แชร์การฝึกพูดภาษาอังกฤษ ฉบับ ฮาร์ดคอร์ [ Not For the Faint-Hearted ]

สวัสดีครับ

หัวข้ออาจจะดูรุนแรง 555+ ครับแต่ก็เป็นวิธีที่เข้มข้นมากๆวิธีหนึ่ง เหมือนกับการออกกำลังกาย คนที่อยากรูปร่างดีมีกล้ามก็ยกเวท กัดฟันทน ขยันไปยิมบ่อยๆ ส่วนคนที่อยากพูดอังกฤษเก่งๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ ตอบคำถาม ตั้งถามคำถามอย่าง ง่ายๆ ได้เท่านั้นแต่อยาก ใช้ภาษาอังกฤษใน การ 'บรรยาย' หรือ 'เล่าเรื่อง' ให้ได้อย่างคล่องแคล่ว ก็ต้องเทรนตัวเองกันหนักหน่อย ผมขอข้ามประเด็นเรื่อง แรงบันดาลใจ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ไปเลยนะครับ ผมขอยืมคำพูดของ Mel Robbins ที่กล่าวไว้ว่า "Motivation is garbage" แรงบันดาลใจเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะอะไรเหรอครับ? เพราะเมื่อไหร่ที่ เรารอให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำอะไรดีๆให้กับตัวเอง เราก็จะเก่งช้าขึ้น เพราะเรามัวแต่รอ ถ้ารอไป 3 เดือนแล้วแรงบันดาลใจในการเรียนภาษา การเล่นกีตาร์ การเล่นกล้าม การลดน้ำหนัก ฯลฯ ยังไม่ปรากฎให้เห็น แล้วเราก็คงไม่ต้องทำอะไรให้กับตัวเองเสียที

Mel Robbins บอกต่อไปว่า ต่อให้เบื่อ เซ็ง ขี้เกียจแค่ไหน จงลงมือทำในสิ่งที่ เคยอยากจะทำตอนนี้ เดี๋ยวแรงบันดาลใจมันจะมาเอง และอยู่นานด้วย ไม่ได้มาแล้วหาย ให้เรารอเก้อ เช่นเดียวกันกับการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถ้าเราไม่ลงมือเสียตอนนี้ รอให้เจอแรงบันดาลใจ เราก็จะยิ่งพูดได้ช้าต่อไปอีก

ที่นี่ จบเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองไปแล้ว ผมขอเข้าหัวใจของบทความในพันทิปนี้เลยแล้วกันนะครับ การฝึกพูดภาษาอังกฤษจะต้องมีแบบแผนนิดนึง เพราะถ้าไม่กำหนดเป้าหมาย เราก็จะฝึกอย่างไม่มีจุดหมาย ซึ่งก็หมายความว่า เราก็จะไม่รู้ว่าจะฝึกพูดในลักษณะอะไร เชิงวิชาการ? หรือภาษาพูดคุยธรรมดา? หรือภาษาราชการ?

ผมจะยกตัวอย่างการใช้ภาษาของบุคคลแต่ละอาชีพที่แตกต่างกัน เพื่อทุกคนจะได้เห็นภาพกันนะครับ

1. พนักงาน Office - ภาษาที่ใช้มักจะวนเวียนอยู่กับ การตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับ อุปกรณ์ในสำนักงาน เอกสาร นัดประชุม ลูกค้า การเดินทาง เวลา กำหนดส่งงาน แผนการตลาด โบนัส ยอดประจำปี ฯลฯ ทีนี้ลองมามองแต่ละอาชีพแล้วกันนะครับเช่นถ้าเป็น พนักงานขายคอนโด - ภาษาพูดที่ต้องใช้คือ การอธิบาย ห้องที่จะขาย ทำเลที่ตั้ง เฟอร์นิเจอร์ ราคาขาย วัน นัดลูกค้า เป็นต้น

2. ข้าราชการ -  ตัวอย่างเช่น ข้าราชการนักการทูต ความจำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการเขียน การพุดระดับทางการ ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการพูดในประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ก็ต้องมีความชัดเจน ถูกต้องและแสดงความเข้าใจในหัวข้อที่มีการพูดถึงได้อย่างดีเยี่ยม

3. นักวิทยาศาสตร์ - ภาษาที่ใช้ย่อมจะเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ การคำนวณ การประเมินผลลัพธ์ การอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติหรือในห้องวิจัย

4. ช่างเทคนิค - ภาษาของช่างเทคนิคจะต้องอาศัยการจำเยอะหน่อย เพราะจะต้องอธิบายส่วนประกอบของเครื่องจักร การแก้ปัญหา และถ้าหากทำงานโดยตรงกับลุกค้า ช่างเทคนิคเองก็จะต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษในบริบทของงาลูกค้าสัมพันธ์เช่นเดียวกัน

5. เทรนเนอร์ในยิม - ภาษาอังกฤษที่ใช่ย่อมจะเกี่ยวข้องกับสรีระของร่างกาย อุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งหลาย รวมไปถึงการพูดแนะนำโปรแกรมการรับประทานอาหาร การยกน้ำหนัก เป็นต้น


อาชีพที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงตัวอย่างนะครับ ผมอยากให้ผู้อ่าน เข้าใจก่อนว่าตัวเองนั้นจะฝึกพูดภาษาอังกฤษเพื่ออะไร ผมไม่แนะนำให้จับอะไรกว้างๆ หรือใช้คำว่า ก็ "ฝึกพูดทั่วไป" เพราะจะทำให้คนฝึกไม่มีจุดหมาย พอไม่มีจุดหมายก็ทำให้ในที่สุดตัวเองไม่รู้ว่าจะฝึกไปเพื่ออะไร และทำให้หมดความพยายามในที่สุด ในยุคสมัยนี้ภาษาอังกฤษยังมีความจำเป็นอยู่มาก และการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ เพื่อความเป็นสากล หรือเพื่อไปเรียนต่อ จะไม่ใช่เพียงแค่การพูด งูๆ ปลาๆ เท่านั้นครับ ผมอยากให้คนที่เข้ามาอ่าน ถามตัวเองก่อนว่าจะฝึกพูดไปเพื่อความก้าวหน้า ในชีวิตแง่ไหน


......................... เดี๋ยวผมมาเขียนต่อนะครับ.........................

Facebook page: พูดอังกฤษเป็นต่อยหอย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่