มีเรื่องจะรบกวนขอคำปรึกษา และคำชี้แนะจากผู้รู้เรื่องกฏหมายที่ดินหน่อยครับ...
ผมขอเถ้าความยาวหน่อยน่ะครับ....เรื่องมันมีอยู่ว่า...
บ้านผมอยู่ที่ต่างจังหวัดขอบชายแดนทางภาคใต้จังหวัดหนึ่ง ที่บ้านจะมีพื้นที่รอบๆบ้านไว้สำหรับปลูกไม้ผลไว้บริโภคเองภายในครอบครัว หากปีไหนมีผลผลิตเยอะก็จะแจกจ่ายให้ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน น้อยครั้งที่จะได้ค้าขาย
และพื้นที่ของบ้านทางทิศใต้จะติดกับเนินเตี้ยๆลูกนึ่ง ซึ่งตั้งแต่ผมจำความได้คือ ผมก็เที่ยววิ่งเล่นอยู่บนเนินนั้นแต่ไหนแต่ไรแล้ว และบนเนินลูกนั้นจะมีสวนผลไม้แบบผสม มีต้นเงาะ ทุเรียน มังคุด จำปาดะอยู่ ซึ่งคุณแม่บอกไว้ว่าคุณทวดเป็นคนปลูกไว้นานมากแล้ว และในช่วงสมัยเด็กๆยังจำได้เลยว่าตัวเองจะต้องขนน้ำ หรือลากสายยางไปรดน้ำต้นไม้บนเนินอยู่บ่อยครั้งยิ่งในช่วงฤดูร้อนไม่มีฝน รวมทั้งการถากถางให้บนเนินลูกนั้นโล่งเตียนอยู่เสมอๆ ก็ทำอยู่เช่นนั้นอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่ผมทำ ก็จะเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือบรรดาพี่น้องๆทุกคนช่วยกันทำ
จวบจนผมออกไปเรียนมหาลัย พอจบมา ก็ได้ทำงานที่ค่อนข้างมั่นคงแต่อยู่ต่างจังหวัด และพอมีเงินเก็บประมาณหนึ่ง ก็มีความอยากที่จะขยับขยายสร้างบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่และพี่ๆน้องๆได้อยู่ด้วยกัน เพราะบ้านหลังเดิมค่อนข้างเล็กและทรุดโทรมเก่ามากแล้ว
อย่างที่บอกไปว่าผมมีเงินเก็บประมาณหนึ่ง แต่การสร้างบ้านต้องใช้งบประมานที่ค่อนข้างสูง เลยต้องมีการกู้ยืมจากธนาคารมาเพิ่ม และในการกู้ยืม มันต้องมีหลักประกันมาค้ำประกัน ที่บ้านเลยโอนที่ดินที่ตั้งของบ้านเดิมให้เป็นชื่อผม เพื่อที่ผมจะได้เอาโฉนดที่ดินนั้นยื่นกู้ธนาคาร โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพราะได้เครดิตดีจากสถานที่ทำงานและจากฐานเงินเดือน
และเรื่องมันก็มีจุดเริ่มต้นจากตรงนี้ เพราะ พ่อและแม่ใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยชี้แจ้งแจกแจงกับพี่น้องทุกคนอย่างพร้อมหน้า ถึงที่ทางต่างๆที่จะถูกแแบ่งสรรปันส่วนตามความเหมาะสมและความเห็นชอบของท่านทั้งสอง ว่าที่ดินตรงไหนจะให้ใครบ้าง ซึ่งพี่น้องทุกคนต่างยอมรับในการตัดสินใจของท่านทั้งสอง ซึ่งอันนี้เป็นแค่การแจ้งให้ทราบทางวาจาไว้เท่านั้น
แต่ที่ทุกคนสังเกตสิ่งผิดปกติได้ก็คือ พ่อและแม่ไม่ได้กล่าวถึงที่ดินบนเนินเตี้ยๆทางทิศใต้ของบ้าน ว่าจะส่งมอบให้ใคร ทางพวกผมพี่ๆน้องเลยได้ไต่ถามไป จนได้ความจากคุณแม่มาว่า ที่ดินบนเนินนั้น "ไม่มีโฉนดที่ดิน" และเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์
เราทุกคนต่าง งง ในคำตอบนั้น เพราะเราทุกคนต่างคิดว่าเนินลูกนั้นเป็นที่ดินของครอบครัวมาแต่ไหนแต่ไร และคนในหมู่บ้านเองก็คิดว่า เนินลูกนี้เป็นที่ดินของครอบครัวผม โดยไม่เคยมีผู้ใดมายุ่งเกี่ยวกับเนินลูกนี้เลย
คุณแม่ยังได้เล่าต่อว่า แต่ก่อนสมัยบรรพบุรุษ คุณทวดและคุณตามีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินบนเนินลูกนี้เป็น นส.3 จึงได้ทำกินปลูกไม้ผลไว้หลากหลาย ซึ่งต่อมาคุณแม่แต่งงานมีครอบครัวจึงได้ย้ายมาสร้างบ้านอยู่ที่ที่อยู่ ณ ปัจจุบัน โดยเนินลูกนี้ทางคุณตาก็ได้มอบให้แม่ดูแลทำมาหากิน ต่อมาในราวปี พศ.2525 ได้มีการวางรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดิน โดยมีผู้ใหญ่บ้านในยุคสมัยนั้นควบคุมดูแล จนมาได้ทำการวางรังวัดที่ดินของบ้านแม่สมัยนั้น โดยแม่เล่าว่า ทางผู้ใหญ่อ้างว่า ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินบนเนินลูกนี้ได้ เพราะเนินลูกนี้มีความชันมากกว่า 40 องศา และตรงตีนเนินมีหลุมฝังศพเก่าอยู่ จึงขอให้เนินลูกนี้เป็นสาธารณะประโยชน์ แม่บอกว่าแม่ได้แย้งทางผู้ใหญ่ไปแล้ว แต่ผู้ใหญ่ยังยืนยันเหมือนเดิน แม่ด้วยการศึกษาน้อยไม่รู้หนังสือ บวกกับคุณตาไม่ได้อยู่บ้านเพราะได้ต้อนคณะฝูงวัวควายไปขายอีก 3-4 วันถึงกลับมา คุณแม่เลยไม่สามารถทำอะไรได้ แม่จึงได้แต่ยอมรับเเละเก็บเงียบไว้ หลังจากนั้นได้แต่พูดคุยเล็กๆน้อยกับคุณตาและยาย แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ด้วยความไม่รู้หนังสือสมัยนั้น จึงไม่ได้ต่อสู้หรือเรียกร้องสิทธิ์อะไร ก็ได้แต่ทำกินอย่างนั้นต่อไปโดยไม่มีโฉนด ทั้งที่แต่ก่อนมี นส.3 อยู่
แต่แม่เล่าอีกว่า บ้านของผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้นเองก็ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ชันกว่าเนินลูกนี้เสียอีก และในพื้นที่บ้านผู้ใหญ่ของมีหลุมฝั่งศพเก่าอยู่ด้วย แต่ทำไมสามารถเอกสารออกโฉนดที่ดินได้ อันนั้นคือความสงสัยของแม่เอง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร
ซึ่งจากที่ผมเล่ามา ผมอยากทราบว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่ทางครอบครัวผมจะเรียกร้องสิทธิในการครอบครองที่ดินผืนนั้นบนเนินลูกนั้นกลับคืนมา และด้วยวิธีการใด ??
เพราะผมคิดเองว่าทางครอบครัวผมมีสิทธิ์โดยชอบธรรม เพราะคิดดูแล้วทางต้นตระกูลครอบครัวผมได้ทำมาหากินบนเนินลูกนี้มากกว่า 100ปี ได้ หากนับรวมตั้งแต่สมัยคุณทวด จึงอยากขอคำแนะนำจากผู้รู้ทุกคนครับ..
**ข้อมูลเพิ่มเติม
>เนินลูกนี้มีความชันไม่เกิน 35 องศาแน่นอน
>หลุมฝังศพเก่าที่ผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้นอ้างอิง มันจะอยู่ฝั่งทิศตะวันตกของเนิน 2หลุม และทิศใต้ 1หลุม และจริงๆมันตั้งอยู่ในเขตโฉนดที่ดินสวนผลไม้ของเพื่อนบ้านอีกคนนึ่ง ซึ่งสวนผลไม้นั้นมีเอกสารโฉนด
>และบนเนินลูกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเนินหิน ไม่สามารถขุดได้ลึกมาก ดังนั้นในสมัยก่อนจึงไม่มีการขุดฝังศพบนเนินลูกนี้
>หลุมฝั่งศพของหมู่บ้านจะตั้งอยู่ที่เนินสูงอีกลูกหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 200 เมตรทางทิศเหนือของบ้าน
>เชื่อได้ว่าคนทั้งหมู่บ้านไม่มีใครรู้ว่าเนินลูกนี้เป็นที่สาธารณประโยชน์ และคนทั้งหมู่บ้านเชื่อความทางครอบครัวผมเป็นเจ้าของเนินที่ดินนั้นโดยพฤตินัย
ขอบพระคุณอย่างสูง....
จากคนไม่รู้เรื่องกฏหมาย แต่อยากหาความยุติธรรม
มีเรื่องจะรบกวนขอคำปรึกษา และคำชี้แนะจากผู้รู้เรื่อง "กฏหมายที่ดิน" หน่อยครับ...
ผมขอเถ้าความยาวหน่อยน่ะครับ....เรื่องมันมีอยู่ว่า...
บ้านผมอยู่ที่ต่างจังหวัดขอบชายแดนทางภาคใต้จังหวัดหนึ่ง ที่บ้านจะมีพื้นที่รอบๆบ้านไว้สำหรับปลูกไม้ผลไว้บริโภคเองภายในครอบครัว หากปีไหนมีผลผลิตเยอะก็จะแจกจ่ายให้ญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน น้อยครั้งที่จะได้ค้าขาย
และพื้นที่ของบ้านทางทิศใต้จะติดกับเนินเตี้ยๆลูกนึ่ง ซึ่งตั้งแต่ผมจำความได้คือ ผมก็เที่ยววิ่งเล่นอยู่บนเนินนั้นแต่ไหนแต่ไรแล้ว และบนเนินลูกนั้นจะมีสวนผลไม้แบบผสม มีต้นเงาะ ทุเรียน มังคุด จำปาดะอยู่ ซึ่งคุณแม่บอกไว้ว่าคุณทวดเป็นคนปลูกไว้นานมากแล้ว และในช่วงสมัยเด็กๆยังจำได้เลยว่าตัวเองจะต้องขนน้ำ หรือลากสายยางไปรดน้ำต้นไม้บนเนินอยู่บ่อยครั้งยิ่งในช่วงฤดูร้อนไม่มีฝน รวมทั้งการถากถางให้บนเนินลูกนั้นโล่งเตียนอยู่เสมอๆ ก็ทำอยู่เช่นนั้นอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่ผมทำ ก็จะเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือบรรดาพี่น้องๆทุกคนช่วยกันทำ
จวบจนผมออกไปเรียนมหาลัย พอจบมา ก็ได้ทำงานที่ค่อนข้างมั่นคงแต่อยู่ต่างจังหวัด และพอมีเงินเก็บประมาณหนึ่ง ก็มีความอยากที่จะขยับขยายสร้างบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่และพี่ๆน้องๆได้อยู่ด้วยกัน เพราะบ้านหลังเดิมค่อนข้างเล็กและทรุดโทรมเก่ามากแล้ว
อย่างที่บอกไปว่าผมมีเงินเก็บประมาณหนึ่ง แต่การสร้างบ้านต้องใช้งบประมานที่ค่อนข้างสูง เลยต้องมีการกู้ยืมจากธนาคารมาเพิ่ม และในการกู้ยืม มันต้องมีหลักประกันมาค้ำประกัน ที่บ้านเลยโอนที่ดินที่ตั้งของบ้านเดิมให้เป็นชื่อผม เพื่อที่ผมจะได้เอาโฉนดที่ดินนั้นยื่นกู้ธนาคาร โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพราะได้เครดิตดีจากสถานที่ทำงานและจากฐานเงินเดือน
และเรื่องมันก็มีจุดเริ่มต้นจากตรงนี้ เพราะ พ่อและแม่ใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยชี้แจ้งแจกแจงกับพี่น้องทุกคนอย่างพร้อมหน้า ถึงที่ทางต่างๆที่จะถูกแแบ่งสรรปันส่วนตามความเหมาะสมและความเห็นชอบของท่านทั้งสอง ว่าที่ดินตรงไหนจะให้ใครบ้าง ซึ่งพี่น้องทุกคนต่างยอมรับในการตัดสินใจของท่านทั้งสอง ซึ่งอันนี้เป็นแค่การแจ้งให้ทราบทางวาจาไว้เท่านั้น
แต่ที่ทุกคนสังเกตสิ่งผิดปกติได้ก็คือ พ่อและแม่ไม่ได้กล่าวถึงที่ดินบนเนินเตี้ยๆทางทิศใต้ของบ้าน ว่าจะส่งมอบให้ใคร ทางพวกผมพี่ๆน้องเลยได้ไต่ถามไป จนได้ความจากคุณแม่มาว่า ที่ดินบนเนินนั้น "ไม่มีโฉนดที่ดิน" และเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์
เราทุกคนต่าง งง ในคำตอบนั้น เพราะเราทุกคนต่างคิดว่าเนินลูกนั้นเป็นที่ดินของครอบครัวมาแต่ไหนแต่ไร และคนในหมู่บ้านเองก็คิดว่า เนินลูกนี้เป็นที่ดินของครอบครัวผม โดยไม่เคยมีผู้ใดมายุ่งเกี่ยวกับเนินลูกนี้เลย
คุณแม่ยังได้เล่าต่อว่า แต่ก่อนสมัยบรรพบุรุษ คุณทวดและคุณตามีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินบนเนินลูกนี้เป็น นส.3 จึงได้ทำกินปลูกไม้ผลไว้หลากหลาย ซึ่งต่อมาคุณแม่แต่งงานมีครอบครัวจึงได้ย้ายมาสร้างบ้านอยู่ที่ที่อยู่ ณ ปัจจุบัน โดยเนินลูกนี้ทางคุณตาก็ได้มอบให้แม่ดูแลทำมาหากิน ต่อมาในราวปี พศ.2525 ได้มีการวางรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดิน โดยมีผู้ใหญ่บ้านในยุคสมัยนั้นควบคุมดูแล จนมาได้ทำการวางรังวัดที่ดินของบ้านแม่สมัยนั้น โดยแม่เล่าว่า ทางผู้ใหญ่อ้างว่า ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินบนเนินลูกนี้ได้ เพราะเนินลูกนี้มีความชันมากกว่า 40 องศา และตรงตีนเนินมีหลุมฝังศพเก่าอยู่ จึงขอให้เนินลูกนี้เป็นสาธารณะประโยชน์ แม่บอกว่าแม่ได้แย้งทางผู้ใหญ่ไปแล้ว แต่ผู้ใหญ่ยังยืนยันเหมือนเดิน แม่ด้วยการศึกษาน้อยไม่รู้หนังสือ บวกกับคุณตาไม่ได้อยู่บ้านเพราะได้ต้อนคณะฝูงวัวควายไปขายอีก 3-4 วันถึงกลับมา คุณแม่เลยไม่สามารถทำอะไรได้ แม่จึงได้แต่ยอมรับเเละเก็บเงียบไว้ หลังจากนั้นได้แต่พูดคุยเล็กๆน้อยกับคุณตาและยาย แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ด้วยความไม่รู้หนังสือสมัยนั้น จึงไม่ได้ต่อสู้หรือเรียกร้องสิทธิ์อะไร ก็ได้แต่ทำกินอย่างนั้นต่อไปโดยไม่มีโฉนด ทั้งที่แต่ก่อนมี นส.3 อยู่
แต่แม่เล่าอีกว่า บ้านของผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้นเองก็ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ชันกว่าเนินลูกนี้เสียอีก และในพื้นที่บ้านผู้ใหญ่ของมีหลุมฝั่งศพเก่าอยู่ด้วย แต่ทำไมสามารถเอกสารออกโฉนดที่ดินได้ อันนั้นคือความสงสัยของแม่เอง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร
ซึ่งจากที่ผมเล่ามา ผมอยากทราบว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่ทางครอบครัวผมจะเรียกร้องสิทธิในการครอบครองที่ดินผืนนั้นบนเนินลูกนั้นกลับคืนมา และด้วยวิธีการใด ??
เพราะผมคิดเองว่าทางครอบครัวผมมีสิทธิ์โดยชอบธรรม เพราะคิดดูแล้วทางต้นตระกูลครอบครัวผมได้ทำมาหากินบนเนินลูกนี้มากกว่า 100ปี ได้ หากนับรวมตั้งแต่สมัยคุณทวด จึงอยากขอคำแนะนำจากผู้รู้ทุกคนครับ..
**ข้อมูลเพิ่มเติม
>เนินลูกนี้มีความชันไม่เกิน 35 องศาแน่นอน
>หลุมฝังศพเก่าที่ผู้ใหญ่บ้านสมัยนั้นอ้างอิง มันจะอยู่ฝั่งทิศตะวันตกของเนิน 2หลุม และทิศใต้ 1หลุม และจริงๆมันตั้งอยู่ในเขตโฉนดที่ดินสวนผลไม้ของเพื่อนบ้านอีกคนนึ่ง ซึ่งสวนผลไม้นั้นมีเอกสารโฉนด
>และบนเนินลูกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเนินหิน ไม่สามารถขุดได้ลึกมาก ดังนั้นในสมัยก่อนจึงไม่มีการขุดฝังศพบนเนินลูกนี้
>หลุมฝั่งศพของหมู่บ้านจะตั้งอยู่ที่เนินสูงอีกลูกหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 200 เมตรทางทิศเหนือของบ้าน
>เชื่อได้ว่าคนทั้งหมู่บ้านไม่มีใครรู้ว่าเนินลูกนี้เป็นที่สาธารณประโยชน์ และคนทั้งหมู่บ้านเชื่อความทางครอบครัวผมเป็นเจ้าของเนินที่ดินนั้นโดยพฤตินัย
ขอบพระคุณอย่างสูง....
จากคนไม่รู้เรื่องกฏหมาย แต่อยากหาความยุติธรรม