สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ไทยสยาม มีรูปแบบการกลืนกินวัฒนธรรมต่างชาติ ที่ลึกล้ำที่สุดแล้วครับ อันนี้ต่างชาติเขาก็เซอร์ไพรส์กันมากๆ
เพราะดูเผินๆ คนไทยเป็นคนชิล วัฒนธรรมเราก็อ่อน ยอมคล้อยตามเขาหมด ไม่มีแข็ง ไม่ก้าวร้าว เปิดกว้าง
แต่ในความเป็นจริง เหมือนกับดักนะ คือใครจะมาทำอะไร ไทยโอเค เข้ามาเลยพร้อมรับ แต่พอเข้ามาแล้ว หาทางออกยาก!
นักประวัติศาสตร์ตะวันตก เขามีการศึกษาเรื่องชาติพันธุ์ของอยุธยา แล้วก็งงที่ว่า อยุธยา เป็นอาณาจักรที่ร้อยพ่อพันแม่ ไม่ต่างอะไรกับพม่า
แต่ทำไม ถึงไม่เคยเกิดปัญหาอะไรแบบที่พม่าเจอ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ ยัน รัฐบาลสล็อก ซึ่งก็พอจะได้เหตุผลดังนี้
1. อยุธยาไม่กวาดต้อนเชลย ... แต่มีหลักฐานว่าใช้วิธีที่แนวกว่านั้น คือเผาทำลายไร่นาหมด (ไม่เผาเมือง) ทำให้เชลยไม่มีที่ทำกิน ต้องอพยพมาอยุธยาด้วยความเต็มใจ .... พอมาอยู่ได้สักพัก จะออกโปรโมชั่น ทำดีได้ที่นา ผลคือ เชลยที่เข้ามา ตั้งรกราก ไม่กลับบ้าน แปลงสัญชาติเป็นคนอยุธยัน กันเรียบร้อย ด้วยความเต็มใจ (นี่เรียก -พึ่งพระบรมโพธิสมภาร-)
2. จ้าง เอาท์ซอร์ส เอ้ย พนักงานต่างชาติเยอะมากกก ทั้งทหาร หมอ พ่อค้า วิศวกร ฯลฯ จะจีน ญี่ปุ่น แขก ฝรั่ง บาทหลวง นักพรต ฤาษี ฯลฯ อยุธยารับหมด แถมให้อำนาจที่ค่อนข้างจะเยอะอีกด้วย เยอะขนาด นางามาสะ หรือ ฟอลคอน เป็นเจ้าพระยาได้เลย... ตรงนี้ก็แปลกอยู่ อยุธยา ให้บรรดาศักดิ์กับชาวต่างชาติแบบไม่กั๊ก แถมให้ชื่อไทยด้วย ... แบบนี้ก็สบาย อยู่แบบไม่กลับกันเลย
3. อยุธยาถนัดมาก กับการรบเพื่อปลดปล่อย (ควรเป็นโมเดลของ อเมริกา สมัยนี้) คือเมืองเล็กเมืองไหนโดนตี ทั้ง ล้านนา ปัตตานี นครศรีฯ ละโว้ ฯลฯ จะต้องมีการยกไปช่วยเหลือ จากนั้นก็ให้พวกเจ้านายที่หนีมาพึ่งพิง กลับไปกินเมือง โดยอาจจะมีการแถม "การอภิเสกสมรส" กับลูกสาวขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ให้อีก เป็นการซื้อใจประเทศราชแบบเต็มๆ
มันจะต่างกับพม่า เพราะพวกพม่ามักจะมีความ 'แบ่งแยก' สูง คือจะไม่ค่อยพยายามให้ชนกลุ่มน้อย หรือประเทศราช มามีสิทธิมีเสียงเป็นประชากรพม่าเต็มขั้นเท่าไหร่ รวบมอญมาเป็น 3-4 ร้อยปี ก็ยังเรียกว่า พวกมอญ อยู่ดี สวนทางกับ สยาม ที่เพิ่งได้เชียงใหม่มาไม่ถึงสองร้อยปี แต่คนเชียงใหม่ทุกวันนี้ กลายเป็นคนไทย 100% ไปแล้ว
และก็มาถึงคำถาม จขกท....
เปอนารากัน คือการ ผสานจีน-มลายู เพื่อก่อเกิดวัฒนธรรมใหม่
นั่นคือ จีน 50 + มลายู 50 .... จะเกิดได้ต้องมีวัฒนธรรมที่แข็งพอๆกัน กินกันไม่ลง
ของไทยมันไม่ชัดเพราะว่า เรารับจีนมา 100% เลยครับ เยาวราชเรานี่ก็จีน 100% เช่นเดียวกับบ้านโป่ง หรือหลายๆพื้นที่ ไทยไม่ว่าอะไร
แต่เราจะมาเล่นกับจิตวิทยาอื่นๆครับ เช่น ออกโปรโมชั่น สำหรับคนไทย ให้ได้สิทธิหลายๆอย่างดีกว่าคนจีน
และเป็นโปรที่มีความไทยๆสูงมาก คือ คลุมเครือ และพลิกได้ ... เหมือนการเปิดช่องให้ คนจีน สามารถซิกแซก ได้โปรโมชั่นนี้ด้วย โดยแลกกับการทำลายอัตลักษณ์แบบจีนลง
ก็เหมือนสมัยอยุธยาเลย คือ ให้สมยอม เปลี่ยนวัฒนธรรม โดยไม่ได้กดขี่ บังคับ แค่เสนอสิ่งที่ดีกว่า
นั่นทำให้อัตลักษณ์ความเป็นจีนในสยาม/พระนคร แทบจะละลายหมดครับ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียน ที่คนเชื้อสายจีน ไม่อยากให้ถูกเรียกว่าจีน อยากเป็นคนไทย พูดจีนก็ไม่ได้ .... ไม่ใช่ Singapore-Chinese หรือ Indo-Chinese หรือ Malay-Chinese..... ให้เรียกตัวเองว่า Thai-Chinese ยังไม่เรียก จะพูดอ้อมๆไปว่า เป็น Thai but have Chinese blood ทำนองว่า เป็นคนไทยที่มีเชื้อสายจีนนะ ไม่ใช่ คนไทย-จีน (ที่เป็นอีกชาติพันธุ์ไปละ ไม่ใช่ทั้งไทย และ จีน)
อย่างที่ คห.6 ว่าได้ครับ สั้นๆ แต่ได้ใจความ
"วัฒนธรรมไทย เป็นวัฒนธรรมที่อ่อนต้านแข็ง"
เพราะดูเผินๆ คนไทยเป็นคนชิล วัฒนธรรมเราก็อ่อน ยอมคล้อยตามเขาหมด ไม่มีแข็ง ไม่ก้าวร้าว เปิดกว้าง
แต่ในความเป็นจริง เหมือนกับดักนะ คือใครจะมาทำอะไร ไทยโอเค เข้ามาเลยพร้อมรับ แต่พอเข้ามาแล้ว หาทางออกยาก!
นักประวัติศาสตร์ตะวันตก เขามีการศึกษาเรื่องชาติพันธุ์ของอยุธยา แล้วก็งงที่ว่า อยุธยา เป็นอาณาจักรที่ร้อยพ่อพันแม่ ไม่ต่างอะไรกับพม่า
แต่ทำไม ถึงไม่เคยเกิดปัญหาอะไรแบบที่พม่าเจอ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ ยัน รัฐบาลสล็อก ซึ่งก็พอจะได้เหตุผลดังนี้
1. อยุธยาไม่กวาดต้อนเชลย ... แต่มีหลักฐานว่าใช้วิธีที่แนวกว่านั้น คือเผาทำลายไร่นาหมด (ไม่เผาเมือง) ทำให้เชลยไม่มีที่ทำกิน ต้องอพยพมาอยุธยาด้วยความเต็มใจ .... พอมาอยู่ได้สักพัก จะออกโปรโมชั่น ทำดีได้ที่นา ผลคือ เชลยที่เข้ามา ตั้งรกราก ไม่กลับบ้าน แปลงสัญชาติเป็นคนอยุธยัน กันเรียบร้อย ด้วยความเต็มใจ (นี่เรียก -พึ่งพระบรมโพธิสมภาร-)
2. จ้าง เอาท์ซอร์ส เอ้ย พนักงานต่างชาติเยอะมากกก ทั้งทหาร หมอ พ่อค้า วิศวกร ฯลฯ จะจีน ญี่ปุ่น แขก ฝรั่ง บาทหลวง นักพรต ฤาษี ฯลฯ อยุธยารับหมด แถมให้อำนาจที่ค่อนข้างจะเยอะอีกด้วย เยอะขนาด นางามาสะ หรือ ฟอลคอน เป็นเจ้าพระยาได้เลย... ตรงนี้ก็แปลกอยู่ อยุธยา ให้บรรดาศักดิ์กับชาวต่างชาติแบบไม่กั๊ก แถมให้ชื่อไทยด้วย ... แบบนี้ก็สบาย อยู่แบบไม่กลับกันเลย
3. อยุธยาถนัดมาก กับการรบเพื่อปลดปล่อย (ควรเป็นโมเดลของ อเมริกา สมัยนี้) คือเมืองเล็กเมืองไหนโดนตี ทั้ง ล้านนา ปัตตานี นครศรีฯ ละโว้ ฯลฯ จะต้องมีการยกไปช่วยเหลือ จากนั้นก็ให้พวกเจ้านายที่หนีมาพึ่งพิง กลับไปกินเมือง โดยอาจจะมีการแถม "การอภิเสกสมรส" กับลูกสาวขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ให้อีก เป็นการซื้อใจประเทศราชแบบเต็มๆ
มันจะต่างกับพม่า เพราะพวกพม่ามักจะมีความ 'แบ่งแยก' สูง คือจะไม่ค่อยพยายามให้ชนกลุ่มน้อย หรือประเทศราช มามีสิทธิมีเสียงเป็นประชากรพม่าเต็มขั้นเท่าไหร่ รวบมอญมาเป็น 3-4 ร้อยปี ก็ยังเรียกว่า พวกมอญ อยู่ดี สวนทางกับ สยาม ที่เพิ่งได้เชียงใหม่มาไม่ถึงสองร้อยปี แต่คนเชียงใหม่ทุกวันนี้ กลายเป็นคนไทย 100% ไปแล้ว
และก็มาถึงคำถาม จขกท....
เปอนารากัน คือการ ผสานจีน-มลายู เพื่อก่อเกิดวัฒนธรรมใหม่
นั่นคือ จีน 50 + มลายู 50 .... จะเกิดได้ต้องมีวัฒนธรรมที่แข็งพอๆกัน กินกันไม่ลง
ของไทยมันไม่ชัดเพราะว่า เรารับจีนมา 100% เลยครับ เยาวราชเรานี่ก็จีน 100% เช่นเดียวกับบ้านโป่ง หรือหลายๆพื้นที่ ไทยไม่ว่าอะไร
แต่เราจะมาเล่นกับจิตวิทยาอื่นๆครับ เช่น ออกโปรโมชั่น สำหรับคนไทย ให้ได้สิทธิหลายๆอย่างดีกว่าคนจีน
และเป็นโปรที่มีความไทยๆสูงมาก คือ คลุมเครือ และพลิกได้ ... เหมือนการเปิดช่องให้ คนจีน สามารถซิกแซก ได้โปรโมชั่นนี้ด้วย โดยแลกกับการทำลายอัตลักษณ์แบบจีนลง
ก็เหมือนสมัยอยุธยาเลย คือ ให้สมยอม เปลี่ยนวัฒนธรรม โดยไม่ได้กดขี่ บังคับ แค่เสนอสิ่งที่ดีกว่า
นั่นทำให้อัตลักษณ์ความเป็นจีนในสยาม/พระนคร แทบจะละลายหมดครับ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียน ที่คนเชื้อสายจีน ไม่อยากให้ถูกเรียกว่าจีน อยากเป็นคนไทย พูดจีนก็ไม่ได้ .... ไม่ใช่ Singapore-Chinese หรือ Indo-Chinese หรือ Malay-Chinese..... ให้เรียกตัวเองว่า Thai-Chinese ยังไม่เรียก จะพูดอ้อมๆไปว่า เป็น Thai but have Chinese blood ทำนองว่า เป็นคนไทยที่มีเชื้อสายจีนนะ ไม่ใช่ คนไทย-จีน (ที่เป็นอีกชาติพันธุ์ไปละ ไม่ใช่ทั้งไทย และ จีน)
อย่างที่ คห.6 ว่าได้ครับ สั้นๆ แต่ได้ใจความ
"วัฒนธรรมไทย เป็นวัฒนธรรมที่อ่อนต้านแข็ง"
ความคิดเห็นที่ 23
ในกระทู้ทำไมไม่มีใครพูดถึงการ Thailandization ของจอมพล ป. เลยอะครับ นั่นเป็นนโยบายหลักเลยที่ทำให้เกิดลูกจีนรักชาติ และหลานจีนที่พูดจีนไม่ได้
เรื่องพม่า กับอยุธยา ผมว่ามันไกลเกินไปที่จะไปมองครับ เพราะรัฐเหล่านั้นล่มสลายไปนานแล้ว และการเป็นชาติรัฐสมัยใหม่มันเพิ่งเริ่มเมื่อร้อยกว่าปีนี้เองครับ ถ้ายกพม่าต้องยกเรื่องนายพลเนวิน ที่รัฐประหารแล้วไล่ฝรั่ง อินเดีย แขก ออกหมด การแย่งแยกชาติพันธ์มันเริ่มขึ้นตอนนั้นในพม่า การตกเป็นของอังกฤษได้สร้างความแตกแยกด้านเชื้อชาติได้ในพม่าและในกลุ่มบริติชอินเดียเก่าเพราะอังกฤษใช้นโยบายเอาชนกลุ่มน้อยมาปกครองชนกลุ่มใหญ่ มองกลับกันการไม่เคยถูกโคโลไนซ์โดยตะวันตกอาจจะทำให้เราไม่มีประสบการณ์การเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านตัวเองเหมือนพม่าก็ได้ ส่วนไทยจอมพล.ป. ใช้นโนบายการกลืนซึ่งประสบความสำเร็จสูงมาก ห้ามเรียนภาษาจีน ห้ามพูดภาษาจีน การอ่านเขียนและพูดจีนไม่ได้ ทำให้ ลูกหลานจีนสิ้นสภาพอัตลักษณ์จีนไปหมด
ถ้าไม่มองจีนก็มองล้านนาเป็นกรณีศึกษาก็ได้ครับ ที่เกือบจะสิ้นความเป็นล้านนาไป การฟื้นฟูศิลปะและล้านนาศึกษาก็เพิ่งจะมีในยุคจรัญ มโนเพชร เป็นหัวหอกให้การปลุกจิตวิญญาณขึ้นมา
เรื่องพม่า กับอยุธยา ผมว่ามันไกลเกินไปที่จะไปมองครับ เพราะรัฐเหล่านั้นล่มสลายไปนานแล้ว และการเป็นชาติรัฐสมัยใหม่มันเพิ่งเริ่มเมื่อร้อยกว่าปีนี้เองครับ ถ้ายกพม่าต้องยกเรื่องนายพลเนวิน ที่รัฐประหารแล้วไล่ฝรั่ง อินเดีย แขก ออกหมด การแย่งแยกชาติพันธ์มันเริ่มขึ้นตอนนั้นในพม่า การตกเป็นของอังกฤษได้สร้างความแตกแยกด้านเชื้อชาติได้ในพม่าและในกลุ่มบริติชอินเดียเก่าเพราะอังกฤษใช้นโยบายเอาชนกลุ่มน้อยมาปกครองชนกลุ่มใหญ่ มองกลับกันการไม่เคยถูกโคโลไนซ์โดยตะวันตกอาจจะทำให้เราไม่มีประสบการณ์การเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านตัวเองเหมือนพม่าก็ได้ ส่วนไทยจอมพล.ป. ใช้นโนบายการกลืนซึ่งประสบความสำเร็จสูงมาก ห้ามเรียนภาษาจีน ห้ามพูดภาษาจีน การอ่านเขียนและพูดจีนไม่ได้ ทำให้ ลูกหลานจีนสิ้นสภาพอัตลักษณ์จีนไปหมด
ถ้าไม่มองจีนก็มองล้านนาเป็นกรณีศึกษาก็ได้ครับ ที่เกือบจะสิ้นความเป็นล้านนาไป การฟื้นฟูศิลปะและล้านนาศึกษาก็เพิ่งจะมีในยุคจรัญ มโนเพชร เป็นหัวหอกให้การปลุกจิตวิญญาณขึ้นมา
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเมืองไทยจึงไม่เกิดวัฒนธรรมเปอรานากัน(วัฒนธรรมลูกผสมมลายู-จีน)แบบในมาเลเซียขึ้นคะ
หรือมันมีแต่ไม่ชัดเจนหรือเห็นเด่นชัดจนเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอีกแบบได้คะ