“ผัดไทยอาซิ้ม” รบกวนอ่านด้วยครับ

ผัดไทยอาซิ้ม

คุณเคยรู้สึกอยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งไหมครับ ผมเคย บ่อยด้วย

หน้าตา รูปร่าง จำนวนเส้นผม ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมโหยหาช่วงชีวิตที่ผ่านไปแล้วผมพยายามกลับไปเป็นเด็กทุกครั้งเมื่อมีโอกาส โดยการเฝ้าถามคนที่เพิ่งรู้จักว่า “น้องคิดว่าพี่อายุเท่าไร” พร้อมๆกับแอบตั้งความหวังที่จะได้ยินคำตอบเป็นจำนวนหลักอายุที่น้อยกว่าอายุจริง

บ่อยครั้งจนแทบจะทุกครั้งที่ผมมักสูดหายใจเข้า แขม่วพุงเต็มที่เพื่อฝืนใส่เข็มขัดรูเดิมที่เคยใส่ได้ จ้องมองเสื้อผ้าที่แขวนมุมในสุด วาดหวังในหัวที่จะกลับไปใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นอีกครั้งให้ได้ “ไม่นะ เหมือนสมัยเรียน ไม่เปลี่ยนไปเลย” คำตอบเจือความเกรงใจและการถนอมน้ำใจคนถามเหล่านี้ ช่วยสนับสนุนความคิดเข้าข้างตัวเอง หรือหลอกตัวเองว่าเรายังไม่แก่ เรายังไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน

วันศุกร์ที่ผ่านมาผมไม่ต้องไปทำงานเพราะเป็นวันหยุดประจำชาติอเมริกา การมีวันหยุดที่ต่างจากคนส่วนใหญ่ในประเทศ ให้ความรู้สึกอิสระ ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้เมื่อมีเหตุให้ต้องไปตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือร้านรวงต่างๆที่เปลี่ยนไปตามสมัยนิยม เช้าวันนี้ ผมไม่อยากไปที่เหล่านั้น ผมอยากกินผัดไทยร้านอาซิ้ม ร้านประจำของผมตอนอยู่บ้านเก่าแถวสี่พระยา

จากบ้านแถวปิ่นเกล้า ผมตัดสินใจนั่งเรือต่อรถเมล์ เพื่อกลับไปยังสถานที่ที่ผมคุ้นเคย การใช้เวลาระหว่างเดินทางผ่านสถานที่ต่างๆในมุมมองผู้โดยสาร ต่างจากการขับรถไปเองอย่างสิ้นเชิง การได้เห็นนักศึกษานั่งอ่านหนังสือเรียนในรถเมล์ ทำให้ผมถามตัวเองว่า นานแค่ไหนแล้วที่อ่านหนังสือจบเล่มสุดท้าย เด็กวัยกำลังซนสองคนบริเวณเบาะยาวด้านหน้ากำลังฮัมเพลง ขยับขาขึ้นลงท่ามกลางรอยยิ้มและสายตาเอ็นดูของคนในรถเมล์ การได้ทำอะไรตามใจ โดยไม่ต้องเกรงต่อสายตาตัดสิน หรือคำพูดบั่นทอนจากคนรอบข้าง คงจะมีความสุขไม่น้อยไปกว่าเด็กสองคนนั้น เสียงหัวเราะของกลุ่มนักเรียนมัธยมด้านหลัง คล้ายกับภาพในอดีตที่ผมเองก็เคยแผดเสียงหัวเราะแบบนั้นกับเพื่อนในวัยเด็กเหมือนกัน

คุณเคยไหมครับที่ทำอะไรซ้ำๆ จนชิน จนหลับตาทำได้ด้วยความคุ้นเคย ผมเดินจากป้ายรถเมล์ถึงปากซอยเฟรเซอร์ ย่านสี่พระยาด้วยความรวดเร็ว แม้ว่าบรรยากาศรอบตัวหลงเหลือเค้าเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทางด่วนใหม่ที่ตัดผ่าน แปรสภาพจากถิ่นเก่าของผมในวัยเด็ก จนกลายเป็นถิ่นใหม่ของผมในวันนี้ ตึกแถว อาคารพาณิชย์บริเวณด้านหน้า หายไปหมดร้านก๋วยเตี๋ยวแคะฝั่งตรงข้ามที่เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงมีไฝที่หน้าผาก เหลืออยู่แค่เพียงในความทรงจำของผมเท่านั้น

ผมตัดสินใจลองเสี่ยงเดินเข้าไปในซอย กับความหวังเพียงน้อยนิดว่าร้านผัดไทยอาซิ้มจะรอคอยการกลับมาของผมอยู่ในนั้น สิ่งที่เห็นอยู่ลิบๆ คล้ายกับการเห็นโอเอซิสกลางทะเลทราย กระด้งที่อาซิ้มใช้ตากกุ้งแห้งเป็นประจำ วางอยู่บนเก้าอี้ไม้สามขา ประตูเหล็กแบบเก่าที่ต้องใช้มือดึงมาบรรจบกันทีละข้าง ถูกชุบชีวิตใหม่ด้วยสีน้ำเงินเข้มสดใส ผมก้าวเข้าไปในร้านพร้อมกับความรู้สึกราวกับว่าเพิ่งมาที่นี่เมื่อวานนี้ ผมกวาดตามองหาอาซิ้ม “ใส่ห่อหรือกินนี่ เฮีย” เสียงแหบพร่าของอาแปะดึงสติของผมให้กลับมา “ผัดไทยพิเศษ ใส่ไข่สองฟอง กินนี่ครับ” ผมเปล่งเสียงสั่งออกไปพร้อมกับการได้เห็นอาซิ้มของผม รูปของอาซิ้มวางอยู่หลังกระถางธูปสีทองตั้งอยู่ตรงหน้าพอดี ผมไม่ได้ถามอาแปะเกี่ยวกับอาซิ้ม ไม่ได้ถามอาแปะว่าจำอาเฮียคนนี้ได้ไหม คนที่เคยมากินผัดไทยที่นี่บ่อยๆตอนเป็นเด็ก

ผมนั่งหน้าโต๊ะที่หัวเตียง เปิดพัดลมเพื่อเป่าผมให้แห้ง รสชาติผัดไทยอาซิ้มยังติดตราอยู่ที่ปลายลิ้น ถ้ากลับไปเป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อนได้ ผมจะมีความสุขกว่าตอนนี้จริงหรือ ถ้าหมุนเข็มนาฬิกาชีวิตกลับไปได้ ผู้คนที่ได้พบเจอในวันนี้ รวมถึงเรื่องราวดีๆที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน ก็จะกลายเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ถูกผลักห่างออกไป และไม่รู้ว่าจะได้พบเจออีกหรือไม่เมื่อชีวิตดำเนินไปถึงอนาคตของอดีต

ผมคงถามคนที่ได้เจอต่อไปว่า “น้องคิดว่าพี่อายุเท่าไร” แต่คงถามต่อไปได้อีกไม่นาน เพราะ พี่คนนี้ ต้องกลายเป็น น้า อา พ่อ ลุง ตาที่ใส่กางเกงเอวยางยืดในวันข้างหน้า ไม่ว่าสิ่งต่างๆภายนอกในชีวิตที่ผ่านมาจะหมุนเวียน เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร ภาพอดีตอันแสนงดงามที่ซุกตัวอยู่ในลิ้นชักความทรงจำ ยังคงเต้นเร่า และพร้อมที่จะออกมาเตือน
เจ้าของลิ้นชักถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในอดีตอยู่เสมอ ไม่จำเป็นเลยที่ผมจะต้องดิ้นรน ไขว่คว้า โหยหาสิ่งที่ผ่านไปแล้วเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาด ทุกช่วงเวลาของชีวิตมีแง่งามของมัน

อดีตไม่เคยหายไปไหน ไม่เคยหนีไปที่ใด แค่หยุด นั่งนิ่งและหลับตา ภาพอดีตที่คุ้นเคยก็กลับมีชีวิต หวนมาซ้อนทับอยู่ตรงหน้า ผมเชื่อเช่นนั้น และคิดว่าอาแปะร้านผัดไทยก็คงจะคิดเหมือนกับผมเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่