Trade Wars 6 july effect

ถ้าวันที่ 6 ก.ค. สหรัฐฯ กับ จีน ตั้งกำแพงภาษีกันจริง เรากระทบอะไร

จนถึงตอนนี้ ก็ต้องบอกว่า ยังไม่มีพัฒนาการเชิงบวกสำหรับ Trade Wars ซึ่งหลักๆก็เป็นเกมส์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน จนเป็น 1 ในสาเหตุให้เงินลงทุนไหลออกจากประเทศในเอเชีย และตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะในจีนเอง ณ เวลานี้

Bloomberg Economics ได้มีการไปใช้ฐานข้อมูลจาก OECD ทำการวิเคราะห์ผลกระทบ หากเกิดการตั้งกำแพงภาษีกันจริงในวันที่ 6 ก.ค. ที่จะถึงนี้

ซึ่งจากการประมวลผล พบว่า Trade Wars ระหว่างยักษ์ใหญ่ 2
เจ้า จะกระทบกับ GDP ของประเทศในแถบเอเชียโดยเฉลี่ย ทำให้ GDP ลดลงประมาณ 1.1% ต่อการส่งออกของจีนที่ลดลงทุกๆ 10% สาเหตุเพราะ จีนเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบไปผลิตและส่งต่ออีกที ซึ่งผู้ผลิตสินค้าทุน ก็คือ คู่ค้าที่อยู่รอบๆจีนในเอเชียเป็นส่วนใหญ่

สำหรับประเทศไทยเรา การวิเคราะห์ของ Bloomberg Economics มองว่า น่าจะกระทบราวๆ 1.2% ของ GDP ต่อการส่งออกของจีนที่ลดลงทุกๆ 10% ซึ่งสาเหตุหลัก เพราะจีนคือ ประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย (อันดับ 2 คือ ญี่ปุ่น อันดับ 3 คือ สหรัฐฯ)

ประเทศในเอเชียที่มีความเสี่ยงโดนกระทบหนักสุดคือ ไต้หวัน กระทบ 3% ของ GDP ต่อการส่งออกของจีนที่ลดลงทุกๆ 10% ทีเดียว

ขณะที่ Bloomberg Economics ได้ทำการวิเคระาห์ต่ออีกว่า ผลกระทบต่อประเทศจีนจะอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.3% ของ GDP เท่านั้น  ต่อการส่งออกของจีนที่ลดลงทุกๆ 10% สาเหตุเพราะสัดส่วนการส่งออกของจีนเมื่อเทียบกับ GDP ลดลงมาเรื่อยๆ หลังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายให้หันมาสนับสนุนการติบโตจากภายในประเทศ เน้นการบริโภค ใช้สินค้าและบริการในประเทศเป็นหลัก

พออ่านจากที่ Bloomberg ประเมิน ก็ต้องบอกว่า สาเหตุของการปรับฐานของหุ้นเอเชีย รวมทั้งหุ้นไทย มันก็พอมีมูลจริงจากกรณี Trade Wars ไม่ใช่ Panic Sell แบบตื่นตูมไปเอง

แต่ก็นั่นละครับ นี่ก็เป็นแค่อีก 1 ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

อีกอย่างคือ Bloomberg ใช้ฐานข้อมูลของ OECD เมื่อปี 2014 สาเหตุเพราะมันละเอียดและมีครบให้วิเคราะห์ แต่จุดบอดก็คือ มันไม่เป็นปัจจุบันครับ ดังนั้นก็อ่านเป็นข้อมูลไว้เฉยๆ

ที่มา : Bloomberg

เครดิตบทความโดย.Mr.Messenger
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่