Who is the Killer? บทที่ ๔

กระทู้สนทนา
บทนี้สั้นหน่อยนะ มันปิดฉากพอดี

ความเดิม
บทที่ ๑ https://pantip.com/topic/37540847
บทที่ ๓ https://pantip.com/topic/37681711

บทที่ ๔

###

อเนชานั่งพิงหลังกับหินสีน้ำตาลบนพื้นดินอันรกร้างแห้งแล้ง

เขาคิดถึงเหตุการณ์หลังจากที่เกือบถูกรถกระบะสีขาวคันนั้นชนไม่ออกเลยสักนิด ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไร ในหัวก็ไพล่ไปนึกถึงตอนที่เห็นชายสามคนกำลังขนเครื่องเรือนที่ขโมยมาเข้าไปในบ้าน นึกถึงตอนที่ตัวเขาเกือบโดนตัวฉุดลากดูดไป คิดวนกลับไปกลับมาเช่นนี้ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยรอบแล้ว

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหตัวเอง พอโมโหแล้วร่างกายก็ร้อนขึ้นมา ทำให้เขาต้องหยุดคิด หันมาข่มอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะต้องกลับมาตั้งต้น เริ่มคิดที่จุดเดิมใหม่

ตัวแทนสามสี่เจ็ดนั่งหันหลังให้เขาอยู่บนหินสีน้ำตาลนั้น เธอไม่ได้หนีหายไปไหน ไม่พูดบ่นอะไร เพียงแต่นั่งเล่นแท็บเล็ตอยู่ใกล้ๆ เท่านั้น

ยังดีที่มีคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงเป็นบ้าตาย

...ตาย...เขาตายไปแล้ว จะเป็นบ้าตายได้อย่างไร... นึกถึงตรงนี้แล้ววิญญาณหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำเอาคนที่ด้านหลังต้องหันกลับมาสนใจเขา

"ตกลงยังคิดไม่ออกหรือ" เธอถามเหมือนจะเห็นใจ

"ยัง" เขาตอบพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเงียบไปอึดใจหนึ่ง แล้วจึงหันไปถามเธออีก "เออนี่ ก่อนจะเจอรถกระบะคันนั้นคุณกำลังจะพาผมไปที่จุดเกิดเหตุไม่ใช่หรือ เรากลับไปที่นั่นตอนนี้ได้ไหม เผื่อจะมีร่องรอยอุบัติเหตุ หรือเบาะแสบางอย่างให้ผมนึกอะไรออกได้บ้าง"

"คุณคิดว่าตัวเองตายเพราะอุบัติเหตุจริงๆ หรือ"

เขานิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกมา "ก็น่าจะใช่นะ ผมไม่มีศัตรูที่ไหนนี่"

"ก็ได้ เราไปที่นั่นกัน" ตัวแทนสามสี่เจ็ดบอกพลางกระโดดลงจากก้อนหิน พร้อมกันนั้นรถช็อปเปอร์คันเดิมที่หายไปตั้งแต่ตอนพวกเขานั่งพักก็กลับมาปรากฏขึ้นอีก "แต่ฉันไม่แน่ใจนะว่าจะเจออะไรรึเปล่า"

อเนชาก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขาปัดกางเกงเล็กน้อย แล้วจึงก้าวไปใกล้ยานพาหนะสองล้อ

อย่างไรเสียก็ยังดีกว่านั่งคิดวนไปวนมาก็แล้วกัน... เขานึกพร้อมกับรับหมวกนิรภัยมาสวมไว้

---

สิ่งที่พวกเขาเจอในที่เกิดเหตุมีมากมาย แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขานึกเหตุการณ์ต่อมาได้สักอย่างหนึ่ง

ที่ว่ามากมายก็เพราะตอนนั้นเป็นเวลารุ่งสางแล้ว ผู้คนเริ่มออกมาทำกิจกรรมในยามเช้า ร้านค้าก็ออกมาตั้งเรียงรายอยู่ริมถนน รถราก็แล่นไปมา แม้จะยังไม่ถึงกับพลุกพล่าน แต่ก็จอแจพอสมควร

อเนชายืนอยู่กลางถนนที่รถวิ่งกันขวักไขว่ เขาปล่อยให้รถแต่ละคันแล่นผ่านตัวเขาไป สายตาของเขามองเหม่อไปยังทางเท้าที่ร่างกายของเขาถูกผลักลงมาบนถนนจนกระทั่งเกือบถูกรถกระบะชน

ไม่มีรอยเลือด ไม่มีร่องรอยของอุบัติเหตุเลยสักนิด เป็นไปได้อย่างไร เขาตายอย่างไรกันแน่!

หรือบางทีเขาอาจจะตายมาหลายวันแล้ว ตำรวจก็เก็บหลักฐานไปหมด ร่องรอยอื่นๆ ก็ถูกชะล้างไปตามกาลเวลา...

"นี่คุณ!" เขาตะโกนถามตัวแทนสามสี่เจ็ดซึ่งยืนอยู่ริมถนน ใกล้กับบริเวณที่เขามองอยู่เมื่อครู่ "คุณรู้รึเปล่า ผมตายมานานแค่ไหนแล้ว"

ตัวแทนบริษัทไถ่วิญญาณก้มหน้าจิ้มแท็บเล็ตสองสามทีจึงตะโกนตอบกลับมา "ห้าชั่วโมง สี่สิบสองนาที สิบเจ็ด...สิบแปด...วินาที"

วิญญาณหนุ่มฟังแล้วถึงกับอึ้งไป ...เพิ่ง...เพิ่งจะห้าชั่วโมงเท่านั้นหรือ!

เขาทรุดเข่าลง ร่างกายหนาวเย็นขึ้นมาในบัดดล แต่เขากลับไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด

ทำไมจึงไม่มีร่องรอย เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่... เขาคร่ำครวญกับตัวเองในใจ ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั่น เสียงฟ้าคำรามครืนครั่นก็ดังขึ้นทางด้านหลัง เขาไม่ได้หันกลับไปมอง ไม่ได้สนใจว่าเสียงนั้นจะเป็นตัวฉุดลากหรืออะไร เขาจมดิ่งอยู่ในอารมณ์ของตัวเอง ยิ่งทียิ่งจมลึกลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ

ตัวแทนสามสี่เจ็ดเห็นท่าไม่ได้การ เธอรีบโยนโซ่เหล็กไปพันร่างเขาไว้ โยงกับท้ายรถช็อปเปอร์ของตน ก่อนจะราดน้ำมันในเขาแล้วจุดไฟ จากนั้นจึงรีบขับรถลากตัวเขาที่กำลังลุกไหม้ไปกับพื้นถนน เร่งหนีออกจากที่นั่นไปอย่างรวดเร็ว

---

ตัวเขาดำเต็มไปด้วยรอยเถ้าถ่าน แต่ไม่เป็นน้ำแข็งแล้ว

กระนั้นเขาก็ยังนิ่งเงียบอยู่ นั่งกอดเข่าอยู่ข้างก้อนหินสีน้ำตาลโดยไม่พูดอะไร ไม่สนใจแม้แต่จะปาดเช็ดผงเถ้าออกจากหน้าตา

ทว่าที่เขาไม่สนใจร่างกายตัวเองนั้นไม่ใช่เพราะยังจมอยู่ในความโศกเศร้า แต่เป็นเพราะเขากำลังคิดปลงกับตัวเอง

หากเขาจำเหตุการณ์หลังจากนั้นได้ และหาตัวคนที่ฆ่าเขาจนพบแล้วจะทำอย่างไร เขาจะตัดใจฆ่าคนผู้นั้นเพื่อให้ตัวเองฟื้นคืนชีพได้หรือ...


เขาตายไปแล้ว ตายไปเกือบหกชั่วโมงแล้ว ถ้าเขาตายด้วยอุบัติเหตุ กู้ภัยก็คงเก็บศพเขาไปเรียบร้อย ตำรวจก็คงแจ้งให้พ่อแม่กับน้องสาวของเขารับทราบแล้ว หากอยู่ๆ เขากลับไปที่บ้านตัวเป็นๆ พ่อแม่ก็คงตกใจตายเสียก่อน

แต่ถ้าเขาถูกใครฆ่าหมกไว้ที่ไหนสักแห่ง ป่านนี้ศพก็คงเริ่มขึ้นอืดแล้ว

เขาเคยเห็นศพหนูศพแมว ขนาดตัวมันเล็กกว่าเขาตั้งมากมายยังเหม็นจนเขาแทบอาเจียน แล้วศพของเขาจะเหม็นสักปานไหน

เขาควรคืนชีพดีหรือ บางทีนี่อาจจะเป็นวาระของเขาแล้วก็ได้ เขาอาจจะมีเวลาเพียงเท่านี้...ยี่สิบเก้าปี ก็ยังดีกว่าคนที่อายุสั้นกว่าเขาละวะ

คิดถึงตรงนี้เขาก็ยืดกายขึ้น ปาดเช็ดหน้าตา สูดลมหายใจเขาลึกๆ เถ้าถ่านสีดำที่เปื้อนอยู่ตามร่างกายก็ปลาสนาการหายไปสิ้น

เอาเถิด...จะคืนชีพได้หรือไม่ก็ช่าง จะตายจริงหรือตายชั่วคราวก็แล้วแต่ เวลานี้เขาสงสารพ่อกับแม่มากกว่า ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง ยังมียายตัวเล็กน้องสาวของเขาอีก ป่านนี้คงร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วกระมัง

จริงสิ เขาควรจะกลับบ้าน กลับไปดูพ่อแม่สักหน่อย หากเขาจะต้องไปจริงๆ ก็ขอให้ได้ลาพวกท่านเสียก่อน

เขาเหลียวกลับไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เธอเองก็กำลังมองเขาเช่นกัน ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่ แต่ดูเหมือนจะรู้ว่าเขาเพิ่งตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

"ผมอยากกลับไปหาพ่อแม่...ได้ไหม" เขาถามอย่างไม่แน่ใจ

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" ตัวแทนสามสี่เจ็ดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยความเห็นใจ

เขาก้าวตามเธอไปขึ้นรถ หยิบหมวกนิรภัยที่วางอยู่บนเบาะช็อปเปอร์ขึ้นมาสวม

"ขอโทษนะ" เขาพึมพำเบาๆ ทำเอาคนขับต้องหันมามองเป็นเชิงถาม

"ก็...ผมขอให้คุณพาผมไปที่โน่นที่นี่ แล้วยังต้องคอยช่วยผมหนีจากตัวฉุดลากอีก"

ตัวแทนบริษัทไถ่วิญญาณหันกลับไปเร่งเครื่องยนต์

"มันเป็นหน้าที่ฉันอยู่แล้ว" เธอบอกเสียงเบา แทบกลืนหายไปกลับเสียงเครื่องยนต์

###
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่