เรื่องเล่า "คุณแม่เด็กหญิง"

                       เรื่องราวที่ฉันจะเล่าต่อจากนี้ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงที่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของเรื่องราวว่าสามารถนำไปแบ่งบันเพื่อเป็นวิทยาทานแด่เด็กวัยรุ่นที่มีความรักในวัยเรียน และมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่ไม่พร้อมและไม่มีการป้องกันการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี
                      เรื่องเริ่มต้นวันที่ 18 ก.ค 2561 จากการที่น้องพยาบาลจบใหม่ท่านหนึ่งได้ทักแชทในเฟสบุ๊คมาปรึกษาเรื่องการจะพาวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 18 ปี มาฝากครรภ์โดยไม่ต้องพาผู้ปกครองมาด้วยสามารถทำได้หรือไม่  ด้วยความสงสัยและอยากทราบรายละเอียด จึงสอบถามไปว่าใคร ที่ไหน เหตุการณ์มีความเป็นมาอย่างไร จากการพูดคุยรายละเอียดสอบถามได้ใจความข้างต้นว่า “มีเด็กวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 15 ปี ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์โดยที่ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง และทางผู้ปกครองของเด็กไม่ทราบเรื่อง” หลังจากได้รับข้อมูลก็เข้าใจในระดับหนึ่งว่ามันจะต้องมีเรื่องราวที่ทำให้เด็กตัดสินใจไม่บอกเรื่องเหล่านี้ให้ครอบครัว พ่อแม่ทราบ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการพบกันครั้งแรกของเรากับน้อง
                     ช่วงเวลาพักกลางวันของวันที่ 19 ก.ค. 2561 ได้รับโทรศัพท์จากน้องพยาบาลว่าน้องต้องการจะเปิดเผยตัวกับเราว่าตั้งครรภ์ ต้องการรับคำปรึกษา จึงได้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อมา และได้ทำการนัดหมายกับน้อง รร. ที่รู้จักกันผ่านน้องพยาบาลว่าเป็นนักศึกษาครูฝึกประสบการณ์ที่น้องบอกเรื่องราวให้ได้ฟังจะพาขออนุญาตออกมาจาก รร.เพื่อเจอเราในช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมง หลังจากได้รับโทรศัพท์เราก็แจ้งน้องไปว่าหากมาถึงแล้วแจ้งเราได้ทันที เราจึงได้เตรียมเอกสาร เตรียมตัวเราเอง และสอบถามพี่ๆว่าเราจะส่งต่อไปพบคุณหมอท่านไหนได้บ้างในช่วงเวลาบ่ายของวันนั้น หลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน บรรยากาศการคุยกันค่อยข้างเป็นส่วนตัว เราเองก็ยังใหม่ คือใหม่มากจริงๆสำหรับเรื่องแบบนี้แต่ก็พอจะดึงวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เราจัดบรรยากาศให้เป็นส่วนตัว มิดชิด และเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่าเรื่องราวออกมา รวมถึงใช้คำถามปลายเปิดที่เด็กจะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นการซักไซ้หรืออึดอัดใจที่จะตอบ น้องเล่าว่าอยู่ที่บ้านด้วยกันทั้งหมด 5 คน ได้แก่พ่อทำงานเป็นช่างไม้ แต่ไม่ค่อยได้มีงานมากเท่าไหร่นักรายได้จึงไม่ค่อยแน่นอน ส่วนแม่อายุ 40 ปี ทำงานรับจ้างรายวันที่โรงรับซื้อของเก่าที่ได้ค่าแรง 300 บาทต่อวัน ตัวน้องเองเป็นลูกคนที่ 2 มีน้องอยู่ชั้น ป.4 และ ชั้นอนุบาล 2 อีก 1 คน ทั้งหมดอาศัยด้วยกันไม่มีที่ทำกิน แม้แต่ข้าวก็ต้องซื้อกิน เธอรู้สึกว่าตนเองตั้งครรภ์ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งก็ผ่านมานานพอสมควรจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดในเดือน ธ.ค 2560 โดยที่ไม่ได้ผ่านการคิดเลยว่าหากคิดจะมีเพศสัมพันธ์เธอต้องคุมกำเนิด เธอพยายามที่จะบอกพ่อและแม่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเธอไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ ไม่สามารถเล่าได้ ไม่สามารถเอาชนะความกลัวหลังจากบอกความจริงเรื่องตั้งครรภ์ให้พ่อกับแม่ทราบ เพราะสภาพครอบครัวของเธอไม่ได้พร้อมมากพอที่จะรับดูแล รับเลี้ยงเด็กอีกคนที่เกิดมาจากตัวเธอเอง เก็บเรื่องนี้ตั้งแต่รู้ตัวช่วงเดือนเมษายน จนกระทั่งเปิดเทอมจึงได้ระบายและเล่าให้เพื่อนในชั้นเรียนฟังถึงเรื่องที่ตนเองกำลังตั้งครรภ์ มีเพื่อนหลายคนแนะนำและเล่าให้เธอฟังว่าสามารถเอาลูกออกได้โดยที่โรงพยาบาลจะช่วยเรา เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ว่าตัวเธอเองไม่อยากสร้างตราบาปในใจให้กับตนเอง และเธอเองมีความเชื่อว่าหากทำแท้ง ฆ่าลูกตนเอง ต่อไปทำอะไรก็ตามจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เจริญรุ่งเรือง มีอุปสรรคในชีวิตเพราะจะถูกตามจองเวรจองกรรม เธอตัดสินใจแล้วอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะเอาเด็กไว้เพียงแต่ขอเวลาว่าจะบอกพ่อแม่อย่างไรและเมื่อไหร่จะสามารถเปิดเผยตัวตนได้ว่าท้อง แล้วไปฝากครรภ์ ตลอดระยะเวลาที่เล่าเรื่องเธอมีสีหน้าวิตกกังวล เกาะเล็บตนเอง และก้มหน้ามองท้องตนเอง พร้อมร้องไห้ ฉันนั่งเงียบไปเพื่อให้เด็กได้เว้นวรรคและได้ทบทวนความรู้สึกของตนเองว่าจะพร้อมเล่าต่อไปหรือไป แต่เมื่อหันมองไปอีกมุมของเก้าอี้ในห้องที่คุยกัน นศ.ครูฝึกสอนได้ร้องไห้ออกมา การสนทนาหยุดชะงักไปประมาณเกือบ 20 นาที เมื่อถามถึงครอบครัวของฝ่ายชาย น้องไม่สามรถตอบได้ ได้แต่ส่ายหน้าแล้วพูดออกมาเบาๆว่า “หนูไม่รู้ค่ะ ไม่รู้จริงๆว่าใครคือพ่อของลูกหนู” ฉันเกิดคำถามในใจหลายประเด็นมาก แต่ต้องพึงระลึกไว้ว่าหากน้องพร้อม น้องคงจะเล่าออกมาเอง เราต้องเว้นช่วงให้เด็กได้พักและไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป ตลอดระยะเวลาที่นั่งพูดคุยกันเกือบ 2 ชม. ฉันได้เข้าใจเด็กคนนี้มากยิ่งขึ้นว่าอะไรทำให้เธอสามารถไปโรงเรียนได้ทุกวันแม้ว่าเธอจะท้องโตขึ้นทุกๆ จนบางครั้งเธอไม่สามารถนั่งได้ เพราะการช่วยเหลือกันของเพื่อนๆในห้องเรียน คอยช่วยเหลือคอยดูแลเรื่องเรียน เรื่องอาหาร และช่วยประคับประคองให้กำลังใจเธอ จนกระทั่งเพื่อนของเธอได้เล่าเรื่องให้คุณครู นศ.ฝึกสอนฟัง เพื่อจะได้ช่วยกันหาทางออก หาทางดูแล และร่วมกันแก้ปัญหาไม่ให้เธอต้องเผชิญปัญหาโดยลำพัง
                     หลังจากนั้นฉันได้พาน้องไปพบแพทย์เพื่อประมาณและยืนยันสภาวะการตั้งครรภ์ตามแนวทางของโรงพยาบาลที่ตกลงกันไว้ ฉันเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้แพทย์ได้ทราบในเบื้องต้น เช้า LMP คือ 2 ธ.ค.2560 และท้องแรก อายุมารดา 14 ปี แพทย์จึงให้ตรวจปัสสาวะเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์และทำอัลตราซาวน์ จากการประเมินและตรวจร่างกายพบว่าตั้งครรภ์ได้ประมาณ 26 สัปดาห์ มีภาวะซีดร่วมด้วย หลังจากนั้นก็ให้น้องกลับบ้านไปก่อนแล้วพยายามค่อยๆบอกกับพ่อแม่ เย็นวันนั้นหลังเลิกงานและประชุมกับที่ที่ทำงานห้องคลอดได้รับโทรศัพท์จากผู้ปกครองเพื่อนของน้องว่า ไม่สามรถบอกพ่อแม่ได้จริงๆ เพราะหากบอกไปน้องคงโดนดุและอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นกับตัวน้องและตัวเด็กที่อยู่ในท้อง ฉันจึงขอปรึกษากับทีมก่อนแต่ก็ได้แจ้งไปว่าให้มาพบพรุ่งนี้ในช่วงบ่ายเพื่อร่วมกันหาทางออก แนวทางในการแจ้งพ่อแม่ของน้อง เวลา 20.30 น. ครูฝ่ายปกครองของโรงเรียนได้โทรมาสอบถามและปรึกษากับฉันว่า สุขภาพกายของน้องที่ตั้งครรภ์เป็นอย่างไร เพราะตอนช่วงเย็นครูได้สอบถามน้องว่าได้แจ้งพ่อแม่หรือยัง น้องก็บอกว่ายังไม่กล้าบอก คุณครูบอกกับฉันว่า หากมีอะไรให้ทางโรงเรียนช่วย เสริมแรงกัน ช่วยเด็กคนนี้ก็ขอให้โทรบอกหรือเข้าไปหาที่โรงเรียนได้เลย
                      เหตุการณ์ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่ฉันได้รับเรื่องของเด็กคนนี้ที่เธอตั้งครรภ์ในวัยเรียน ฉันรู้สึกได้ถึงความลำบากของเด็กเมื่อตั้งครรภ์ในขณะที่วุฒิภาวะไม่พร้อม ร่างกายไม่พร้อม และที่สำคัญครอบครัวไม่ได้รับรู้การตั้งครรภ์นั้นตั้งแต่แรกเริ่ม จึงก่อให้เกิดความยากลำบากในการบริหารจัดการเรื่องที่เข้ามา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังได้เห็นความช่วยเหลือจากหลายๆคน ได้แก่ คุณครูฝ่ายปกครองที่พร้อมจะเข้าใจเด็ก พร้อมช่วยเหลือเมื่อตั้งครรภ์แล้วแต่อยากให้ลูกศิษย์ได้รับการศึกษาต่อ นศ.ครูฝึกประสบการณ์ที่กล้าจะเข้าหาเด็กแล้วมีการส่งต่อตามความสามารถตามขอบเขตที่เธอสามารถช่วยได้ ผู้ปกครองของเพื่อนนักเรียนด้วยกันที่ยินดียื่นมือมาช่วยทั้งเรื่องอาหารการกิน การเป็นธุระพามาฝากครรภ์ พร้อมจะให้ที่พักพิงหากเด็กไม่มีที่อยู่ที่ปลอดภัยเมื่อพ่อแม่ทราบเรื่อง และที่สำคัญคือทีมสหวิชาชีพของโรงพยาบาลเมื่อฉันร้องขอให้ช่วยดูแล ช่วยดำเนินการ ฉันได้แต่หวังว่าฉันเอง และเด็กคนนี้จะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ด้วยดี ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่