บทความวันจันทร์ (9 ก.ค. 61) : เวลาที่น่าหวงแหน

บทความวันจันทร์ (9 กรกฎาคม 2561)
เวลาที่น่าหวงแหน
โดย วรา วราภรณ์

เป็นความจริงอย่างหนึ่งว่าใครๆ ก็หวงแหนเวลา และปรารถนาจะมีโมงยามของตนเองให้ยาวนานที่สุด ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าเวลาบนโลกของตนเองจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

เดือนเมษายน ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ค้นพบว่า ตนเองมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต 7 คืน 8 วัน แต่มาเสียใจภายหลังอยู่สองอย่างคือ ไม่ได้ยืดเวลานั้นให้ยาวนานออกไป กับไม่ได้หาช่องทางแนะนำคนอื่นๆ มากเท่าที่ควรจะเป็น

เดือนมิถุนายนปีนี้ เมื่อโอกาสลอยเข้ามาหาข้าพเจ้าอีกครั้ง จึงได้ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ตั้งแต่ต้นว่าจะต้องไม่ทำให้ตนเองรู้สึกเสียใจภายหลังแบบปีที่แล้วอีก

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในตอนสายของวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2561 หลังจากการเตรียมการก่อนหน้านั้น ด้วยการนัดหมายกับเพื่อนสนิทที่กรุงเทพฯคนหนึ่ง บุรุษแปลกหน้าในกรุงเทพฯคนหนึ่ง และสาวกาฬสินธุ์ที่ไปรู้จักกันเพราะหน้าที่การงานอีกสองคน นอกจากนี้ก็คือการสั่งผักจากคนปลูกผักที่เป็นแม่ค้าอยู่ในหมู่บ้านติดกันซึ่งเธอยืนยันว่าทำเกษตรอินทรีย์ ทำให้เสบียงของข้าพเจ้าประกอบไปด้วยหน่อไม้ไผ่กิมซุง แตงกวาสด และมะเขือยาวอย่างละสิบกิโลกรัม พร้อมด้วยพริกสดเขียวอีกหนึ่งกิโล และมะนาวอีกสองกิโล กับมีสับปะรดหวานจากสวนของคนที่เคยไปรับเอามาขายอีกสามสิบกิโล

ก่อนสามโมงเช้า คุณนานา ผู้ประสานงานหลัก ขับรถเข้ามารับข้าพเจ้าถึงหน้าบ้านเพื่อช่วยขนเสบียงไป พอเปิดประตูท้ายรถเพื่อยกของใส่ก็เห็นห้องโดยสารที่มีเด็กหญิงตัวน้อยยืนมองตาแป๋ว เธอเป็นลูกเลือดผสมไทย-เกาหลี ชื่อ ฮเยจิน เด็กน้อยสามขวบยกมือไหว้ข้าพเจ้าตามคำบอกของคุณยายคือ พี่ชูจิต ที่เราได้เคยพบกันเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว และเมื่อข้าพเจ้าเปิดประตูรถเข้าไปนั่งคู่กับพี่ชูจิตและหลานน้อยของเธอ ปรากฏว่าด้านหน้าตรงเบาะข้างคนขับ ก็คือ คุณยายฮวย คุณแม่ของพี่ชูจิตวัย 81 ปีที่มาพร้อมตะกร้าหมากและกระโถนสำหรับบ้วนน้ำหมากด้วย

โอ้...ช่างน่าทึ่ง และแสนรื่นรมย์ใจเหลือเกิน คาราวานของเรา

คุณนานาขับรถคันงามตะลุยผ่านทุ่งนาและป่าอ้อยเพื่อไปแวะรับเสบียงจากน้าละอองและเพื่อนบ้านของเธอ ได้แก่ กล้วยอีกสองเครือ และข้าวสารที่ใส่ถุงมาอีกจำนวนหนึ่ง ระหว่างนั้น บุรุษแปลกหน้าก็โทรมาบอกข้าพเจ้าว่า ไม่ทราบจะไปยังจุดนัดพบอย่างไรดี ข้าพเจ้าจึงโทรหารือกับ คุณเยาวนิตย์ ทีมงานท่านหนึ่งซึ่งจะต้องนั่งรถคันนั้น และแอบหวังว่า เพราะปัญหานี้คงไม่ถึงกับทำให้เขาคนนั้นเปลี่ยนใจกลับบ้านไปเสียก่อน

ห้าโมงเช้า ทุกคนไปรวมกันที่บ้านของคุณนานาซึ่งอยู่ติดถนนใหญ่ มีทั้งปู่ย่าตายายรุ่นใหญ่วัยเจ็ดสิบปีขึ้นไปจนถึงสูงสุดคือแปดสิบเก้าปี และกลุ่มวัยทำงานช่วงอายุสามสิบถึงหกสิบปี รวมแล้วเกือบยี่สิบคน หนึ่งในจำนวนนั้น คือ นายทิพย์ หรือ “อาเป๋” ของ กะแต เพื่อนในกลุ่มสมุนไพรของข้าพเจ้า เขาเป็นชายขาพิการและเป็นนักดื่มที่เพิ่งหยุดดื่มมาได้ไม่กี่วันและตั้งใจร่วมทริพนี้กับเราด้วย โดยระหว่างที่รอรถก็หลบมุมเอนกายด้วยท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง ปฏิเสธอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดไม่ว่าข้าพเจ้าจะคะยั้นคะยอเพียงใด อย่างไรก็ตาม น่าดีใจที่มี คุณตาเทพ พี่ชายของเขาไปกับเราด้วย ทั้งที่ท่านเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ต้องฉีดยาให้ตัวเองทุกวัน แถมยังเป็นความดันสูงชนิดที่เคยวูบตกจากเก้าอี้มาแล้ว แต่วันนั้นท่านดูสงบนิ่งแบบผู้ที่เตรียมตัวมาอย่างดี

ก่อนเที่ยง ข่าวดีที่ข้าพเจ้าได้รับก็คือ บุรุษแปลกหน้าคนนั้นได้ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ทำให้รู้สึกได้ทันทีว่าระดับความสุขของตัวเองตั้งแต่เช้าเริ่มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็ทราบว่าคุณแม่ของข้าพเจ้าได้ทำข้าวต้มมัดโบราณฝากมาอีกราวสิบมัด ชนิดที่เสร็จจากครัวมาใหม่ๆ พร้อมมะพร้าวทึนทึกสำหรับโรยหน้าหนึ่งลูก และน้องสาวก็ปอกสับปะรดพร้อมกับหั่นเป็นชิ้นใส่ถุงให้มากินกันบนรถ นอกจากนี้ เธอยังทำสบู่เหลวขมิ้นฝากมาให้อีก 60 ขวดด้วย

เมื่อรถจากกาฬสินธุ์แวะเข้ามารับ เราก็ช่วยกันขนข้าวของใส่ท้ายรถทันทีและออกเดินทางตามกันไปราวบ่ายโมงครึ่ง โดยคันที่ข้าพเจ้านั่งได้แวะรับคุณตุ้ยกับคุณสะอาด ทีมงานสำคัญอีกสองท่านที่รออยู่ไม่ไกลจากจุดนั้น รวมคาราวานนี้มีรถตู้สองคัน และรถเก๋งของคุณนานาหนึ่งคัน พิเศษสุดที่รถของคุณนานาได้จัดส่วนท้ายให้เป็นที่นอนสำหรับ คุณยายแสง เพราะวัยเกือบเก้าสิบของท่านทำให้ช่วงที่มานั่งรอรถรู้สึกอ่อนแรง หน้ามืดเล็กน้อย ดังนั้น ก่อนจะขึ้นรถ สาวเขียวลูกสะใภ้ที่มาด้วยกันจึงให้ดื่มยาหอมที่ข้าพเจ้าติดไปและอาบน้ำให้อีกรอบหนึ่ง คราวนี้คุณยายแสงพร้อมเต็มที่ และเป็นเพียงคนเดียวที่ “นอนมา” (เพราะทุกคนนั่งค่ะ)

เมื่อรถแล่นออกไปได้เกือบสิบนาที ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ จึงสวดมนต์ในใจเพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทาง ตามที่ คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย ให้ไว้ในหนังสือบทไหว้พระสวดมนต์ของท่าน

จากอำเภอหนองบุญมาก นครราชสีมา เราต้องผ่านอำเภอนางรอง บุรีรัมย์เพื่อไปยังอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ระหว่างทางได้เห็นว่ายางรถยนต์คันที่ข้าพเจ้านั่งค่อยๆ แบนลงๆ ตอนแวะปั๊มพอดี ทุกคนก็เลยได้นั่งพักพูดคุยกันช่วงที่รอเปลี่ยนยางรถ ต่อจากนั้นก็ราบรื่นตลอดเส้นทาง

เข้าเขตอำเภออรัญประเทศแล้วก็สมชื่อ ด้วยมีต้นไม้ มีสีเขียวๆ ให้ชมชุ่มตาและชุ่มใจ รถแล่นเลี่ยงจากเขตเทศบาลเข้าไปในถนนสายเล็กๆ ผ่านแปลงผัก ไร่ผลไม้ คูน้ำ ในที่สุดเวลาห้าโมงเศษ รถก็เลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กๆ ที่มีแผ่นอิงค์เจ็ทเขียนว่า “บ้านชนบทธรรมภูมิ” ติดอยู่ตรงปากทางเข้าซอยอันร่มรื่น

ผ่านประตูรั้วใหญ่มีลวดลายเหล็กดัด ผ่านสนามหญ้าที่มีแมกไม้นานาพันธุ์ พวกเราได้เข้าไปสมทบกับหลายคนที่เดินทางไปถึงก่อนแล้ว และก่อนค่ำวันนั้น ทั้งเด็กเล็ก ผู้ชรา วัยรุ่น หนุ่มสาวและวัยทำงานเกือบหกสิบคนก็ได้เข้าไปสู่ชายคาบ้านอันอบอุ่นและสงบงามด้วยธรรมของ คุณกิตติศักดิ์และคุณจิตร์สุภา โตมรศักดิ์ เจ้าของบ้าน ที่นี่คือถิ่นพำนักของพวกเราในอีกเจ็ดคืนจากนี้ไป เพราะทุกคนคือผู้เข้าอบรมหลักสูตร “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข” ตามแนวทางของ คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย นั่นเอง

ส่วนเนื้อหาการอบรมคืออะไร ? และพวกเราต้องทำอะไรกันบ้าง ? ขอเชิญติดตามได้ในตอนต่อไปวันจันทร์หน้านะคะ


ลานหน้าบ้านชนบทธรรมภูมิ


ด้านหน้าทางขึ้นสู่ตัวเรือนหลังใหญ่ สถานที่จัดอบรม


บ้านพักที่ข้าพเจ้าพักร่วมกับเพื่อนๆ


ห้องพักหญิงแบบนอนรวมกันในโถงเดียว



ทางเดินเชื่อมระหว่างบ้านพักผู้เข้าอบรม

 
นี่ไงคะ ฮเยจินคนเก่งของยาย

หมายเหตุ : ผู้เขียนขอชี้แจงว่า "บทความวันจันทร์" คืองานเขียนประเภทบทความของเจ้าของกระทู้ ซึ่งตั้งใจว่าจะนำมาวางแทนเรื่องสั้นในบางสัปดาห์ค่ะ ด้วยเหตุที่ผู้เขียนยอมรับว่าเพราะภารกิจในขณะนี้ทำให้เขียนเรื่องสั้นมานำเสนอไม่ทันทุกสัปดาห์ ในขณะที่ผู้เขียนเองก็มีข้อมูลหรือเรื่องราวที่สนใจจะหยิบยกมานำเสนอต่อผู้อ่านในรูปแบบบทความด้วย ดังนั้น ผู้เขียนจึงขอเปิดพื้นที่ "บทความวันจันทร์" ร่วมกับ "เรื่องสั้นวันพุธ" โดยนำเสนอแบบสลับกันไป หรือทดแทนกันตามความเหมาะสมนะคะ
สำหรับบทความแรกนี้ คือประสบการณ์ตรงของผู้เขียนในการเข้ารับการอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย ค่ะ จึงขอนำมาแบ่งปันเพื่อแนะนำผู้ที่ไม่เคยทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ และสำหรับผู้ที่มีความสนใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็จะยิ่งได้รับข้อมูลที่มีความหลากหลายและมีรายละเอียดมากขึ้นค่ะ

(ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่