[CR] แบกเป้ไป *PENANG* 7-10 JULY 2018 ตอนที่2

https://pantip.com/topic/37855769
จากตอนที่แล้วกำลังเดินทางไป Pinang peranakan Mansion
ประวัติคร่าวๆ
ปีนัง เปอรานากัน แมนชัน (Pinang Paranakan Mansion) เป็นบ้านคหบดีชาวจีนชื่อ Chung Keng Kwee ที่มาตั้งรกรากที่ปีนัง ถ้ามองจากด้านหน้า หลายคนอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เข้าไปข้างในแล้วบอกได้คำเดียว งามจับจิต ควรอยู่คู่ปีนังตลอดไป บ้านหลังนี้สร้างในสไตล์เปอรานากัน เปอรานากันคือชุมชนชาวจีน ที่มาอาศัยในแผ่นดินมาเลเซียหรือไทย และพัฒนาวัฒนธรรมขึ้นมาใหม่โดย ผสมผสานวัฒนธรรมจีนและมาเลย์เข้าด้วยกัน ปีนัง เปอรานากัน แมนชัน สะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของชาวจีน ฝีมือการสร้างของช่างเรียกว่าขั้นเทพ ผังของบ้านถูกแบ่ง เป็นสัดส่วนชัดเจน แยกเรือนเจ้านาย ลูกน้อง ครัว ศาลเจ้า ออกจากกัน กลางบ้านจะเป็นลานกลางแจ้ง ห้องรับแขกมีหลายห้อง ทั้งห้องสไตล์จีนใช้รับรองแขกฝรั่ง ห้องสไตล์ ฝรั่งรับแขกจีน

การจัดแสดงของปีนัง เปอรานากัน แมนชัน นั้นทำได้ดี แสดงถึงวิถีชีวิตของ บาบาและยอนยา (ชายและหญิงชาวเปอรานากัน) ได้ชัด กลิ่นของความรุ่งโรจน์ในวันวานยังมีอยู่ทุกอณู เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับ ล้วนบอกความล้ำค่าและคลาสที่เข้าขั้นของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ลูกหลาน Chung Keng Kwee ไม่ สามารถรักษา ไว้ได้ เลยต้องขายให้เศรษฐีปีนังรุ่นใหม่ที่นำมาเปิดเป็นมิวเซียมให้เราได้เข้าชม ที่นี่ก็เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำเรื่องThe Little Nyonya ด้วยนะเธอ
https://drama.kapook.com/view10230.html

เครดิต
http://www.tourism.gov.my/

นิดนึงนะคำว่า “Mansion” ซึ่งความหมายของคนไทยเราโดยมากมักเอามาใช้กันผิดๆเลยอาจมีภาพลักษณ์เหมือนหอพัก ห้องเช่า ราคาประหยัด แต่จริงๆในความหมายกับคนต่างชาติแมนชั่นนี่คือ “คฤหาสน์” นะจ๊ะ
Penang Peranakan ตั้งอยู่บนถนน Church Street โดยยังมีพื้นที่อยู่ใน George Town ตัวอาคารสีเขียวอ่อนแต่เห็นได้สะดุดตา ทำให้คฤหาสน์แห่งนี้หาได้ไม่ยาก เปิดตั้งแต่วันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 09.30- 17.00 น.ค่าเข้าชม 20 RM มีไกด์คอยอธิบายรายละเอียดเป็นรอบๆด้วยนะ







บ้าบ๋า หรือ บาบ๋า (Baba) ส่วนผู้หญิงจะเรียกว่า ย่าหยา (Nyonya) และเมื่อคนกลุ่มนี้มีจำนวนมากขึ้น ก็ได้สร้างวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมของบรรพบุรุษโดยมาผสมผสานกันเป็นวัฒนธรรมใหม่ เมื่อพวกเขาอพยพไปตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ก็ได้นำวัฒนธรรมของตนกระจายไปด้วย วัฒนธรรมใหม่นี้จึงถูกเรียกรวมๆว่า จีนช่องแคบ (อังกฤษ: Straits Chinese ; จีน:土生華人) ต่อมาเมื่อสมัยอาณานิคมดัตช์ช่วงต้นทศวรรษ 1800 ได้มีชาวจีนอพยพเข้ามามากขึ้น จนทำให้เลือดมลายูของชาวเปอรานากันจางลง จนรุ่นหลังแทบจะเป็นจีนเต็มตัวไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้วัฒนธรรมผสมผสานของชาวเปอรานากันจืดจางลงไปเลย การผสมผสานนี้ยังมีให้เห็นในการแต่งกายแบบมลายูเช่น ซารุง กบายา และชุดย่าหยา ซึ่งถือเป็นการแต่งกายอันสวยงามที่ผสมผสานรูปแบบของชาวจีนและมลายูเข้าด้วยกันอย่างงดงาม ฝ่ายหญิงใส่เสื้อฉลุลายดอกไม้ รอบคอ เอว และปลายแขนอย่างงดงาม นิยมนุ่งผ้าซิ่นปาเต๊ะ ฝ่ายชายยังคงแต่งกาย คล้ายรูปแบบจีนดั้งเดิม อาหารแบบเฉพาะตัว และภาษาที่ผสมผสานคำทั้งมลายู จีน และอังกฤษไว้ด้วยกัน
ในประเทศไทยคนกลุ่มนี้จะอยู่ในแถบจังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน โดยเฉพาะพังงา ภูเก็ต ตรัง และจังหวัดใกล้เคียง โดยมีบรรพบุรุษอพยพมาจากปีนัง และมะละกา โดยคนกลุ่มนี้มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับกลุ่มเปอรานากันในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ชาวเปอรานากันในไทยใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ ที่เจือไปด้วยคำศัพท์จากภาษามลายู, จีน และอังกฤษ ชาวเปอรานากันในประเทศไทย นิยมเรียกกันว่า บ้าบ๋า หรือบาบ๋า ได้ทั้งชายและหญิง เอ๊ะ!!หรือจริงๆแล้วเรามาตามรอยบรรพบุรุษอมยิ้ม02 เราใช้เวลา3ชม.ในคฤหาสน์หลังนี้ เดินดูเองรอบนึงและ ไกด์พาทัวร์รอบๆพร้อมประวัติเล็กๆน้อยๆอีกรอบนึง และพาไปอีกซีกนึงของบ้านที่เป็นศาลบรรพชนของเจ้าของคนเดิมและยังเป็นเจ้าของอยู่ทุกวันนี้ด้วย รวมทั้งมีในส่วนของการขายเครื่องประดับชุดต่างๆของชาวเพอรานากันด้วยครบอ่ะ

หิวแล้วจริงๆ เดินออกจากคฤหาสน์ ออกมาตามถนน Lebuh China เรื่อยๆผ่านร้านขายของชำข้างทางแวะซื้อ ซิมการ์ดของค่าย CELCOM 20RM โทรกลับไทยได้40 Min, Internet 3 MB

พ่อค้าจัดการเปลี่ยนซิมให้พร้อมเปิดเบอร์ ให้เรียบร้อย รอแต่ยืนยันทางSMS อย่างเดียว เลยซื้อ คิคคาปู้กระป๋องเย็นๆดื่มรอ ราคา 1.70 ถ้าซื้อที่ 7-11 นะ2.20 RMแหนะ เพราะฉะนั้นร้านคนพื้นที่แบบนี้น่าอุดหนุนกว่ามากเลย มีคนเข้าร้านตลอดขายดีด้วย
เดินไปข้างหน้าอีกนิดเจอร้านหัวมุม กลิ่นอาหารหอมฟุ้งเลย Char Koey Teaw คล้ายๆผัดไท+ผัดซีอิ๊วบ้านเรา แม่ค้าซัดภาษาจีนฮกเกี้ยนใส่รัวๆ หน้าเรามันบอกยี่ห้องัยพอเข้าใจนิดๆ ตอบไปว่าเอา1จาน(รอดแล้ว) และก็ถามมาอีกเรื่องใส่ไข่(อ้าว ถามยาว งงวุ้ย ไม่ใช่ล่ะ) เราไม่มั่นใจเลยถามภาษาอังกฤษไป ได้ความว่า ป้าแกถามว่าจะใส่ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ (มันต่างกันยังงัยอ่ะ) ป้าบอกว่าต่างกันที่ราคา อ๋อออออ หึหึ ใส่ไข่ไก่ค่ะ


ค่าเสียหาย 5.5 RM อิ่ม อร่อย เดินเผาผลาญพลังงานต่อไป

จนมาหยุดที่7-11 หัวมุม Love Lane ตัดกับ Lebuh Julia มีร้านรถเข็นเปิดขายน้ำแล้ว มีโต๊ะข้างหน้าวางขาย Nasi lamak ด้วย ห่อละ1.3 RM Nasi Lamak ก็คือข้าวสวยหุงกับกะทิหอมกลิ่นใบเตย ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดหรือ "แซมบัล" พร้อมด้วยถั่วลิสงคั่ว ปลา/กุ้งแห้งทอดรสเค็ม และไข่ต้ม ห่อด้วยใบตองเพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย นาสิเลมักถือเป็นมรดกประจำชาติของมาเลเซียนะ ราคาก็ดีงามอีกแระ มีหน้าไข่ /กุ้ง/ปลา/ เลือกเอา ปลากะกุ้งมาอย่างละห่อ พร้อมออเดอร์ชานมชัก มาด้วย ทั้งหมด 3.9 RM ได้มื้อเย็นแล้ว ว้าวววววว ดีงาม





ชานมนี่หวานน้อยอร่อยมากเลย เครื่องดื่มที่นี่รสชาติหวานน้อยหมดเลย ดีต่อสุขภาพ แต่บางครั้งร่างกายก็ต้องการน้ำตาลเพิ่มพลังงานบ้างอ่ะนะ
อีกนิดเดียวถึงที่พักแระ รีบอาบน้ำสระผมเลย ร้อนระอุมาก ค่ำนี้ค่อยไปดูบรรยากาศfood Street กันเนอะ

Nasi lamak 2 ห่ออิ่มเลย แต่ออกไปชมบรรยากาศซักนิด เดินไป2นาทีถึง ไปเล็งๆไว้คืนพรุ่งนี้ค่อยมาจัด แต่มาเจอขนมที่เหมือนขนมแถวบ้าน ก็คือว่ามันเป็นขนมเดียวกันนี่แหละ ปีนัง เรียก APOM(อาป้อม) ที่ตะกั่วป่า พังงาเรียก ขนมอาโป้ง เจ้านี้เป็นแบบกรอบจ้าอันละ0.5 สั่ง มา4เลย แผ่นเล็ก อุดหนุนอาม่าแกนานามาลัย




ปีนังฮิลล์(Bukit Bundara)

ลงมาทานเช้า น้ำพร้อม แผนที่พร้อม ไปขึ้นรถเมล์กัน ตั้งใจไปต่อรถที่ Komtar ท่ารถ เดินออกที่พักไปป้ายรถเมย์เล้ียวซ้ายไปตามถนน เจอศาลเจ้าแม่กวนอิมแห่งแรกในปีนัง สร้างขึ้นโดยชาวจีนฮกเกี้ยนในปีนัง งดงามด้วยสถาปัตยกรรม สักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม 18 กร ด้วยธูป


ป้ายรถเมย์อยู่หน้าโบส์คริสต์กลางเมือง โบสถ์เเซนต์จอร์จ (St George’s Church) โบสถ์แห่งนี้ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายแองกลิลัน ที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างขึ้นในปี 1818 โดยใช้แรงงานนักโทษ เป็นโบสถ์ที่สง่างาม โดดเด่นที่สุดบนเกาะปีนัง

หน้าตาของรถเมล์ฟรีค่ะ พาเราไปยัง Komtar ท่ารถ เพื่อไปขึ้นรถเมย์สาย 204 ไปปีนังฮิลล์ 2RM ประมาณ 30 นาที



ปีนังฮิลล์ (Penang Hill) หรือ บูกิต เบนดีรา (Bukit Bundera) ตั้งอยู่บนเนินเขา สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 823 เมตร ด้วยความสูงระดับนี้ จึงทำให้อากาศเย็นสบาย บริสุทธิ์ สดชื่น ต้นไม้เยอะ  และด้วยความที่อยู่บนเขา จึงเป็นจุดชมวิวพาโนรามาได้อย่างเลิศเลอของเมืองจอร์จทาวน์ (George Town) สะพานปีนังด้วย
ต่อแถวซื้อตั๋วรถรางขึ้นไป 30 RM สำหรับ 2 ways Normal Lane รอคิวนานเช่นกันประมาณ 30 นาที นี่ถ้ามาเมื่อวานนะสงสัยเกือบชม.แน่ Fast Lane ราคามากกว่าเท่านึงเลย60 RM ไม่เป็นไร รอได้ค่ะ กะพริบตา






มีแหล่งชมวิวใหม่ชื่อ Habitat ด้วย กลับลงมาก็เที่ยงแล้ว มีfood court อยู่หน้าปีนังฮิลล์ สั่งข้าวผัดรวมไปจาน 4.5 RM น้ำมะม่วงปั่น แบบบางๆ 3.5 RM
มีแรงขึ้นรถเมย์สายเดิมกลับแระ 2RM เหมือนเดิม

Coffee on the table

คาเฟ่เก๋ๆชิคๆ เป็น 3D decoration ค่ะ นี่ก็สั่งhot choc มาเป็นเซตกับ lemon เมอแรงค์ 16.90RM ทุ่มทุนสร้างกันไปเลย ค่าข้าวยังน้อยกว่านี้ ขอบอก หุหุ


คือดีอ่ะ หวานน้อย อร่อย
ชื่อสินค้า:   ปีนังตอนที่2
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่