ฉีดไขมันใต้ตา กับ Filler ต่างกันอย่างไร จากประสบการณ์ตรง

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าไม่ได้รับค่ารีวิวอะไรทั้งสิ้น มาบอกประสบการณ์ที่ตนเองนั้นเคยเจอมากับตัวล้วนๆค่ะ

จากความเดิมตอนที่แล้ว

https://m.pantip.com/topic/37744600?

เราได้ไปทำการฉีดไขมันใต้ตาที่คลินิคแห่งหนึ่งในใจกลางทองหล่อ ที่เค้าเคลมถึงข้อดีของการฉีดไขมันดีกว่าการฉีดฟิลเลอร์ต่างๆ ก็ทำให้เราหน้ามืดสนใจการฉีดไขมันมาก และด้วยเป็นคนที่เบ้าตาลึก ดูโทรม แก้มด้านหน้าก็แบน เลยตัดสินใจฉีดไป เอานะไขมันตัวเองยังไงก็ไม่อันตราย แต่ปรากฎว่า ผลที่ได้นั้น เจ็บมาก คือ อักเสบ ช้ำ บวมนาน และไขมันบางส่วน สลายหายไปทำให้บริเวณใต้ตานั้นไม่เรียบ ช่วง mid face ขาดหายไปทำให้ เป็นร่องคล้ำลึกยาวจากร่องน้ำตาลงมา หมอทางคลีนิคนั้นบอกไม่ให้ทำอะไรกับหน้านอกจากเว้น3-4เดือนให้มาฉีดซ้ำเพิ่ม แต่คือเรากลัวไปแล้วอ่ะ ไม่อยากเจ็บตัวอีก โดนกระซวกไขมัน แง... ก็คงจะแล้วแต่คนนะคะ บางคนฉีดแล้วสวยก็โชคดี แต่เราคงไม่กล้าทำอีกแล้ว งือออ

ยอมรับว่าทรมานใจไปหลายเดือน ทุกครั้งที่มองตัวเองในกระจก จะไม่มั่นใจ แล้วก็ยิ่งโบกรองพื้นหนาเพื่อพยายามกลบร่องที่ไม่เรียบ ไม่ก็ใส่แว่นตาอำพรางไป

จนวันหนึ่ง สะดุดไปเห็นเพจคลีนิคในFB เป็นคลีนิคเสริมความงามที่ เวนิส ดิ ไอริส แถววัชรพล คลีนิคอ่านว่าอะไรอ่ะ อ่อ Derma pride (แปะลิ้งค์ไปวารป์ได้ค่ะ เค้าอนุญาต หัวเราะ)

https://www.facebook.com/DermaPrideClinic/

เออ...ก็ใกล้บ้านนี่นา ว่าจะไปฉีดวิตามินบำรุงผิวสักหน่อย  พอไปถึงก็ได้พบคุณหมอคุยไปคุยมาก็ปรึกษาเรื่องปัญหาข้อบกพร่องของใบหน้าที่เป็นอยู่

คุณหมอก็อธิบายให้ฟังว่า จริงๆแล้ว การฉีดไขมันและฟิลเลอร์มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้ต้องการผลลัพธ์แบบไหน และยอมรับกับผลข้าวเคียงที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ อย่างการฉีดไขมันก็เป็นการรักษาที่มีมานานมากแล้ว ข้อดีคือเป็นของธรรมชาติที่เราสร้างเองไม่เกิดอาการแพ้แน่นอน แต่ส่วนใหญ่นั้นจะไม่ค่อยติดหน้าซะทีเดียวต้องทำการฉีดในปริมาณมากเกินๆไว้และต้องฉีดซ้ำเพื่อให้เซลล์ไขมันมีชีวิตรอด แต่ข้อเสียคือกะเกณฑ์ไขมันที่จะเกาะหน้าได้ยากกระบวนการฉีดยุ่งยากกว่าต้องคว้านใต้ผิวหนังฉีดทำให้บวมช้ำและถ้าเครื่องมือไม่สะอาด ก็จะทำให้ติดเชื้ออักเสบได้ค่ะ

ส่วนการฉีด Filler นั้น จะต้องเป็น ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) สารเติมเต็มชนิดนี้ ต้องเป็นยี่ห้อ ที่ อ.ย.ไทยรับรอง และต้องทำการฉีดโดยคุณหมอผู้เชี่ยงชาญเท่านั้น ไม่พูดถึง Filler เถื่อนไม่ได้มาตราฐานหรือที่เคลมว่าอยู่ได้นาน 5-10 ปี ++  ถึง ตลอดชีวิต (อุ่ย..แบบนี้อันตราย)

การฉีด Filler ข้อดีคือ จะเป็นการฉีดสารเติมเต็มแบบ 1:1 นั่นคือฉีดเข้าไปเท่าไรก็อยู่เท่านั้น ไม่ต้องพักฟื้น หน้าบวมนาน และจะสลายไปตามกาลเวลา ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ซึ่งนี่ก็คือหนึ่งในข้อเสียคือต้องมาเติมเรื่อยๆ เวลามันสลายหมด ค่อนข้างราคาสูง ใน 1 หลอดสลิ้ง จะมีปริมาณ 1cc ก็หลักหมื่นอัพ ถ้าจะปรับแก้ไขรูปหน้าหลายส่วนก็อาจจะใช้มากกว่านั้น 2-3cc หรือ 4-5 cc แล้วแต่ปัญหาของแต่ละคนเนอะ

สรุปคุณหมอแนะนำให้เราฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มในส่วนที่เรียกว่า mid face (ดูภาะประกอบจากกระทู้ที่แล้วได้ค่ะ)
https://m.pantip.com/topic/37744600?

ก็คิดว่า เออน่ะ ลองดูสักตั้ง ถ้าไม่ พัง ก็ ปังล่ะวะ
สรุปใช้ Filler 2 ccค่ะ จัดไป 2หลอด ยี่ห้อ Restylane รุ่น Lyft ค่ะ เอ้า ลุย!

ก็ทำการแปะยาชาก่อนค่ะ


รูปนี้ฉีดเสร็จได้ข้างนึง คุณหมอมือเบามาก


ฉีดได้2วันแรกก็ปัดไฮไลท์เด้งได้เลย




และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้หลังจากฉีดได้ 5 วัน ค่ะ



(รูปสุดท้ายคือรูป before ค่ะ ผ่านการฉีดไขมันได้3เดือนมา แล้วช่วง midface ไม่เรียบนะคะ)



ก็แบบ..เห้ย มันไม่เป็นรอยแล้วมันอิ่มขึ้นมาเลย น้ำตาจิไหล ยังดีที่แก้กันได้ด้วยฟิลเลอร์ คือก็ดีใจมากค่ะ หลังจากที่โทษตัวเองมาตลอด 3-4 เดือนหลังฉีดไขมัน อือออ ยัยโง่ววว >_<

บอกกับตัวเองคราวหน้าคราวหลังยังไงก็ต้องศึกษากันดีๆ เพราะความสวยความงาม ความมั่นใจ เดี๋ยวนี้ มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจผู้หญิงอย่างเราและอะไรอีกหลายๆอย่างได้ค่ะ

สุดท้ายนี้ ก็จะไม่หน้ามืดตามัว ทำอะไรโดยไม่ศึกษาให้ดีก่อน เพราะหน้าเรามีหน้าเดียว ไม่ใช่หน้าเราแล้วจะหน้าใครก็ต้องดูแลเนอะ
ถึงแม้ความงามนั้น ไม่จีรัง แต่จะรั้งไว้ให้นานที่สุดค่ะ

จขกท.ขอฝากไว้เท่านี้นะคะ

ขอบคุณมากๆค่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เราผิวคล้ำและเบ้าลึกกว่าจขกท.เยอะมาก ไปเติมที่ Beautiplex มา ตอนนั้นได้โปรจุดละ 14,999 ใช้ไขมันช่วงหน้าท้อง เราบวมตามอาการ2-3วันเองนะ ตอนนี้จะ2เดือนแล้วค่ะ ก็ปกติเลย เพราะเราว่าฟิลเลอร์ผลลัพธ์ไม่ต่าง แถมแพงกว่า ถัวเฉลี่ยแล้ว15-20อัพต่อจุด เนื่องจากปริมาณมันได้น้อยกว่ามากกก
ความคิดเห็นที่ 2
เติมไขมันธรรมชาติกว่า ถ้าได้หมอเก่งๆ ไขมันจะติดทนสวยและหน้าเด็กลงหลายปีเลยแหละ เราทำที่นี่ http://www.pmedclinic.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่