ตอนนี้เราจะขึ้นปีสองละ คือกลุ่มเพื่อนเราจะมี 4 คน คือไลฟ์สไตล์เราอ่ะ จะไม่ค่อยตรงกับกลุ่มมากเท่าไหร่ (แต่กลุ่มนี้คือกลุ่มที่เราเข้าได้ที่สุดแล้วในบรรดาในเพื่อนเเมเจอร์) อย่างหัวข้อtopicจะแบบเรื่องผู้ชาย IG มันไม่ค่อยเป็นสิ่งที่เราสนใจ เราเลยจะเป็นคนเงียบ และไม่ค่อยเปิดประเด็น
ทีนี้ มันมีหลายอย่างที่เราเริ่มนอยด์ ชัดมากเมื่อเรียนช่วงซัมเมอร์ ก.จะมีรถ แล้วเรา ก. ข. อยู่หอเดียวกัน แล้วมีเรียนคนละสามวิชา มีแค่วิชาสุดท้ายที่เราจะได้เรียนด้วยกัน ก. กับ ข.ก็จะไปกันสองคน แล้วไปกับเพื่อน พ. คนละคัน คือเขาก็ไม่ได้ชวนเราไปด้วยอีก คือในเมเจอร์เรามีกิจกรรมที่ทำให้พวกเราในเมเจอร์สนิทกันทั้งเมเจอร์ แต่มันเป็นการสนิทแบบเพื่อนร่วมเจอร์เดียวกันไง แล้วทีนี้ขากลับหลังเลิก ก. และ ข. ก็จะไปด้วยกัน ทิ้งเรานั่งรถฟรีของม.กลับหอ ส่วนค.หออยู่คนละที่อยู่ละ เวลามาทำงานเจอร์ เพื่อนในกลุ่มที่เขาจะชวนไปนู่นนี่นั่นเช่นห้องน้ำ จะไม่ใช่เราเสมอ เวลานั่งกันโต๊ะเรียนสามคน มีเรา ข. ค. ข. และค.จะคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ยังดีนะ ที่ค.ยังคุยกะเรามากกว่าก.กับข.อีก แต่ค.คือเด็กที่กำลังจะซิ่ว ถ้าสมมุติผลมาว่าเขาซิ่วละ
แล้วแบบ ข. และก. จู่ๆมาห้องเรา เพื่อมาเอาเครื่องคิดเลขที่ยืมไป แล้วจากนั้น ก็กลับ คือ ข.และก.ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันนะ มีครั้งนึงที่ค.มาที่หอเพื่อที่จะรอไปตามนัดของรุ่น ค.ก็มาหาข. แล้วเราพึ่งรู้เพราะ เราทักไปถามว่าจะไปกี่โมงถึงรู้ว่าค.มาหาข. แล้วข.กับค. ก็แบบไปกินหมูจุ่มด้วยกันงี้
มีครั้งนึงที่เราทำคะแนนข้อสอบวิชานึงแล้วแบบได้น้อยมากๆ เสี่ยงเอฟมากๆ คนเดียวที่ถามคือ ค. ว่าเราจะเอายังไง จะทำยังไง ในขณะที่เพื่อนเจอร์ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเราได้คะแนนน้อยเสี่ยงเอฟไหม ก. ก็ไม่สนใจอะไร ข.นี่ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แล้วคือถ้าค.ซิ่วไปจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ก.และข.คงไปรวมกะกลุ่มอื่น เรายิ่งส่วนเกินไปเรื่อยๆ
แล้วแบบเวลาทำงานเจอร์ คนที่เขาจะคุยก็คือ ก. กับ ข. และค. คำว่า ...(ชื่อเรา) แทบจะน้อยครั้งที่เขาจะพูดออกมาจากปาก มันเฟลนะ นอยด์ด้วย มันเฟลตรงที่ เพื่อนที่สนิทมันไม่มีเลย
เวลาเราเฟล เราแย่ เราจะไปพูดไประบายไปปรึกษาเพื่อนม.ปลายที่สนิทแบบเรียกเต็มปากว่าที่คือเพื่อนที่สนิทที่สุด มีสองคน เราแบบถ้าไม่มีเพื่อนสองคนนี้ บางอย่างมันเล่าให้พ่อแม่ฟังไม่ได้งี้
ตอนนี้เหมือนเราก็เริ่มถอยกลับมาอยู่คนเดียว มันเป็นไปเอง เวลาที่รู้สึกไม่ได้รับการยอมรับ เราเลือกที่จะเงียบ นิ่ง และอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง เราเคยเป็นครั้งนึงตอนม.4 เราหาเพื่อนเข้ากลุ่มไม่ได้ เพราะเหมือนกับว่าเขามีกลุ่มกันยุแล้ว ส่วนกลุ่มม.ต้นเราก็กระจัดกระจาย เราเลยไปห้องสมุด อ่านหนังสือทุกวัน ช่วงพักก็อ่านหนังสือ อ่านๆๆๆ จนมีครั้งนึงที่ครูให้วิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อน แล้วเพื่อนคนนึงเขียนว่า เราอ่านหนังสือมากเกินไป ครูที่ปรึกษาถึงกับมาคุยกับเราเลยอ่ะ ตั้งแต่นั้นเราทิ้งหนังสือแล้วเริ่มเข้าสังคม จนตอนนี้ได้เพื่อนที่ดีมากๆ สองคนนี้
แต่พอมามหาลัย คือแบบ เราไม่เจอเลยเพื่อนแบบสองคนนั้น มันเลยโครตเฟล แล้วตอนนี้เราเริ่มกลับสู่โลกส่วนตัวอีกครั้ง
ไม่รู้เป็นเพราะ ตัวเรามั้ง ที่ทำให้เป็นงี้ เราแค่รู้สึกว่า การไม่พูด นิ่ง เงียบ อาจจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่พอไม่มีอะไรทำ มันเหงา เหงามากๆ บางทีความเฟลกลับมาจนร้องไห้ก็มี
ไม่อยากเป็นอย่างงี้เลย ...
เพื่อนมหาลัย เหมือนเราเป็นส่วนเกินของกลุ่ม ไม่มีเราก็ได้
ทีนี้ มันมีหลายอย่างที่เราเริ่มนอยด์ ชัดมากเมื่อเรียนช่วงซัมเมอร์ ก.จะมีรถ แล้วเรา ก. ข. อยู่หอเดียวกัน แล้วมีเรียนคนละสามวิชา มีแค่วิชาสุดท้ายที่เราจะได้เรียนด้วยกัน ก. กับ ข.ก็จะไปกันสองคน แล้วไปกับเพื่อน พ. คนละคัน คือเขาก็ไม่ได้ชวนเราไปด้วยอีก คือในเมเจอร์เรามีกิจกรรมที่ทำให้พวกเราในเมเจอร์สนิทกันทั้งเมเจอร์ แต่มันเป็นการสนิทแบบเพื่อนร่วมเจอร์เดียวกันไง แล้วทีนี้ขากลับหลังเลิก ก. และ ข. ก็จะไปด้วยกัน ทิ้งเรานั่งรถฟรีของม.กลับหอ ส่วนค.หออยู่คนละที่อยู่ละ เวลามาทำงานเจอร์ เพื่อนในกลุ่มที่เขาจะชวนไปนู่นนี่นั่นเช่นห้องน้ำ จะไม่ใช่เราเสมอ เวลานั่งกันโต๊ะเรียนสามคน มีเรา ข. ค. ข. และค.จะคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ยังดีนะ ที่ค.ยังคุยกะเรามากกว่าก.กับข.อีก แต่ค.คือเด็กที่กำลังจะซิ่ว ถ้าสมมุติผลมาว่าเขาซิ่วละ
แล้วแบบ ข. และก. จู่ๆมาห้องเรา เพื่อมาเอาเครื่องคิดเลขที่ยืมไป แล้วจากนั้น ก็กลับ คือ ข.และก.ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันนะ มีครั้งนึงที่ค.มาที่หอเพื่อที่จะรอไปตามนัดของรุ่น ค.ก็มาหาข. แล้วเราพึ่งรู้เพราะ เราทักไปถามว่าจะไปกี่โมงถึงรู้ว่าค.มาหาข. แล้วข.กับค. ก็แบบไปกินหมูจุ่มด้วยกันงี้
มีครั้งนึงที่เราทำคะแนนข้อสอบวิชานึงแล้วแบบได้น้อยมากๆ เสี่ยงเอฟมากๆ คนเดียวที่ถามคือ ค. ว่าเราจะเอายังไง จะทำยังไง ในขณะที่เพื่อนเจอร์ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเราได้คะแนนน้อยเสี่ยงเอฟไหม ก. ก็ไม่สนใจอะไร ข.นี่ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แล้วคือถ้าค.ซิ่วไปจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ก.และข.คงไปรวมกะกลุ่มอื่น เรายิ่งส่วนเกินไปเรื่อยๆ
แล้วแบบเวลาทำงานเจอร์ คนที่เขาจะคุยก็คือ ก. กับ ข. และค. คำว่า ...(ชื่อเรา) แทบจะน้อยครั้งที่เขาจะพูดออกมาจากปาก มันเฟลนะ นอยด์ด้วย มันเฟลตรงที่ เพื่อนที่สนิทมันไม่มีเลย
เวลาเราเฟล เราแย่ เราจะไปพูดไประบายไปปรึกษาเพื่อนม.ปลายที่สนิทแบบเรียกเต็มปากว่าที่คือเพื่อนที่สนิทที่สุด มีสองคน เราแบบถ้าไม่มีเพื่อนสองคนนี้ บางอย่างมันเล่าให้พ่อแม่ฟังไม่ได้งี้
ตอนนี้เหมือนเราก็เริ่มถอยกลับมาอยู่คนเดียว มันเป็นไปเอง เวลาที่รู้สึกไม่ได้รับการยอมรับ เราเลือกที่จะเงียบ นิ่ง และอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง เราเคยเป็นครั้งนึงตอนม.4 เราหาเพื่อนเข้ากลุ่มไม่ได้ เพราะเหมือนกับว่าเขามีกลุ่มกันยุแล้ว ส่วนกลุ่มม.ต้นเราก็กระจัดกระจาย เราเลยไปห้องสมุด อ่านหนังสือทุกวัน ช่วงพักก็อ่านหนังสือ อ่านๆๆๆ จนมีครั้งนึงที่ครูให้วิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อน แล้วเพื่อนคนนึงเขียนว่า เราอ่านหนังสือมากเกินไป ครูที่ปรึกษาถึงกับมาคุยกับเราเลยอ่ะ ตั้งแต่นั้นเราทิ้งหนังสือแล้วเริ่มเข้าสังคม จนตอนนี้ได้เพื่อนที่ดีมากๆ สองคนนี้
แต่พอมามหาลัย คือแบบ เราไม่เจอเลยเพื่อนแบบสองคนนั้น มันเลยโครตเฟล แล้วตอนนี้เราเริ่มกลับสู่โลกส่วนตัวอีกครั้ง
ไม่รู้เป็นเพราะ ตัวเรามั้ง ที่ทำให้เป็นงี้ เราแค่รู้สึกว่า การไม่พูด นิ่ง เงียบ อาจจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่พอไม่มีอะไรทำ มันเหงา เหงามากๆ บางทีความเฟลกลับมาจนร้องไห้ก็มี
ไม่อยากเป็นอย่างงี้เลย ...