ตลาดหุ้น ราคานํ้ามัน กับเศรษฐกิจไทย
เริ่มต้นปีใหม่นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง สะท้อนความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ
ผมเห็นหลายคนวิเคราะห์กันมากมายว่าราคานํ้ามันในตลาดโลกอาจจะมีส่วนทำให้เกิดวิกฤติได้ ที่กังวลกันมากที่สุดคือ 'deflation' หรือ 'ภาวะเงินฝืด'
แต่ถ้าเกิด deflation ด้วยเหตุว่าราคานํ้ามันลดลง บางประเทศอาจถึงวิกฤติได้ แต่บางประเทศได้ประโยชน์แน่นอน
ในส่วนของประเทศไทยนั้น ผลโดยตรงมีแต่จะเป็นบวก สาเหตุเป็นเพราะเราเป็นประเทศที่นำเข้านํ้ามันมากที่สุดในเอเซียเมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจ ราคานํ้ามันที่ลดลงจึงเป็นคุณต่อเราอย่างมาก
การวิเคราะห์ของ BofA Merrill Lynch ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยได้รับประโยชน์จากราคานํ้ามันที่ลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศในเอเซีย โดยที่ GDP เราจะเพิ่มขึ้น 0.45% ทุกๆ 10% ที่ราคานํ้ามันลดลง ที่เป็นเช่นนี้เพราะดุลการค้านํ้ามันเราติดลบถึงเกือบ 10% ของ GDP (ต้นทุนการนำเข้านํ้ามันสูงมากกว่าส่วนที่เราส่งออกนํ้ามันที่กลั่นแล้วหลายเท่า)
ส่วน 'วิกฤติ' ที่อาจเกิดขึ้นนั้น คงจะเป็นวิกฤติที่ประเทศผู้ผลิต แต่ไม่ใช่วิกฤติของเราแน่นอน และผมมั่นใจว่าผลกระทบกับไทยเราจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศเหล่านี้จะน้อยกว่าประโยชน์ที่เราได้รับ
อย่าลืมว่าจีนและญี่ปุ่นก็เป็นผู้นำเข้านํ้ามัน ดังนั้นเมื่อราคานํ้ามันลดลงกำลังซื้อผู้บริโภคเขาก็จะเพิ่มขึ้น
อย่ากลัวกันไปมากนักเลยครับ ความกลัวมากกว่าที่จะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจมากที่สุด แบงค์ชาติเองก็อาจต้องเลิกกลัวเงินเฟ้อได้แล้ว - ดอกเบี้ยลดลงได้หรือยังครับ?
--------------------------------------------------------------
เอามาให้อ่านเล่นๆ
คุณกรณ์โพสในเฟส
เริ่มต้นปีใหม่นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง สะท้อนความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ
ผมเห็นหลายคนวิเคราะห์กันมากมายว่าราคานํ้ามันในตลาดโลกอาจจะมีส่วนทำให้เกิดวิกฤติได้ ที่กังวลกันมากที่สุดคือ 'deflation' หรือ 'ภาวะเงินฝืด'
แต่ถ้าเกิด deflation ด้วยเหตุว่าราคานํ้ามันลดลง บางประเทศอาจถึงวิกฤติได้ แต่บางประเทศได้ประโยชน์แน่นอน
ในส่วนของประเทศไทยนั้น ผลโดยตรงมีแต่จะเป็นบวก สาเหตุเป็นเพราะเราเป็นประเทศที่นำเข้านํ้ามันมากที่สุดในเอเซียเมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจ ราคานํ้ามันที่ลดลงจึงเป็นคุณต่อเราอย่างมาก
การวิเคราะห์ของ BofA Merrill Lynch ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยได้รับประโยชน์จากราคานํ้ามันที่ลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศในเอเซีย โดยที่ GDP เราจะเพิ่มขึ้น 0.45% ทุกๆ 10% ที่ราคานํ้ามันลดลง ที่เป็นเช่นนี้เพราะดุลการค้านํ้ามันเราติดลบถึงเกือบ 10% ของ GDP (ต้นทุนการนำเข้านํ้ามันสูงมากกว่าส่วนที่เราส่งออกนํ้ามันที่กลั่นแล้วหลายเท่า)
ส่วน 'วิกฤติ' ที่อาจเกิดขึ้นนั้น คงจะเป็นวิกฤติที่ประเทศผู้ผลิต แต่ไม่ใช่วิกฤติของเราแน่นอน และผมมั่นใจว่าผลกระทบกับไทยเราจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศเหล่านี้จะน้อยกว่าประโยชน์ที่เราได้รับ
อย่าลืมว่าจีนและญี่ปุ่นก็เป็นผู้นำเข้านํ้ามัน ดังนั้นเมื่อราคานํ้ามันลดลงกำลังซื้อผู้บริโภคเขาก็จะเพิ่มขึ้น
อย่ากลัวกันไปมากนักเลยครับ ความกลัวมากกว่าที่จะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจมากที่สุด แบงค์ชาติเองก็อาจต้องเลิกกลัวเงินเฟ้อได้แล้ว - ดอกเบี้ยลดลงได้หรือยังครับ?
--------------------------------------------------------------
เอามาให้อ่านเล่นๆ