อายุ 35 ปีแล้ว แต่รู้สึกว่ายังไม่เคยประสบความสำเร็จในชีวิตด้านไหนเลยครับ มีใครเป็นบ้างครับ

เจ้าของกระทู้ กำลังจะอายุ 35 ปีครับ แต่ว่าตอนนี้ ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีแฟนครับ หน้าที่การงานก็เป็นพนักงานบริษัท IT ธรรมดา ๆ ในเมืองหลวงครับ

ผมทำงานมาสิบกว่าปีแล้วครับ โชคดีหน่อยตรงที่ไม่มีหนี้ และพอมีเงินเหลือพอส่งให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัดกับมีเงินเก็บส่วนตัวนิดหน่อยครับ

ปัญญาคือเวลา เรามองดูเพื่อนๆ ที่โตมาด้วยกัน เค้ามีบ้าน มีรถ มีครอบครัวกันหมดแล้วครับ ส่วนหน้าที่การงานแต่ละคนก็เริ่มเป็นระดับบริหาร เริ่มเป็นเจ้าของกิจการกันแล้ว ขณะที่ผมยังเป็นแค่กรรมกร IT ธรรมดาๆอยู่เลย ผมเลยเริ่มรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในชีวิตครับ

ส่วนเรื่องความรัก พอเริ่มจีบใคร พอเราบอกว่าไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ผู้หญิงสมัยนี้เค้าก็ไม่สนใจครับ ทั้งที่ผมก็มีสาเหตุของผมครับ

สาเหตุที่ผมไม่มีบ้าน เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดเมื่อไหร่ เพราะท่านทั้งสองก็ชรามากแล้ว

ส่วนที่ผมไม่มีรถเพราะ ทุกวันนี้ก็เช่าคอนโดที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ตอนเช้าก็นั่งรถไฟฟ้าไปทำงาน ตอนเย็นก็เดินกลับได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วยครับ ถ้าต้องไปไหนไกล ๆบางทีก็นั่งแท็กซี่บ้าง นั่ง Grab บ้าง เพราะคิดๆ ดูแล้ว มันคุ้มค่ากว่าซื้อรถขับครับ

พอไปเล่าให้ใครฟังแบบที่เขียนมาข้างบน บางคนเค้าก็บอกว่าเป็นข้ออ้างของคนขี้แพ้แบบผม ตอนนี้เริ่มเครียดครับ ว่าชีวิตผมล้มเหลวจริงๆ เหรอครับ อยากจะมีคู่ชีวิตสักคน ผมจำเป็นต้องซื้อบ้าน ซื้อรถเหรอครับ ใครเคยสับสนแบบผมตอนนี้บ้างครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 74
เจ้าของกระทู้ กำลังจะอายุ 35 ปีครับ แต่ว่าตอนนี้ ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีแฟนครับ หน้าที่การงานก็เป็นพนักงานบริษัท IT ธรรมดา ๆ ในเมืองหลวงครับ

ผมทำงานมาสิบกว่าปีแล้วครับ โชคดีหน่อยตรงที่ไม่มีหนี้ และพอมีเงินเหลือพอส่งให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัดกับมีเงินเก็บส่วนตัวนิดหน่อยครับ

ปัญญาคือเวลา เรามองดูเพื่อนๆ ที่โตมาด้วยกัน เค้ามีบ้าน มีรถ มีครอบครัวกันหมดแล้วครับ ส่วนหน้าที่การงานแต่ละคนก็เริ่มเป็นระดับบริหาร เริ่มเป็นเจ้าของกิจการกันแล้ว ขณะที่ผมยังเป็นแค่กรรมกร IT ธรรมดาๆอยู่เลย ผมเลยเริ่มรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในชีวิตครับ

ส่วนเรื่องความรัก พอเริ่มจีบใคร พอเราบอกว่าไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ผู้หญิงสมัยนี้เค้าก็ไม่สนใจครับ ทั้งที่ผมก็มีสาเหตุของผมครับ

สาเหตุที่ผมไม่มีบ้าน เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดเมื่อไหร่ เพราะท่านทั้งสองก็ชรามากแล้ว

ส่วนที่ผมไม่มีรถเพราะ ทุกวันนี้ก็เช่าคอนโดที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ตอนเช้าก็นั่งรถไฟฟ้าไปทำงาน ตอนเย็นก็เดินกลับได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วยครับ ถ้าต้องไปไหนไกล ๆบางทีก็นั่งแท็กซี่บ้าง นั่ง Grab บ้าง เพราะคิดๆ ดูแล้ว มันคุ้มค่ากว่าซื้อรถขับครับ

พอไปเล่าให้ใครฟังแบบที่เขียนมาข้างบน บางคนเค้าก็บอกว่าเป็นข้ออ้างของคนขี้แพ้แบบผม ตอนนี้เริ่มเครียดครับ ว่าชีวิตผมล้มเหลวจริงๆ เหรอครับ อยากจะมีคู่ชีวิตสักคน ผมจำเป็นต้องซื้อบ้าน ซื้อรถเหรอครับ ใครเคยสับสนแบบผมตอนนี้บ้างครับ
..............................................................
มีน้องสาวอีกคนครับ เธอเองก็เป็นเจ้าของกิจการครับ กิจการของน้องกับสามีก็เติบโตดีเรื่อยๆ พอมาเทียบกับตัวเองเลย ที่เคยล้มเหลวตอนทำกิจการของตัวเองเพราะน้ำท่วมปี 2011 มันเลยยิ่งรู้สึกแย่ครับ เพราะว่าสมัยเล็กๆ เราเคยเลี้ยง เคยดูแลน้องมา พอมาตอนนี้ เค้าชวนให้กลับไปช่วยงานธุรกิจของเค้าแทน

ส่วนทางบ้านพ่อแม่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร พอมีที่ดินสวนยาง กับที่นาที่ต่างจังหวัดบ้างครับ
..............................................................
ตอนนี้ก็มีเงินเก็บและสินทรัพย์อื่นๆเกิน สี่แสนมาเยอะพอสมควรครับ แค่ไม่อยากซื้อบ้าน ซื้อรถ ทุกวันนี้ ก็ให้ส่งเงินพ่อแม่ใช้ เดือนละสองหมื่นห้าครับ
ปัจจุบันก็เป็นพนักงานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ระดับหัวหน้าทีมเฉยๆ ครับ แค่ผมคิดว่ามีรายได้เท่านี้ไปเรื่อยๆ ก็เหลือเก็บ พอใช้ตอนแก่แล้วครับ เลยไม่ได้ดิ้นรนเพิ่มเติมครับ
........................................................................................
หน้าที่การงาน ก็เป็นแค่พนักงานบริษัท ระดับหัวหน้าทีมเฉยๆ ครับ เงินเดือนตอนนี้หลังหักภาษีหลังส่งให้พ่อแม่ แล้วก็ยังเหลือหกหลักครับ

แต่เวลาเทียบๆ กับเพื่อนๆ ที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เค้าไปไกลกันกว่าผมเยอะแล้วครับ แต่ละคนเป็นนายแพทย์รายได้เดือนละหลายแสนบ้าง ทายาทเจ้าของกิจการขนาดใหญ่บ้าง คราวนี้เพื่อนๆ ผมเค้าก็พยายามจะผลักดันผมให้มีเท่าพวกเค้านะครับ เพราะเรานัดกินเลี้ยงกันทุกเดือน
........................................................................................
เรื่องรายได้ หลังหักภาษีกับส่งให้พ่อแม่แล้ว ยังเหลือเกินแสนบาทมากพอสมควรครับ ดังนั้นผมว่าน่าจะเลี้ยงดูแลภรรยา กับลูกได้ครับ ถ้าแต่งงานไปแล้ว

เรื่องงานจริงๆ แล้ว ตอนนี้ก็เป็นวิศวกรระดับหัวหน้าทีมครับ แต่ส่วนตัวผมชอบทำงานเทคนิคมากกว่างานบริหารครับ ตรงนี้แหละครับ ที่ทุกคนหาว่าผมอยู่ใน comfort zone เพราะจริงๆ แล้ว ผมรู้ว่าผมเหมาะจะทำงาน technical มากกว่างาน management ครับ

ถ้าต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ผมคงทำงานแบบ remote กับบริษัทเดิม หรือหางาน freelance ได้ไม่ยากครับ เพราะงานที่ผมทำเป็นสายงานเฉพาะทาง และทำที่ไหนก็ได้ครับ ถ้ามี internet  หรือถ้าเลวร้ายที่สุด ก็กลับไปช่วยกิจการของน้องสาวครับ

ส่วนเรื่องเรียนโท ผมจบโทมาแล้วครับ หลายปีก่อนหน้านี้เคยคิดจะเรียน MBA ที่ต่างประเทศเหมือนกันครับ แต่ว่ามหาวิทยาลัยที่อยากเรียนค่าเรียนแพงมาก และ ต้องเรียนแบบ full-time เลยไม่แน่ใจว่าจะคุ้มกับที่ลงทุนไปหรือเปล่าครับ

ส่วนเรื่องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ คนทำงานสาย IT ต้องพัฒนาอยู่ตลอดแล้วครับ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมากครับ จนแฟนเก่าผมบ่นว่า ไม่มีเวลาให้ ทำไมต้องอ่านหนังสือ ทำไมต้องสอบใบ cert อะไรเยอะแยะขนาดนั้นครับ
..............................................................................................................



อ่านที่เจ้าของกระทู้เขียนมาทั้งหมด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงที่ขีดเส้นใต้  รวมความมาได้ว่า

อายุ 35 จบ ป.โท แล้ว ทำงานด้านไอทีในระดับหัวหน้างาน/หัวหน้าทีมบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ส่งเงินให้พ่อแม่ใช้เดือนละสองหมื่นห้า   รายได้หลักหักภาษีและหักส่งให้พ่อแม่ยังมีเหลือต่อเดือนเกินแสนบาท  ไม่มีหนี้อื่นใด ทางบ้านไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง พ่อแม่มีที่ดิน มีสวนยาง มีที่นา  น้องสาวทำธุรกิจส่วนตัวซึ่งไปได้ดี   ตัวเจ้าของกระทู้ทำงานเฉพาะทางเป็นที่ต้องการของตลาด ถ้าไม่ต้องเป็นพนักงานบริษัท ก็สามารถเป็น freelance ทำงานที่บ้านได้


เอิ่ม .......................


แบบนี้ถ้าคิดว่าไม่ประสบความสำเร็จ มันก็อยู่ที่ใจตัวเองล้วนๆละ  

และจริงๆเปิดกระทู้ด้วยการบอกว่า เป็นพนักงานธรรมดาๆ กรรมกรไอที  

แต่ท้ายที่สุด คือ ทำงานในระดับหัวหน้างาน ระดับหัวหน้าทีม  รายได้หลังหักภาษีและส่งให้ทีบ้านเกินแสนต่อเดือน  

FacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่