คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
วงเวียน 22 กรกฎา
โดย ซูม 19 ก.ค. 2552 05:00

จากข่าวคราวที่ว่า วันพุธที่ 22 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ "สุริยคราส" มองเห็นครึ่งดวงบ้าง เกือบเต็มดวงบ้างในประเทศไทย รวมทั้ง กทม. ของเราก็จะสามารถมองเห็นสุริยคราส 47 เปอร์เซ็นต์ด้วยนั้น
ทำให้ "วงเวียน 22 กรกฎา" ได้รับการกล่าวขานขึ้นมาทันที เพราะสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ประกาศว่า จะยกกล้องดูพระอาทิตย์ไปตั้งที่วงเวียนแห่งนี้เป็นกรณีพิเศษ
เนื่องเพราะเป็นวงเวียนที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม เช่นกัน
เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการดูสุริยคราส ณ วงเวียน 22 กรกฎา ทีมงานซอกแซกตัดสินใจส่งหน่วยหน้าไปหาข้อมูลมาฝากท่านผู้อ่านทันที โดยอาศัยทางด่วนดินแดงห้อเหยียดไปลงแถวๆ หัวลำโพง ใช้ เวลาแค่ 20 นาที ก็ไปถึงจุดหมายอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเที่ยงของวันที่รถไม่ติดวันก่อน
วงเวียนตั้งอย่างโดดเด่นอยู่กลางถนน 3 สาย แต่มีถึง 6 แยก มีประวัติความเป็นมาที่น่าจดจำไม่น้อยเลย
ในแผ่นป้ายหน้าประตูเข้าสู่วงเวียนเขียนข้อความไว้ว่า วงเวียนแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ.2461 หลังจากได้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ในบริเวณนี้ ซึ่งแต่ก่อนเรียกว่าตำบลหัวลำโพง จนราพณาสูรเมื่อ พ.ศ. 2460
กระทรวงนครบาล นำความกราบบังคมทูลรัชกาลที่ 6 เพื่อขอตัดถนนมาสู่ตำบลหัวลำโพง 3 สายด้วยกัน ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาต และพระราชทานนามว่า ถนน 22 กรกฎาคม เพื่อรำลึกถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2460 ที่พระองค์ท่านทรงนำประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเข้า ร่วมกับฝ่ายพันธมิตรประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ และได้รับชัยชนะ
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการเรียกชื่อสิ่งก่อสร้างในบริเวณนั้น โดยเฉพาะถนน 3 สาย เป็นชื่อเดียวกันหมด อาจทำให้ประชาชนสับสน จึงขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อถนนทั้ง 3 สายเสียใหม่ โดย พระสารประเสริฐ เป็นผู้คิดค้นชื่อขึ้นใหม่ว่า ถนนไมตรีจิต ถนนมิตรพันธ์ และถนนสันติภาพ ส่วนวงเวียนให้ใช้ชื่อว่า "22 กรกฎา" ตามนามพระราชทานแต่เดิม
ในหนังสือ "ชื่อบ้านนามเมืองในกรุงเทพฯ" ของ ศันศนีย์ วีระศิลป์ชัย (จัดพิมพ์โดยศิลป-วัฒนธรรม ฉบับพิเศษ) อธิบายเหตุผลของพระสารประเสริฐว่า
จากชื่อถนนตั้งใหม่ และวงเวียนที่ใช้ชื่อพระราชทานเดิม เมื่อนำมาเรียงร้อยกันจะได้ใจความดังนี้...
"ด้วย ไมตรีจิต ที่ได้ร่วมกับ สัมพันธ์มิตร เพื่อผดุง สันติภาพ ของโลก จึงได้ประกาศสงครามเมื่อ วันที่ 22 กรกฎาคม"
สอดคล้องกับพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 6 ที่ทรงต้องการให้สิ่งก่อสร้างในบริเวณนี้เป็นที่ระลึกการเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 ของสยามประเทศ
ครับ! ก็เป็นที่มาที่ไปของชื่อถนนและชื่อวงเวียนที่ยังเรียกขานกันอยู่ในปัจจุบัน
นับแต่วันก่อสร้าง 27 มกราคม 2461 จนถึงบัดนี้เป็นเวลา 91 ปีแล้ว...เฉพาะตัววงเวียนมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง ล่าสุดจะเป็นนํ้าพุอยู่กลางและมีสวนหย่อมอยู่โดยรอบ
ปัจจุบันนี้ทาง กทม.ก่อสร้างรั้วรอบขอบชิดมีประตูเข้าออก ซึ่งเขียนป้ายปะติดไว้ว่า เปิด 05.00 น. และปิด 21.00 น. ใครไปที่นี่ตอบ 3 ทุ่ม จะไม่สามารถเข้าไปในสวนหย่อมกลางวงเวียนได้
รอบๆ วงเวียนยังมีบริษัทห้างร้านให้บริการต่างๆ เช่นเดียวกับยุคก่อน โดยเฉพาะบริการเปลี่ยนยางรถยนต์ ขายยางรถยนต์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวงเวียน 22 กรกฎา เคียงคู่ไปกับร้านทำบล็อก ร้านออกแบบ ช่างศิลป์ ตรายาง และห้างขายพลาสติก ที่ดำเนินกิจการมายาวนานยังมีอยู่ครบครัน
ที่เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ ห้างขายยาหมอมี ที่กลายเป็นอาคารจอดรถขนาดใหญ่หลายชั้น แต่ก็ทำให้บริเวณวงเวียน 22 กรกฎา ดูทันสมัยขึ้น
แม้ด้านนอกรอบวงเวียนจะดูคึกคัก แต่ถ้าเดินเข้าไปตามซอกซอยที่อยู่ในแยกต่างๆ จะเห็นริ้วรอยของความเงียบเหงาปรากฏอยู่พอสมควร
เช่น จะมีห้องว่างประกาศให้เช่า หรือไม่ก็ห้องแถวที่เปลี่ยนมาเป็นร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ กับแผงอาหาร ไม่อึกทึกเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน ที่เคยเป็นศูนย์รวมของการขนส่งสินค้าจาก กทม. ออกไปทั่วประเทศไทย
รวมทั้งตึกสำนักพิมพ์ ไทยวัฒนาพาณิช ที่เคยโด่งดังบนถนนที่จะพุ่งไปสู่หัวลำโพง ก็ปิดเรียบร้อยแล้ว ดูคล้ายๆ จะมีการรื้อถอนทุบทิ้งอีกไม่นานข้างหน้า
มาพูดถึงอาหารการกินบ้าง ร้านอาหารที่ดังที่สุดย่านวงเวียน 22 กรกฎา เป็นที่โจษขานมานับสิบๆ ปี เห็นทีจะหนีไม่พ้นร้าน "เอี่ยมโภชนา" ซึ่งอยู่ในถนนที่ผ่านวงเวียนจะไปออกพลับพลาไชย
ร้านนี้จะอยู่ในซอยแยกอีกซอยหนึ่ง หาไม่ยาก อาหารเด็ดของเขาก็คือ พวกหม้อไฟสดเปื่อยลูกชิ้น, สุกี้หม้อไฟ, เนื้อหมู ไก่ กระทะ ฯลฯ คนแน่นตลอด
ล่าสุด เขาเปลี่ยนเวลาขายใหม่ เปิด 4 โมงเย็น ปิดร้านตี 4 ซะแล้วครับ...ท่านที่เป็นแฟนหรือจะไปทดลองโปรดทราบเวลาใหม่ของเขาด้วย จะได้ไม่ไปเก้อ
เมื่อพูดถึงอาหารการกินแล้วก็ต้องพูดถึง "บริการ" หรือ "กิจกรรม" ที่โด่งดังคู่วงเวียน 22 กรกฎา อีกอย่างคือ "หญิงขายบริการ" หรือโสเภณี ที่มีชื่อมาตั้งแต่หัวหน้าทีมซอกแซกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่อ 50 ปีก่อน
ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ และมีตั้งแต่ตอนเที่ยงเศษๆ ที่ทีมงานของเราไปเดินเลาะตามซอกซอยแล้วด้วยซํ้า...ทีมงานเล่าว่า เธอทั้งหลายส่วนใหญ่อายุ 30-40 แต่งเนื้อแต่งตัวที่มองปราดก็รู้เลยว่าใช่
เธอจะนั่งเก้าอี้รออยู่ในซอย หลบแดดตามร้านกาแฟเล็กๆ กลุ่ม 3 คนบ้าง 4 คนบ้าง เข้าใจว่าเมื่อมีลูกค้าหรือตกลงกันได้ ก็คงจะไปโรงแรมเล็กๆ แถบๆ นั้น
ขออนุญาตไม่เขียนยาวนะครับเรื่องนี้ แต่จะไม่เขียนซะเลยก็ไม่ได้ เพราะเป็นสีสันส่วนหนึ่งของวงเวียน 22 กรกฎา
สุดท้ายใน "วันสุริยคราส" คาดว่าทีมงาน นักดาราศาสตร์คงจะไปตั้งกล้องกลางวงเวียน ซึ่งมีที่ว่างให้ตั้ง และที่ยืนรองรับผู้คนได้อย่างพอเพียง
ยังไงๆ ฝากดูการจราจรไว้ด้วยนะครับ เพราะเป็นวันทำงาน และเป็นช่วงเวลาภาคเช้าด้วย
ใครอยู่ใกล้ๆ วงเวียน 22 กรกฎา จะไปร่วมดูสุริยคราสด้วยก็เชิญตามสะดวก...ส่วนท่านที่อยู่ไกลๆ ก็คงไม่จำเป็นต้องไปละครับ ดูที่บ้านหรือที่ทำงานเลยดีกว่า เพราะไปเยอะรถจะติดซะเปล่าๆ
อยากไปเที่ยววงเวียน 22 กรกฎา เพื่อรำลึกความหลังกันจริงๆ ค่อยไปวันอื่นๆ ก็แล้วกัน.
"ซูม"
https://www.thairath.co.th/content/20440
โดย ซูม 19 ก.ค. 2552 05:00

ภาพบริเวณวงเวียน 22 กรกฎา เมื่อ พ.ศ. 2490
จากข่าวคราวที่ว่า วันพุธที่ 22 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ "สุริยคราส" มองเห็นครึ่งดวงบ้าง เกือบเต็มดวงบ้างในประเทศไทย รวมทั้ง กทม. ของเราก็จะสามารถมองเห็นสุริยคราส 47 เปอร์เซ็นต์ด้วยนั้น
ทำให้ "วงเวียน 22 กรกฎา" ได้รับการกล่าวขานขึ้นมาทันที เพราะสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ประกาศว่า จะยกกล้องดูพระอาทิตย์ไปตั้งที่วงเวียนแห่งนี้เป็นกรณีพิเศษ
เนื่องเพราะเป็นวงเวียนที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม เช่นกัน
เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการดูสุริยคราส ณ วงเวียน 22 กรกฎา ทีมงานซอกแซกตัดสินใจส่งหน่วยหน้าไปหาข้อมูลมาฝากท่านผู้อ่านทันที โดยอาศัยทางด่วนดินแดงห้อเหยียดไปลงแถวๆ หัวลำโพง ใช้ เวลาแค่ 20 นาที ก็ไปถึงจุดหมายอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเที่ยงของวันที่รถไม่ติดวันก่อน
วงเวียนตั้งอย่างโดดเด่นอยู่กลางถนน 3 สาย แต่มีถึง 6 แยก มีประวัติความเป็นมาที่น่าจดจำไม่น้อยเลย
ในแผ่นป้ายหน้าประตูเข้าสู่วงเวียนเขียนข้อความไว้ว่า วงเวียนแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ.2461 หลังจากได้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ในบริเวณนี้ ซึ่งแต่ก่อนเรียกว่าตำบลหัวลำโพง จนราพณาสูรเมื่อ พ.ศ. 2460
กระทรวงนครบาล นำความกราบบังคมทูลรัชกาลที่ 6 เพื่อขอตัดถนนมาสู่ตำบลหัวลำโพง 3 สายด้วยกัน ซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาต และพระราชทานนามว่า ถนน 22 กรกฎาคม เพื่อรำลึกถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2460 ที่พระองค์ท่านทรงนำประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเข้า ร่วมกับฝ่ายพันธมิตรประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ และได้รับชัยชนะ
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการเรียกชื่อสิ่งก่อสร้างในบริเวณนั้น โดยเฉพาะถนน 3 สาย เป็นชื่อเดียวกันหมด อาจทำให้ประชาชนสับสน จึงขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อถนนทั้ง 3 สายเสียใหม่ โดย พระสารประเสริฐ เป็นผู้คิดค้นชื่อขึ้นใหม่ว่า ถนนไมตรีจิต ถนนมิตรพันธ์ และถนนสันติภาพ ส่วนวงเวียนให้ใช้ชื่อว่า "22 กรกฎา" ตามนามพระราชทานแต่เดิม
ในหนังสือ "ชื่อบ้านนามเมืองในกรุงเทพฯ" ของ ศันศนีย์ วีระศิลป์ชัย (จัดพิมพ์โดยศิลป-วัฒนธรรม ฉบับพิเศษ) อธิบายเหตุผลของพระสารประเสริฐว่า
จากชื่อถนนตั้งใหม่ และวงเวียนที่ใช้ชื่อพระราชทานเดิม เมื่อนำมาเรียงร้อยกันจะได้ใจความดังนี้...
"ด้วย ไมตรีจิต ที่ได้ร่วมกับ สัมพันธ์มิตร เพื่อผดุง สันติภาพ ของโลก จึงได้ประกาศสงครามเมื่อ วันที่ 22 กรกฎาคม"
สอดคล้องกับพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 6 ที่ทรงต้องการให้สิ่งก่อสร้างในบริเวณนี้เป็นที่ระลึกการเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 ของสยามประเทศ
ครับ! ก็เป็นที่มาที่ไปของชื่อถนนและชื่อวงเวียนที่ยังเรียกขานกันอยู่ในปัจจุบัน
นับแต่วันก่อสร้าง 27 มกราคม 2461 จนถึงบัดนี้เป็นเวลา 91 ปีแล้ว...เฉพาะตัววงเวียนมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง ล่าสุดจะเป็นนํ้าพุอยู่กลางและมีสวนหย่อมอยู่โดยรอบ
ปัจจุบันนี้ทาง กทม.ก่อสร้างรั้วรอบขอบชิดมีประตูเข้าออก ซึ่งเขียนป้ายปะติดไว้ว่า เปิด 05.00 น. และปิด 21.00 น. ใครไปที่นี่ตอบ 3 ทุ่ม จะไม่สามารถเข้าไปในสวนหย่อมกลางวงเวียนได้
รอบๆ วงเวียนยังมีบริษัทห้างร้านให้บริการต่างๆ เช่นเดียวกับยุคก่อน โดยเฉพาะบริการเปลี่ยนยางรถยนต์ ขายยางรถยนต์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวงเวียน 22 กรกฎา เคียงคู่ไปกับร้านทำบล็อก ร้านออกแบบ ช่างศิลป์ ตรายาง และห้างขายพลาสติก ที่ดำเนินกิจการมายาวนานยังมีอยู่ครบครัน
ที่เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ ห้างขายยาหมอมี ที่กลายเป็นอาคารจอดรถขนาดใหญ่หลายชั้น แต่ก็ทำให้บริเวณวงเวียน 22 กรกฎา ดูทันสมัยขึ้น
แม้ด้านนอกรอบวงเวียนจะดูคึกคัก แต่ถ้าเดินเข้าไปตามซอกซอยที่อยู่ในแยกต่างๆ จะเห็นริ้วรอยของความเงียบเหงาปรากฏอยู่พอสมควร
เช่น จะมีห้องว่างประกาศให้เช่า หรือไม่ก็ห้องแถวที่เปลี่ยนมาเป็นร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ กับแผงอาหาร ไม่อึกทึกเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน ที่เคยเป็นศูนย์รวมของการขนส่งสินค้าจาก กทม. ออกไปทั่วประเทศไทย
รวมทั้งตึกสำนักพิมพ์ ไทยวัฒนาพาณิช ที่เคยโด่งดังบนถนนที่จะพุ่งไปสู่หัวลำโพง ก็ปิดเรียบร้อยแล้ว ดูคล้ายๆ จะมีการรื้อถอนทุบทิ้งอีกไม่นานข้างหน้า
มาพูดถึงอาหารการกินบ้าง ร้านอาหารที่ดังที่สุดย่านวงเวียน 22 กรกฎา เป็นที่โจษขานมานับสิบๆ ปี เห็นทีจะหนีไม่พ้นร้าน "เอี่ยมโภชนา" ซึ่งอยู่ในถนนที่ผ่านวงเวียนจะไปออกพลับพลาไชย
ร้านนี้จะอยู่ในซอยแยกอีกซอยหนึ่ง หาไม่ยาก อาหารเด็ดของเขาก็คือ พวกหม้อไฟสดเปื่อยลูกชิ้น, สุกี้หม้อไฟ, เนื้อหมู ไก่ กระทะ ฯลฯ คนแน่นตลอด
ล่าสุด เขาเปลี่ยนเวลาขายใหม่ เปิด 4 โมงเย็น ปิดร้านตี 4 ซะแล้วครับ...ท่านที่เป็นแฟนหรือจะไปทดลองโปรดทราบเวลาใหม่ของเขาด้วย จะได้ไม่ไปเก้อ
เมื่อพูดถึงอาหารการกินแล้วก็ต้องพูดถึง "บริการ" หรือ "กิจกรรม" ที่โด่งดังคู่วงเวียน 22 กรกฎา อีกอย่างคือ "หญิงขายบริการ" หรือโสเภณี ที่มีชื่อมาตั้งแต่หัวหน้าทีมซอกแซกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่อ 50 ปีก่อน
ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ และมีตั้งแต่ตอนเที่ยงเศษๆ ที่ทีมงานของเราไปเดินเลาะตามซอกซอยแล้วด้วยซํ้า...ทีมงานเล่าว่า เธอทั้งหลายส่วนใหญ่อายุ 30-40 แต่งเนื้อแต่งตัวที่มองปราดก็รู้เลยว่าใช่
เธอจะนั่งเก้าอี้รออยู่ในซอย หลบแดดตามร้านกาแฟเล็กๆ กลุ่ม 3 คนบ้าง 4 คนบ้าง เข้าใจว่าเมื่อมีลูกค้าหรือตกลงกันได้ ก็คงจะไปโรงแรมเล็กๆ แถบๆ นั้น
ขออนุญาตไม่เขียนยาวนะครับเรื่องนี้ แต่จะไม่เขียนซะเลยก็ไม่ได้ เพราะเป็นสีสันส่วนหนึ่งของวงเวียน 22 กรกฎา
สุดท้ายใน "วันสุริยคราส" คาดว่าทีมงาน นักดาราศาสตร์คงจะไปตั้งกล้องกลางวงเวียน ซึ่งมีที่ว่างให้ตั้ง และที่ยืนรองรับผู้คนได้อย่างพอเพียง
ยังไงๆ ฝากดูการจราจรไว้ด้วยนะครับ เพราะเป็นวันทำงาน และเป็นช่วงเวลาภาคเช้าด้วย
ใครอยู่ใกล้ๆ วงเวียน 22 กรกฎา จะไปร่วมดูสุริยคราสด้วยก็เชิญตามสะดวก...ส่วนท่านที่อยู่ไกลๆ ก็คงไม่จำเป็นต้องไปละครับ ดูที่บ้านหรือที่ทำงานเลยดีกว่า เพราะไปเยอะรถจะติดซะเปล่าๆ
อยากไปเที่ยววงเวียน 22 กรกฎา เพื่อรำลึกความหลังกันจริงๆ ค่อยไปวันอื่นๆ ก็แล้วกัน.
"ซูม"
https://www.thairath.co.th/content/20440
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 22/7/2018 (วงเวียน 22 กรกฎาคม)
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
วันนี้มาทำหน้าที่แทน MC พี่แอ๊ดที่ติดงานค่ะ เพิ่งได้เปิดคอมตอน 5 โมงครึ่งกว่าๆ ก็รีบตั้งด่วนๆ
หลายคนคงจะรู้จัก วงเวียน 22 กรกฎา แต่ทราบที่มาหรือเปล่าคะ ทำไมจึงมีชื่อนี้
วงเวียน 22 กรกฎาคม
วงเวียน 22 กรกฎาคม เป็นวงเวียนน้ำพุเกิดจากถนน 3 สายตัดกัน คือ ถนนไมตรีจิตต์ ถนนมิตรพันธ์ และถนนสันติภาพ
อยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ถนนรอบวงเวียนมีชื่อว่า ถนนวงเวียน 22 กรกฎาคม
วงเวียน 22 กรกฎาคม เป็นอนุสรณ์ในการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงนำประเทศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 กรกฎา พ.ศ. 2460
โดยประกาศสงครามกับกลุ่มประเทศฝ่ายอักษะ
ทรงชี้แจงเหตุผลของการเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ว่า เพื่อรักษาความเป็นธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ
เมื่อสงครามสิ้นสุดลง สัมพันธมิตรเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ทำให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
การเมืองระหว่างประเทศ และ การทหาร รวมทั้งไทยยังสามารถเรียกร้องแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
ของชาติมหาอำนาจที่เคยทำไว้กับประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถาวรวัตถุ
พระราชทานนามให้มีความเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้คือ
- วงเวียน 22 กรกฎา มีรัศมี 22 เมตร อยู่ระหว่างกลางถนนสามสายเป็นที่ระลึกวันประกาศสงคราม
- ถนนสามสายที่แยกจากวงเวียนนี้ได้แก่
ถนนไมตรีจิต จาก วงเวียน 22 กรกฎา ถึงหัวลำโพง
ถนนมิตรพันธ์ วงเวียน 22 กรกฎา ถึงสะพานนพวงศ์
ถนนสันติภาพ วงเวียน 22 กรกฎา ถึงถนนกรุงเกษม
ชื่อวงเวียนและถนนทั้ง 3 สายนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ให้มีความเกี่ยวเนื่องกันดังนี้
“ด้วย ไมตรีจิต ที่ได้เข้าร่วมกับ สัมพันธมิตร เพื่อผดุง สันติภาพ ของโลก จึงได้ประกาศสงครามเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม”
คำ ว่าพันธมิตร ทรงใช้เป็นมิตรพันธ์ เพื่อให้คล้องจองกัน
อดีตและปัจจุบันของวงเวียน 22 กรกฎา
บริเวณที่เป็นวงเวียน 22 กรกฎาคม เดิมเคยเป็นชุมชนที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่นมาก
ราว พ.ศ. 2460 ได้เกิดไฟไหม้ใหญ่เผาผลาญบ้านเรือนในบริเวณนี้ไปเกือบหมด
เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เสนาบดีกระทรวงนครบาล ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา
ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ตัดถนนเพื่อความเป็นระเบียบของบ้านเมือง
ต่อมาได้โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ตัดถนนสามสาย
บริเวณที่ถนนสามสายนั้นมาตัดกันได้โปรดให้สร้างเป็นวงเวียน พระราชทานนามว่า 22 กรกฎาคม
ส่วนถนนสามสายนั้น พระราชทานชื่อว่า ไมตรีจิตต์ - มิตรพันธ์ - สันติภาพ
เมื่อแปลความหมายแล้วจะได้ความว่า
รอบวงเวียนนั้นมี 6 แยก คือ รัชกาลที่ 6 ทรงประกาศสงครามเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม
ด้วยไมตรีจิตที่มีต่อฝ่ายสัมพันธมิตรทำให้เกิดสันติภาพ
วงเวียน 22 กรกฎาคม เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2461
ปัจจุบันบริเวณวงเวียน 22 กรกฎาคม เป็นแหล่งขายยางรถยนต์
มีร้านขายยางรถยนต์ทั้งใหม่และเก่าจำนวนหลายร้าน และร้านผลิตป้ายโฆษณา
รวมถึงเป็นแหล่งค้าบริการทางเพศอีกด้วย
และใช้เป็นที่สังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคาแบบไม่เต็มดวง ที่เห็นได้ในประเทศไทยในวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เนื่องจากชื่อสถานที่ตรงกับวันเกิดปรากฏการณ์นี้ ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาที่ยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 21
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.thaigoodview.com/node/88218
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99_22_%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1
http://www.wikiwand.com/th/%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99_22_%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1
https://www.pinterest.pt/pin/474074298269802057/
http://mapio.net/pic/p-75996707/
....................................................................
Pete Seeger: Where Have All the Flowers Gone?
https://www.youtube.com/watch?v=1y2SIIeqy34