
“ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ”
นี่บาลีขึ้นมาแล้ว คือ “ภิกษุที่รับเงินและทองหรือสิ่งที่เขาใช้แทนเงินแทนทอง รับเองก็ดี ให้ผู้อื่นรับก็ดี ปรับอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์” นั่นฟังซิ “ปรับอาบัติ”
“นิสสัคคีย์” แปลว่า ต้องเสียสละออก
“ปาจิตตีย์” คือ ปรับอาบัติปาจิตตีย์ ให้ไปแสดงอาบัติ แล้วก็ให้เอาเงินเอาทองนี้ประชุมสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ฟังซิท่านถือเล็กน้อยเมื่อไร
พระพุทธเจ้าตัดสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ขาดจากความกังวล อันนี้เป็นตัวกังวลใหญ่ที่สุดตัวนี้ตัวสำคัญมากนะ ท่านจึงตัดไม่ให้พระเกี่ยวข้องเลย ถ้าองค์ใดไป “จับเงินจับทอง” ถือเงินทองว่าเป็นของตัวเอง ให้เอาเงินนั้นทั้งหมดมาวางกองตรงกลางสงฆ์ แล้วหัวหน้าในชุมนุมสงฆ์นั้นจะตั้งสมมุติขึ้นมา ให้องค์ใดเป็นผู้ทำหน้าที่แทนสงฆ์ในชุมนุมนี้ เกี่ยวกับเรื่องเงินนี้ แล้วสมมุติพระองค์หนึ่งที่อยู่ในชุมนุมสงฆ์นั้น ให้เอาเงินเหล่านี้ไปปาเข้าป่าให้หมดฟังซิ นี่ละพระวินัยฟังเอา
เวลาปาเข้าป่านั้นห้ามกำหนดที่ตกด้วย ปาเข้าป่าแล้วมันตกที่ตรงไหน ๆ ถ้าจิตยังแย็บไปนั้น ปรับอาบัติอีกฟังซิน่ะ คือไม่ให้เป็นกังวลเลย
ฟาดเข้าป่าไหนก็แล้วแต่เถอะ เจ้าของไม่สนใจฟังเลย แล้วก็ให้มาแสดงอาบัติพระองค์นี้ นี่ละท่านตัดขาดขนาดนั้น
✳️อนุบัญญัติ ✳️
ครั้นต่อมา “เมณฑกเศรษฐี” ที่เป็น “ปู่ของนางวิสาขา” เห็นความลำบากลำบนของพระ ที่มาจากสกุลต่าง ๆ สกุลเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เศรษฐี กุฎุมพี พ่อค้าประชาชนคนธรรมดา มีหลายขั้นหลายภูมิ ท่านเหล่านี้มีความละเอียดลออ การอยู่การกินการใช้การสอยที่จะมาสมบุกสมบันอย่างเราทั้งหลายนี้เป็นความลำบาก ก็ลดหย่อนผ่อนผัน
พิจารณาเฉลี่ยแล้วก็ไปทูลพระพุทธเจ้า ขอลดหย่อนผ่อนผันเรื่องที่เด็ดขาดนี้ลง คือขอให้มี “ไวยาวัจกรคนหนึ่ง” มารับแทนพระแล้วนำไปใช้
พระจะต้องการใช้วัตถุสิ่งใดให้บอกไวยาวัจกรผู้รับเงินนี้ว่าต้องการสิ่งนั้น ต้องการสิ่งนี้ ให้เอาเงินนี้ไปซื้อสิ่งของที่ท่านต้องการมาถวายท่าน
โดยไม่ให้ยินดีในเงินในทองเลย
นั่นฟังซิ ท่านจึง
“อนุโลม” ให้คนอื่นรับแทนได้ ที่มาทุกวัน “มีรับแทนได้” เห็นไหมล่ะ
ในพระวินัยท่านจึงห้ามอย่างเด็ดขาด พระวินัยเกี่ยวกับการเงินการทอง
“ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ”
นี่บาลีขึ้นมาแล้ว คือ “ภิกษุที่รับเงินและทองหรือสิ่งที่เขาใช้แทนเงินแทนทอง รับเองก็ดี ให้ผู้อื่นรับก็ดี ปรับอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์” นั่นฟังซิ “ปรับอาบัติ”
“นิสสัคคีย์” แปลว่า ต้องเสียสละออก
“ปาจิตตีย์” คือ ปรับอาบัติปาจิตตีย์ ให้ไปแสดงอาบัติ แล้วก็ให้เอาเงินเอาทองนี้ประชุมสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ฟังซิท่านถือเล็กน้อยเมื่อไร
พระพุทธเจ้าตัดสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ขาดจากความกังวล อันนี้เป็นตัวกังวลใหญ่ที่สุดตัวนี้ตัวสำคัญมากนะ ท่านจึงตัดไม่ให้พระเกี่ยวข้องเลย ถ้าองค์ใดไป “จับเงินจับทอง” ถือเงินทองว่าเป็นของตัวเอง ให้เอาเงินนั้นทั้งหมดมาวางกองตรงกลางสงฆ์ แล้วหัวหน้าในชุมนุมสงฆ์นั้นจะตั้งสมมุติขึ้นมา ให้องค์ใดเป็นผู้ทำหน้าที่แทนสงฆ์ในชุมนุมนี้ เกี่ยวกับเรื่องเงินนี้ แล้วสมมุติพระองค์หนึ่งที่อยู่ในชุมนุมสงฆ์นั้น ให้เอาเงินเหล่านี้ไปปาเข้าป่าให้หมดฟังซิ นี่ละพระวินัยฟังเอา
เวลาปาเข้าป่านั้นห้ามกำหนดที่ตกด้วย ปาเข้าป่าแล้วมันตกที่ตรงไหน ๆ ถ้าจิตยังแย็บไปนั้น ปรับอาบัติอีกฟังซิน่ะ คือไม่ให้เป็นกังวลเลย
ฟาดเข้าป่าไหนก็แล้วแต่เถอะ เจ้าของไม่สนใจฟังเลย แล้วก็ให้มาแสดงอาบัติพระองค์นี้ นี่ละท่านตัดขาดขนาดนั้น
✳️อนุบัญญัติ ✳️
ครั้นต่อมา “เมณฑกเศรษฐี” ที่เป็น “ปู่ของนางวิสาขา” เห็นความลำบากลำบนของพระ ที่มาจากสกุลต่าง ๆ สกุลเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เศรษฐี กุฎุมพี พ่อค้าประชาชนคนธรรมดา มีหลายขั้นหลายภูมิ ท่านเหล่านี้มีความละเอียดลออ การอยู่การกินการใช้การสอยที่จะมาสมบุกสมบันอย่างเราทั้งหลายนี้เป็นความลำบาก ก็ลดหย่อนผ่อนผัน
พิจารณาเฉลี่ยแล้วก็ไปทูลพระพุทธเจ้า ขอลดหย่อนผ่อนผันเรื่องที่เด็ดขาดนี้ลง คือขอให้มี “ไวยาวัจกรคนหนึ่ง” มารับแทนพระแล้วนำไปใช้
พระจะต้องการใช้วัตถุสิ่งใดให้บอกไวยาวัจกรผู้รับเงินนี้ว่าต้องการสิ่งนั้น ต้องการสิ่งนี้ ให้เอาเงินนี้ไปซื้อสิ่งของที่ท่านต้องการมาถวายท่าน
โดยไม่ให้ยินดีในเงินในทองเลย
นั่นฟังซิ ท่านจึง “อนุโลม” ให้คนอื่นรับแทนได้ ที่มาทุกวัน “มีรับแทนได้” เห็นไหมล่ะ