....แต่พราหมณ์มุ่งเน้นโดยเอาขันธ์ ๕ มาเป็นตัวตั้งว่าเป็นอัตตา...(ตัวตน) แต่ก็หาไม่พบเพราะว่ามันไม่มีอยู่จริง
จนกระทั่งตรัสรู้ว่าที่แท้ ความเข้าไปสงบระงับซึ่งขันธ์ ๕ นั่นแหละ (นิพพาน) คือ อัตตา คือความอยู่ยงคงกระพันแบบชั่วนิจนิรันดร์...
ขันธ์ ๕ หรือสังขารทั้งหลายท่านปฏิเสธอย่างแข็งขันว่า นั่นมันปราศจากสิ่งที่เป็นตัวตนอย่างแน่นอน
เพราะเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ดีอย่างมากมาย....แต่
....ควรรู้ยิ่งว่า ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน ความไม่เป็นไปเป็น
นิพพาน ความไม่มีเครื่องหมายเป็นนิพพาน ความไม่ประมวลมาเป็นนิพพาน
ความไม่สืบต่อเป็นนิพพาน ความไม่ไปเป็นนิพพาน ความไม่บังเกิดเป็นนิพพาน
ความไม่อุบัติเป็นนิพพาน ความไม่เกิดเป็นนิพพาน ความไม่แก่เป็นนิพพาน
ความไม่ป่วยไข้เป็นนิพพาน ความไม่ตายเป็นนิพพาน ความไม่เศร้าโศกเป็น
นิพพาน ความไม่รำพันเป็นนิพพาน ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน ฯ
.... ควรรู้ยิ่งว่า ความเกิดขึ้นเป็นสังขาร ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน
ความเป็นไปเป็นสังขาร ความไม่เป็นไปเป็นนิพพาน เครื่องหมายเป็นสังขาร
ความไม่มีเครื่องหมายเป็นนิพพาน ความประมวลมาเป็นสังขาร ความไม่ประมวล
มาเป็นนิพพาน ความสืบต่อเป็นสังขาร ความไม่สืบต่อเป็นนิพพาน ความไป
เป็นสังขาร ความไม่ไปเป็นนิพพาน ความบังเกิดเป็นสังขาร ความไม่บังเกิดเป็น
นิพพาน ความอุบัติเป็นสังขาร ความไม่อุบัติเป็นนิพพาน ความเกิดเป็นสังขาร
ความไม่เกิดเป็นนิพพาน ความแก่เป็นสังขาร ความไม่แก่เป็นนิพพาน ความ
ป่วยไข้เป็นสังขาร ความไม่ป่วยไข้เป็นนิพพาน ความตายเป็นสังขาร ความไม่
ตายเป็นนิพพาน ความเศร้าโศกเป็นสังขาร ความไม่เศร้าโศกเป็นนิพพาน
ความรำพันเป็นสังขาร ความไม่รำพันเป็นนิพพาน ความคับแค้นใจเป็นสังขาร
ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน ฯ
เมื่อเป็นเช่นนี้.. แม้พระพุทธเจ้าท่านไม่ตรัสบอกไว้โดยตรงว่านิพพานเป็นอัตตา
เพราะมันง่ายๆอยู่แล้ว ผู้มีปัญญาดีทั้งทั้งหลายก็สามารถรู้ได้โดยปริยายอย่างนี้..
เอวัง...
พุทธกับพราหมณ์ต่างก็มุงหมายจุดเดียวกัน คือ ความอยู่ยงคงกระพันแบบชั่วนิจนิรันดร์
จนกระทั่งตรัสรู้ว่าที่แท้ ความเข้าไปสงบระงับซึ่งขันธ์ ๕ นั่นแหละ (นิพพาน) คือ อัตตา คือความอยู่ยงคงกระพันแบบชั่วนิจนิรันดร์...
ขันธ์ ๕ หรือสังขารทั้งหลายท่านปฏิเสธอย่างแข็งขันว่า นั่นมันปราศจากสิ่งที่เป็นตัวตนอย่างแน่นอน
เพราะเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ดีอย่างมากมาย....แต่
....ควรรู้ยิ่งว่า ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน ความไม่เป็นไปเป็น
นิพพาน ความไม่มีเครื่องหมายเป็นนิพพาน ความไม่ประมวลมาเป็นนิพพาน
ความไม่สืบต่อเป็นนิพพาน ความไม่ไปเป็นนิพพาน ความไม่บังเกิดเป็นนิพพาน
ความไม่อุบัติเป็นนิพพาน ความไม่เกิดเป็นนิพพาน ความไม่แก่เป็นนิพพาน
ความไม่ป่วยไข้เป็นนิพพาน ความไม่ตายเป็นนิพพาน ความไม่เศร้าโศกเป็น
นิพพาน ความไม่รำพันเป็นนิพพาน ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน ฯ
.... ควรรู้ยิ่งว่า ความเกิดขึ้นเป็นสังขาร ความไม่เกิดขึ้นเป็นนิพพาน
ความเป็นไปเป็นสังขาร ความไม่เป็นไปเป็นนิพพาน เครื่องหมายเป็นสังขาร
ความไม่มีเครื่องหมายเป็นนิพพาน ความประมวลมาเป็นสังขาร ความไม่ประมวล
มาเป็นนิพพาน ความสืบต่อเป็นสังขาร ความไม่สืบต่อเป็นนิพพาน ความไป
เป็นสังขาร ความไม่ไปเป็นนิพพาน ความบังเกิดเป็นสังขาร ความไม่บังเกิดเป็น
นิพพาน ความอุบัติเป็นสังขาร ความไม่อุบัติเป็นนิพพาน ความเกิดเป็นสังขาร
ความไม่เกิดเป็นนิพพาน ความแก่เป็นสังขาร ความไม่แก่เป็นนิพพาน ความ
ป่วยไข้เป็นสังขาร ความไม่ป่วยไข้เป็นนิพพาน ความตายเป็นสังขาร ความไม่
ตายเป็นนิพพาน ความเศร้าโศกเป็นสังขาร ความไม่เศร้าโศกเป็นนิพพาน
ความรำพันเป็นสังขาร ความไม่รำพันเป็นนิพพาน ความคับแค้นใจเป็นสังขาร
ความไม่คับแค้นใจเป็นนิพพาน ฯ
เมื่อเป็นเช่นนี้.. แม้พระพุทธเจ้าท่านไม่ตรัสบอกไว้โดยตรงว่านิพพานเป็นอัตตา
เพราะมันง่ายๆอยู่แล้ว ผู้มีปัญญาดีทั้งทั้งหลายก็สามารถรู้ได้โดยปริยายอย่างนี้..
เอวัง...