น้ำตกสายรุ้งละอองดาว

ต.บ้านนา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง

น้ำตกในป่าของเมืองฝน 8 แดด 4 ซึ่งก็คือเมืองระนองจังหวัดทางภาคใต้นี่เอง บ้างก็เรียกว่าน้ำตกสายรุ้ง บ้างก็น้ำตกละอองดาว ไปๆ มาๆ เลยได้เป็นชื่อเก๋ๆ ว่าน้ำตกสายรุ้งละอองดาว เฉยเลย

ไม่ต้องห่วงเรื่องการเปียกน้ำ เพราะเปียกแน่นอนดังนั้นการแพคของสัมภาระ เช่น เสื้อผ้า เครื่องนอน ควรห่อใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุง หรือใส่ถุงซิปล็อค หรืออาจจะใส่พวกกล่อง Super Lock ก็ได้เช่นกัน ถ้าโชคดีหน่อยเราจะเจอกับสายน้ำที่ค่อนข้างใส และไม่ไหลเชี่ยวนัก แต่หากโชคร้ายหน่อยอาจจะเจอกับน้ำป่าที่สภาพน้ำเป็นสีส้มปนแดง แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าสภาพน้ำเป็นอย่างไร คำตอบคือโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ครับ

เรื่องรองเท้า แนะนำรองเท้าที่มีดอกลึกๆ เป็นแบบรัดสั้นเหมือนเช่นเคย ลูกทู่งๆ หน่อยก็จะเป็นรองเท้ายางที่เรียกว่าสตั๊ดดอยก็น่าใช้ครับ เพราะตัวผมใส่สตั๊ดดอยบวกกับสกิลการเดินที่มีแทบหาจังหวะลื่นไม่มีเลย ทั้งเดินบนโคลน ในน้ำ และบนหิน แบบว่าของเค้าดีจริง แต่สำหรับบางคนที่ยังอ่านไลน์ที่จะเดินไม่ชำนาญนัก แนะนำให้ลองหาไม้เท้าอาจจะเป็นไม้เท้าเดินป่า หรือกิ่งไม้ข้างทางมาช่วงพยุงตัวก็ช่วยได้ครับ แถมยังเอาไว้ค้ำดูความลึกของระดับน้ำที่จะเดินไปได้อีก

ที่พัก แนะนำให้ใช้เปลมากกว่า เพราะสถานที่แคมป์หลายๆ จุดทั้งส่วนที่เป็นของเจ้าหน้าที่ หรือของชาวบ้านมักไม่มีพื้นที่สำหรับกางเต๊นท์มากนัก เผลอๆ บางจุดไม่มีที่ด้วยซ้ำ แต่เปลนั้นจะมีเป็นเพิงให้ผูกเปลได้หลายหลังเรียงกัน ซึ่งดูจะสะดวกมากกว่า หรือถ้าใครอยากปลีกวิเวกอยากหาที่ผูกเปลเองเก๋ๆ ก็หาพื้นที่ได้ตามอัธยาสัย แต่อย่าขาดฟลายชีทสำหรับคลุมเปลเพื่อกันฝนมาด้วยนะครับ ไม่งั้นได้นอนเปลตากฝนแน่ๆ

ทากมีบางประปราย แต่ไม่ถึงกับชุม ระหว่างทางทั้งไปและกลับผมไม่โดนสักตัว ถุงกันทากก็ไม่ได้ใส่ อาจจะเป็นเพราะแต่งตัวน้อยชิ้นก็ได้ แต่เห็นน้องบางคนแต่งแบบจัดเต็มทั้งถุงกันทาก ปอกแขน แต่งตัวรัดกุมกลับเจอทากเล่นงานก็มี

- โอกาสเจอฝนมีมาก
- โอกาสที่จะเปียกน้ำ 100%
- โอกาสเจอทากมีน้อย
- มีน้ำตลอดทั้งปี
- ระยะเวลาเดินเท้า 3-4 ชั่วโมง
- ระยะท่องเที่ยวที่เหมาะสม 3 วัน 2 คืน แต่โดยมากคนมากันแบบ 2 วัน 1 คืน
- ระยะทางจากแคมป์ไปยังน้ำตก ใช้เวลาเดินทางไป-กลับประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาเล่นที่น้ำตก)
- พื้นจะลื่นมาก ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้รองเท้ามีดอก และไม้เท้า
- นอนเปลสะดวกสุด
- สัมภาระซ้อนลงในถุงพลาสติก หรือถุงซิปล็อค แยกเป็นส่วนๆ กันเปียก
- ติดเจ้าหน้าที่ หัวหน้าเทือง มีสุข หน่วยพิทักษ์ป่าเชี่ยวเหลียง 087-026-9824 (ที่ตั้งหน่วย GPS : 9.576154, 98.651742)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ในช่วงแรกเราจะเดินในป่าสลับกับขึ้นเนินย่อมๆ จากนั้นก็จะเดินเลียบลำธารสวนทางน้ำไปตลอด

ตลอดระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง เราจะได้พบความสวยงามของลำธารที่มีการตกไล่ระดับกันตลอดทาง ใครมีกล้องสามารถแวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง และระวังกล้องตกน้ำด้วยนะครับ ถ่ายเสร็จเก็บเข้าถุงกันน้ำก่อนที่จะเดินต่อไป และถ้าถ่ายยังไม่จุใจเรายังมีเวลาขากลับเพื่อแวะมาเก็บภาพได้อีก เผลอๆ อาจจะมีช่วงที่แดดกำลังส่องสะท้อนผิวน้ำให้ภาพที่สวยงามกว่าตอนขามาครับ (เจอมาแล้ว)
นอกจากภาพความสวยงามของลำธารแล้ว ข้างทางยังมีความสวยงามเล็กๆ ซ่อนอยู่ กวาดสายตามองไปรอบๆ ดีกว่าตั้งหน้าตั้งตาเดินไปให้ถึงจุดหมายอย่างเดียว
เส้นทางโดยมากจะเป็นการเดินข้ามน้ำสลับกันไปมา บ้างก็เดินขึ้นโขดหิน บ้างก็ลุยน้ำประมาณหน้าแข้ง จะมีแค่ 1-2 จุดที่น้ำลึกถึงเอว แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ ช่วยพยุงตัวอยู่ตลอดครับ

สภาพแคมป์ส่วนมากจะมีพื้นที่บางส่วนที่ปลูกสร้างด้วยโครงไม้ไผ่เพื่อผูกเปล รองรับเปลได้จำนวนหนึ่ง ส่วนใครอยากจะหาที่ผูกเปลก็สามารถหาเองได้ตามอัธยาสัย ไม่ต้องห่วงว่าจะอยู่ไกลจากแหล่งน้ำไหม เพราะอยู่ติดลำธารเลย เล่นน้ำกันสบายใจ

ตัดมาที่ตัวน้ำตกสายรุ้งละอองดาว ที่มีหลายชื่อทั้ง น้ำตกละอองดาว น้ำตกสายรุ้ง ซึ่งเราจะต้องเดินขึ้นเขาจากบริเวณแคมป์ (ขึ้นอย่างเดียว) เพื่อไปที่ยอดเขาและเดินตัดมาลงที่หุบเขาอีก ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง รวมเวลาเดินทั้งขาไป-ขากลับ 2 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาเล่นน้ำที่น้ำตก โดยในเส้นทางที่เดินตัดลงน้ำตกจะมีเชือกให้จับอยู่ ถ้าใครกลัวมือเสียดสีกับเชือกก็ให้เตรียมถุงมือมาครับ

ถ้าโชคไม่เข้าข้างเราอาจจะเจอกับกระแสน้ำที่มากไป จนไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้เลย เพราะตอนที่ถ่ายแม้น้ำจะไม่เยอะมาก แต่ละอองน้ำก็เป็นอุปสรรคในการเก็บภาพเหมือนกัน ช่างกล้องทั้งหลายอย่าลืมพกผ้าแห้งสะอาดๆ มาไว้สำหรับเช็ดหน้าเลนส์ด้วยนะครับ

กลับมาด้านเทคนิคการเก็บภาพน้ำตก แม้ว่าจะไม่มีแสงแดดทำให้การถ่ายน้ำตกด้วยสปีดชัตเตอร์ราว 1/10 วินาทีเป็นไปได้อยู่ แต่ก็ต้องตั้งบนขาตั้งกล้อง เพื่อลดการสั่นไหว กล้องผมใช้เซ็นเซอร์แบบ APS-C ที่ระยะ 16มม ของเลนส์ 16-50มม ก็ยังไม่สามารถเก็บภาพน้ำตกได้หมด วิธีแก้คือการถ่ายแบบพาโนรามาเพื่อเก็บภาพในมุมกว้าง ถ้าใครใช้กล้องแบบฟูลเฟรมน่าจะเก็บภาพน้ำตกให้จบได้ในรูปเดียวสบายๆ ครับ

ส่วนขากลับ ถ้าใครไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเกี่ยวกับของในเป้ที่กลัวเปียกน้ำ ก็สะพายเป้ล่องไปตามลำน้ำไปได้เลย ส่วนใครจะเล่นจะไถล ก็เอาตามที่สบายใจ


ขอบคุณครับ
ตากล้องสายเที่ยว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่