ความโง่เขลาอันไร้ที่สิ้นสุด



   อรชุนขอเรียกการกระทำนี้ว่า " ความโง่เขลาอันไร้ที่สิ้นสุด " เพราะเบื่อหน่ายในความมัวเมาแบบนี้เต็มที
การถวายเครื่องเซ่นไหว้บูชาหรือการทำพิธีบูชายัญนี้เป็นความโง่เขลาที่มีมานมนานแล้ว
และยังคงสืบต่อพิธีกรรมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้
ในสมัยพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาวเราก็ยังเคยปฏิเสธพิธีกรรมแบบนี้ว่าเป็นเรื่องเหลวใหล
ดั่งในตอนที่พระเจ้าพิมพิสารจะทำการบูชายัญแก่เทพเจ้าของตนด้วยความโง่เขลาเพราะไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น
พระพุทธเจ้าของชาวเราในฐานะที่ทรงเป็นปัญญาชนในสมัยนั้นก็ต้องเดินทางไปเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เพราะความโง่เขลาของคนเพียงคนเดียวอาจนำไปสู่ความทุกข์โศกของคนและสัตว์เป็นจำนวนมากนั่นเอง
แต่การเซ่นบูชาเพื่อสังเวยให้สิ่งศักสิทธิ์ในสมัยนี้ก็ยังถือว่าดีกว่าสมัยนั้นอยู่มาก
เพราะไม่ได้มีการนำสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตว์มาฆ่าเพื่อเซ่นสังเวยกันแบบตัวเป็นๆ อีกแล้ว
อันนี้ถือเป็นความโง่เง่าของคนในสมัยก่อนที่งมงายและไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย
จนต้องอาศัยผู้ที่มีสติปัญญาแบบพระพุทธเจ้ามาช่วยเหลือจึงแก้ไขความโง่เขลานี้ลงไปได้บ้าง
แต่จากที่เราเห็นดังในรูปว่ายังคงมีการใช้หัวหมู(คงใช้แทนที่หัวคนในสมัยก่อน)และเป็ดไก่อยู่
ต้มแล้วเอามาวางไว้ก็บรรเทาภาพอันสยดสยองลงไปได้บ้าง แต่ในภาพดังกล่าวผมก็ไม่แน่ใจ
เหมือนกันนะว่านั่นเป็นการไหว้แบบจีนหรือแบบไทยเดิม
ถึงอย่างไรก็ตามความโง่เขลาเบาปัญญาและไร้ซึ่งหลักเหตุผลก็ยังคงแสดงออกผ่านพิธีกรรมเหล่านี้อยู่อย่างนั้น
ตรงจุดนี้ทำให้ผมเกิดความคิดความรู้สึกขึ้นมาในใจว่า "คนเรานี่ในบางมุมมันก็ไม่รู้เรื่องอะไรกันจริงๆ เลย"
เหมือนกับว่าอารยธรรมของเรายังคงตกต่ำไม่พัฒนาไปในแนวทางของการมีสติปัญญาเป็นเครื่องมือ
มันเหมือนกับชนเผ่าชาวป่าที่มีวัฒนธรรมยังโง่เขลาที่เชื่อว่าต้องกินเนื้อคนต่างเผ่าจึงจะเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ เป็นต้น
ผมรู้สึกอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ
และเมื่อไตร่ตรองดูก็จะพบว่าเราทำแบบนี้กันมานมนานแล้ว โดยสืบสายพิธีกรรมเหล่านี้มาจากอินเดียบ้างและจีนบ้าง
และนั่นก็เป็นที่มาของชื่อกระทู้นี้ว่า เป็นความโง่เขลาอันไร้ที่สิ้นสุด นั่นเอง
ซึ่งเครื่องเซ่นเหล่านี้ถ้าเป็นคนจนก็อาจนำมากินต่อก็ถือว่าไม่สูญเสียคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นไปเสียทั้งหมด
แต่คนรวยๆ ที่เซ่นกันเยอะๆ นี่ส่วนใหญ่ก็ทิ้งทั้งนั้น นับว่าเป็นการสูญเสียประโยชน์โดยความโง่เขลาโดยแท้

   อรชุนแต่งบทความนี้และนำมาเผยแพร่ อนึ่งอาจเป็นไปเพื่อการระบายความอัดอั้นตันใจ
แต่ก็พยายามใช้สติปัญญาและหลักเหตุผลในการอภิปรายตามกำลังของตนเองแล้ว
จึงหวังว่าจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสติปัญญาของผู้อ่าน จนอาจมองเห็นความไร้สาระของ"ยัญ"ต่อไป
ในส่วนของเนื้อหาข้างต้นนั้นหากมีข้อผิดพลาดประการใด  ก็ขออภัยด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่