปก็เท่านั้น ขึ้นอยู่จิตสำนึกของแต่คนละ ใครคิดดี ทำดีก็ได้ดีไป .....:ปัญหาตรงนี้จึงจำเป็นที่เราต้องอดทนต่อความเจ็บป่วย และต้องทำงานช่วยหาเงินให้ทางแม่มาเป็นค่าใช้จ่าย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรากังวล ความคิดในหัวขัดแย้ง ตีกัน 2 ทาง ไม่รู้จะเลือกทางไหนดีให้กับตัวเราเองดี
ความคิดที่ 1 - สายชิว
บอกกับตัวเองว่า ที่ผ่านแกก็เคยมีปสก.ทำงานหนักๆทำทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง ทำได้ทุกอย่างแล้วนะ แต่สิ่งที่แกได้ คือ ไม่ได้ทุกอย่างที่อยากได้...มีโดนหลอก โดนกดเงินเดือน(ไม่ได้ให้ตามที่ตกลง) โดนกลั่นแกล้ง เครียดจนโรคกำเริบเกือบตายยังไม่เข็ด....
....มาตอนนี้ มีงานดีๆอยู่แล้ว งานสบายๆ ไม่เครียด ไม่กดดัน ใกล้ๆบ้าน ตื่นสายได้ ดันไม่ชอบ ไม่พอใจ ถึงแม้เงินเดือนจะน้อยหน้าเพื่อนๆ ถือว่า พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายไปก่อน...แล้วอายุมากขึ้น ล่าสุดตรวจเจอโรคเพิ่มด้วย ต้องหาหมออยู่เรื่อยๆ ลาเขาก็ไม่ว่าอะไร มันดีมากแล้วนะ
ความคิดที่ 2 - สายทะเยอะทะยาน มุ่งมั่น ขยันทำงาน
บอกกับตัวเองว่า ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ทักษะการทำงานจะน้อยลง ทักษะภาษาอังกฤษอาจจะดรอปลง เพราะไม่ได้ใช้งาน และเงินเดือนก็จะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อไม่ปิดกั้นตัวเอง เราเลือกที่จะออนไลน์เรซูเม่ไว้ เผื่อมีงานน่าสนใจ ก็มีแต่คนมาเสนองานหลายที่ เราก็เลือกอันที่ดูว่าเป็นบรษัทมีชื่อ น่าเชื่อถือ งานน่าสนใจ จึงมีปฏิเสธไปหลายที่ เพราะไม่อยากเสียเวลา แต่พอลองไปสัมภาษณ์อันที่คิดว่าน่าสนใจจริงๆ แต่ละที่อยู่ไกลกว่าที่ปัจจุบันทั้งนั้น เดินทางลำบาก หลายต่อ แล้วก็ไม่ได้ให้เงินเดือนตามที่ขอ ดีกว่าตรงมีการันตีโบนัสให้
ล่าสุด ก่อนหยุดยาว ก็มีคนมาเสนองานให้ มี 2 ที่
ที่แรก - เป็นแบบบริษัทหาเอง ตน.ด้าน
hr อยู่ในแนวบีทีเอส บริษัทมั่นคง สวัสดิการก็ดี
เนื้องานก็ดูโอเค แต่ยังไม่ได้ถามเรื่องเงินเดือนแบบชัดเจ เราบอกแต่ตัวเลขที่คาดหวังไป นัดสัมภาษณ์หลังหยุดยาวนี้เลย
2. ผ่าน head hunter ก็มาเสนองาน ทำแถวที่ทำงานปัจจุบัน เป็นบริษัทญี่ปุ่น(อีกละ) เป็นบริษัทใหญ่ มีชื่อแห่งนึง เป็นงานตน.ด้าน HR เหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าบ.ญี่ปุ่น แถมบ.ใหญ่ สวัสดิการดีอยู่แล้ว แถมโบนัสล่อตาล่อใจมาก แต่ทาง head hunter ที่นี่แปลก ให้เราส่งเอกสารสมัครงานส่วนตัวให้ทางอีเมล์ (เราไม่ค่อยอยากส่งเลย)
เราตัดสินใจไม่ถูกเลยค่ะ ใจนึงก็กลัวการเปลี่ยนแปลง แล้วไม่ดี อยากพักผ่อนรักษาสุขภาพ อีกใจนึงก็กังวล เพราะอายุก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็อยากเติบโตในหน้าที่การงาน
ขอความคิดเห็นเพื่อนๆหน่อยค่ะว่า เราควรทำอย่างไรดี
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ
ปล.อาจจะมีพิมพ์ตกหล่น เรียบเรียงไม่ได้ใจความ เนื่องจากเราพิมพ์ผ่านบนโทรศัพท์ค่ะ
มีปัญหาเรื่องงาน ปัญหาสุขภาพ และปัญหาครอบครัว ควรทำอย่างไรดีค่ะ
คือ ตอนนี้เราทำงานในบริษัทเล็กแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทคนไทยเชื้อสายจีน ทำที่นี่มาได้เกือบปีละคะ ปสก.ทำสาย HRM กับ Admin
ข้อดีของบริษัทนี้
1. มีห้องทำงานส่วนตัว
2. คนน้อย จึงไม่มีคนมาวอแว หรือหาเรื่องทะเลาะ
3. เจ้านายใจดี ไม่ค่อยกดดันอะไร
4. เนื้องานน้อย งานสบายๆ และเราทำงานเร็ว จึงมีเวลานั่งว่างเยอะ
5. จากทั้ง 4 ข้อ ทำให้เราไม่เครียด (ชอบตรงนี้ เพราะที่ผ่านมา เราจะเครียดมากทั้งคนทั้งงานจนโรคกำเริบ)
ข้อเสีย
1. เนื้องานน้อย ไม่ก้าวหน้า เป็นแบบรูทีนซะมากกว่า
2. เงินเดือนน้อย (ยังไม่แตะ 30k)
3. โบนัสน้อย(ให้ไม่ถึงเดือน บางปีไม่ให้ก็มี)
4. ไม่ได้ใช้ทักษะภาษาอังกฤษเลย ทั้งๆที่เรามีคะแนนโทอิค 600 กว่า และเคยใช้ภาษาอังกฤษทำงานมาตลอด
เนื่องจากเรามีภาระทางครอบครัว คุณพ่อป่วยเป็นโรคไต และโรคแทรกซ้อนอื่นๆเยอะมาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ล้มเดินไม่ได้ ทำตัวนอนติดเตียง (จริงๆ พอเดินได้ แต่แกจะบ่นว่าปวด) หาหมอทุกเดือน เดือนละ2-3 ครั้ง ตรงนี้จึงมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก คุณแม่อายุเกือบ 70 ปี แต่ก็พยายามที่จะดูแลพ่อ เพราะลูกๆต้องทำงาน แต่เนื่องจากเรามีเวลามากกว่าคนอื่น แล้วไม่ค่อยไปไหน เลิกงานก็กลับบ้านเลย มีเวลาเราก็ช่วยดูแลค่ะ เช่น ช่วยซื้อข้าวให้ ทำความสะอาดพื้นห้องให้ จะทำทุกเย็นและวันหยุด พี่น้องคนอื่นๆจะอ้างว่า ไม่มีเวลา หรือ ไม่อยากทำ แต่พอว่างเราก็เห็นเอาแต่นอน กับเล่นเกม แต่แบ่งเงินให้เหมือนกัน (แต่ให้เท่าไรอะไรยังไง เราไม่ได้สืบ) เรื่องแบบนี้เคยคุยกับแม่แล้วว่า ต้องช่วยแบ่งกันดูแลให้เป็นหน้าที่ แต่แม่จะบอกว่า พูดไปก็เท่านั้น ขึ้นอยู่จิตสำนึกของแต่คนละ ใครคิดดี ทำดีก็ได้ดีไป .....:ปัญหาตรงนี้จึงจำเป็นที่เราต้องอดทนต่อความเจ็บป่วย และต้องทำงานช่วยหาเงินให้ทางแม่มาเป็นค่าใช้จ่าย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรากังวล ความคิดในหัวขัดแย้ง ตีกัน 2 ทาง ไม่รู้จะเลือกทางไหนดีให้กับตัวเราเองดี
ความคิดที่ 1 - สายชิว
บอกกับตัวเองว่า ที่ผ่านแกก็เคยมีปสก.ทำงานหนักๆทำทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง ทำได้ทุกอย่างแล้วนะ แต่สิ่งที่แกได้ คือ ไม่ได้ทุกอย่างที่อยากได้...มีโดนหลอก โดนกดเงินเดือน(ไม่ได้ให้ตามที่ตกลง) โดนกลั่นแกล้ง เครียดจนโรคกำเริบเกือบตายยังไม่เข็ด....
....มาตอนนี้ มีงานดีๆอยู่แล้ว งานสบายๆ ไม่เครียด ไม่กดดัน ใกล้ๆบ้าน ตื่นสายได้ ดันไม่ชอบ ไม่พอใจ ถึงแม้เงินเดือนจะน้อยหน้าเพื่อนๆ ถือว่า พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายไปก่อน...แล้วอายุมากขึ้น ล่าสุดตรวจเจอโรคเพิ่มด้วย ต้องหาหมออยู่เรื่อยๆ ลาเขาก็ไม่ว่าอะไร มันดีมากแล้วนะ
ความคิดที่ 2 - สายทะเยอะทะยาน มุ่งมั่น ขยันทำงาน
บอกกับตัวเองว่า ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ทักษะการทำงานจะน้อยลง ทักษะภาษาอังกฤษอาจจะดรอปลง เพราะไม่ได้ใช้งาน และเงินเดือนก็จะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อไม่ปิดกั้นตัวเอง เราเลือกที่จะออนไลน์เรซูเม่ไว้ เผื่อมีงานน่าสนใจ ก็มีแต่คนมาเสนองานหลายที่ เราก็เลือกอันที่ดูว่าเป็นบรษัทมีชื่อ น่าเชื่อถือ งานน่าสนใจ จึงมีปฏิเสธไปหลายที่ เพราะไม่อยากเสียเวลา แต่พอลองไปสัมภาษณ์อันที่คิดว่าน่าสนใจจริงๆ แต่ละที่อยู่ไกลกว่าที่ปัจจุบันทั้งนั้น เดินทางลำบาก หลายต่อ แล้วก็ไม่ได้ให้เงินเดือนตามที่ขอ ดีกว่าตรงมีการันตีโบนัสให้
ล่าสุด ก่อนหยุดยาว ก็มีคนมาเสนองานให้ มี 2 ที่
ที่แรก - เป็นแบบบริษัทหาเอง ตน.ด้าน
hr อยู่ในแนวบีทีเอส บริษัทมั่นคง สวัสดิการก็ดี
เนื้องานก็ดูโอเค แต่ยังไม่ได้ถามเรื่องเงินเดือนแบบชัดเจ เราบอกแต่ตัวเลขที่คาดหวังไป นัดสัมภาษณ์หลังหยุดยาวนี้เลย
2. ผ่าน head hunter ก็มาเสนองาน ทำแถวที่ทำงานปัจจุบัน เป็นบริษัทญี่ปุ่น(อีกละ) เป็นบริษัทใหญ่ มีชื่อแห่งนึง เป็นงานตน.ด้าน HR เหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าบ.ญี่ปุ่น แถมบ.ใหญ่ สวัสดิการดีอยู่แล้ว แถมโบนัสล่อตาล่อใจมาก แต่ทาง head hunter ที่นี่แปลก ให้เราส่งเอกสารสมัครงานส่วนตัวให้ทางอีเมล์ (เราไม่ค่อยอยากส่งเลย)
เราตัดสินใจไม่ถูกเลยค่ะ ใจนึงก็กลัวการเปลี่ยนแปลง แล้วไม่ดี อยากพักผ่อนรักษาสุขภาพ อีกใจนึงก็กังวล เพราะอายุก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็อยากเติบโตในหน้าที่การงาน
ขอความคิดเห็นเพื่อนๆหน่อยค่ะว่า เราควรทำอย่างไรดี
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ
ปล.อาจจะมีพิมพ์ตกหล่น เรียบเรียงไม่ได้ใจความ เนื่องจากเราพิมพ์ผ่านบนโทรศัพท์ค่ะ