เครดิตข้อมูล .. krungsri.com
ข้อแรก: ระบบคอมพิวเตอร์อาจล้มเหลว ต้องการการตรวจสอบดูแลตลอดเวลา แม้จะบอกว่าการเทรดด้วย Robot ทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวัน แต่จริง ๆ แล้ว การทำงานอย่างอัตโนมัติก็ต้องมีการตรวจสอบและเฝ้าดูอยู่เป็นระยะ ๆ เพราะอาจเกิดเหตุระบบล้มเหลวได้ เช่น การเชื่อมต่อขัดข้อง เซิร์ฟเวอร์มีปัญหา ส่งผลทำให้การส่งคำสั่งซื้อขาย Error ตกหล่น หรือทำซ้ำก็ได้
ข้อสอง Robot ทำงานตามคำสั่งเป๊ะมากเกินไป: ด้วยความเถรตรงเกินไปของเจ้าหุ่นยนต์ บางครั้งราคาอาจไม่เป็นไปตามทฤษฎีใด ๆ หรืออาจจะมีเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อราคาหุ้น ซึ่งอยู่นอกเหนือการประเมินของหุ่นยนต์ จึงทำงานพลาดพลั้งได้ ดังเช่น เหตุการณ์ Black Monday ที่เกิดขึ้นในปี 1987 ที่ Robot ถล่มขายหุ้นออกจากตลาด เนื่องจากไม่ได้คำนวณแรงเทขายที่เกิดขึ้น จากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยส่งผลให้นักลงทุนและกองทุนต่าง ๆ ต้องแห่ขายหุ้นตามกันไป กดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งต่ำลงถึง 22% และใช้เวลานานถึง 14 เดือนกว่าตลาดจะฟื้นตัวกลับมาดังเดิม
ข้อสาม ความปลอดภัยและข้อมูลที่อาจรั่วไหล: ในกรณีที่มีผู้ล่วงรู้ถึงรูปแบบ ช่วงราคาการซื้อและขายของโปรแกรมก็อาจซื้อหรือขายหุ้นเพื่อดักทาง จนสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนที่ใช้ระบบได้ จึงต้องมีการพัฒนาระบบบนมาตรฐานความปลอดภัย มีการป้องกันการเจาะข้อมูล และการรั่วไหลของข้อมูลเป็นอย่างดี
ปัจจุบันการลงทุนด้วย Robot นั้น สามารถทำได้สองแบบคือ หากคุณเป็นคนมีความรู้ด้านสถิติตัวเลข และการเขียนโปรแกรม คุณสามารถเป็นผู้สรรสร้าง Algorithm หรือป้อนแบบโปรแกรมการลงทุนได้ค่ะ แต่หากคุณเป็นนักลงทุนที่ไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมเลย ง่ายที่สุดค่ะ เราก็เป็นผู้เลือกกลยุทธ์ ที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาแล้วก็ได้ มีหลายที่ในไทยให้บริการด้านนี้แล้วค่ะ
หลักการสำคัญในการลงทุนด้วย Robot นั้นคือ คุณต้องเข้าใจหลักการลงทุน เข้าใจโปรแกรมหรือกลยุทธ์การลงทุนด้วย Robot นั้นอย่างถ่องแท้ ต้องเป็นแนวการลงทุนที่คุณชอบและถนัดมากที่สุด และที่สำคัญคุณต้องเชื่อใจมัน ปล่อยให้ระบบโชว์ความสามารถแสดงผลงาน คุณต้องไม่แทรกแซงขณะที่โปรแกรมทำงาน เพราะนั่นจะเป็นการทำลายกระบวนการทั้งหมดที่ได้สร้างไว้แล้ว อาจส่งผลให้คุณขาดทุนมากกว่าเดิมก็ได้ค่ะ
ระบบ Robot Trading ในปัจจุบันยังคงเป็นระบบ Quant หรือการคำนวณโดยหลักคณิตศาสตร์อยู่ ซึ่งต่อไปในอนาคต นักพัฒนาเริ่มที่จะนำ A.I. มาเสริมต่อความอัจฉริยะให้กับระบบ ทำให้สามารถคิดและวิเคราะห์การลงทุนด้วยเหตุและผลเองได้ นำข้อมูลในเชิงคุณภาพ (Qualitative) มาเรียนรู้และจดจำสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียนได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะทำให้มันสามารถปรับตัวในการเทรดได้เหมือนมนุษย์ และยังคงมีความสามารถในการเทรดตามโปรแกรมที่แน่นอนอยู่ น่าสนใจและต้องติดตามกันต่อไปค่ะว่าระบบ Robot จะพัฒนาให้ฉลาดและสามารถลงทุนให้เราได้กำไรแค่ไหน
ในยุคที่ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบนี้ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่การลงทุน เราเองก็คงต้องปรับตัวให้พร้อมรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นให้มากที่สุด
ปล...ก็จะทีคำถามเดิมๆว่า คนขายคอร์ส ไม่ได้รวยจากการเทรด แต่รวยจากการสอน และคนขายระบบก็ไม่ได้รวยจากการเทรดแต่รวยจากการขายระบบ คนที่รวยหุ้นที่สุดไม่ใช่เจ้าของ super computer แต่เป็นชายแก่ธรรมดาๆที่คิดอะไรช้าแต่มีความเสถียร ท้ายที่สุดไม่ว่าตลาดจะพัฒนาไปแค่ไหนก็จะมีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่กำไร
จุดอ่อนของระบบ bot treading
ข้อแรก: ระบบคอมพิวเตอร์อาจล้มเหลว ต้องการการตรวจสอบดูแลตลอดเวลา แม้จะบอกว่าการเทรดด้วย Robot ทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวัน แต่จริง ๆ แล้ว การทำงานอย่างอัตโนมัติก็ต้องมีการตรวจสอบและเฝ้าดูอยู่เป็นระยะ ๆ เพราะอาจเกิดเหตุระบบล้มเหลวได้ เช่น การเชื่อมต่อขัดข้อง เซิร์ฟเวอร์มีปัญหา ส่งผลทำให้การส่งคำสั่งซื้อขาย Error ตกหล่น หรือทำซ้ำก็ได้
ข้อสอง Robot ทำงานตามคำสั่งเป๊ะมากเกินไป: ด้วยความเถรตรงเกินไปของเจ้าหุ่นยนต์ บางครั้งราคาอาจไม่เป็นไปตามทฤษฎีใด ๆ หรืออาจจะมีเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อราคาหุ้น ซึ่งอยู่นอกเหนือการประเมินของหุ่นยนต์ จึงทำงานพลาดพลั้งได้ ดังเช่น เหตุการณ์ Black Monday ที่เกิดขึ้นในปี 1987 ที่ Robot ถล่มขายหุ้นออกจากตลาด เนื่องจากไม่ได้คำนวณแรงเทขายที่เกิดขึ้น จากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยส่งผลให้นักลงทุนและกองทุนต่าง ๆ ต้องแห่ขายหุ้นตามกันไป กดดันให้ดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งต่ำลงถึง 22% และใช้เวลานานถึง 14 เดือนกว่าตลาดจะฟื้นตัวกลับมาดังเดิม
ข้อสาม ความปลอดภัยและข้อมูลที่อาจรั่วไหล: ในกรณีที่มีผู้ล่วงรู้ถึงรูปแบบ ช่วงราคาการซื้อและขายของโปรแกรมก็อาจซื้อหรือขายหุ้นเพื่อดักทาง จนสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนที่ใช้ระบบได้ จึงต้องมีการพัฒนาระบบบนมาตรฐานความปลอดภัย มีการป้องกันการเจาะข้อมูล และการรั่วไหลของข้อมูลเป็นอย่างดี
ปัจจุบันการลงทุนด้วย Robot นั้น สามารถทำได้สองแบบคือ หากคุณเป็นคนมีความรู้ด้านสถิติตัวเลข และการเขียนโปรแกรม คุณสามารถเป็นผู้สรรสร้าง Algorithm หรือป้อนแบบโปรแกรมการลงทุนได้ค่ะ แต่หากคุณเป็นนักลงทุนที่ไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมเลย ง่ายที่สุดค่ะ เราก็เป็นผู้เลือกกลยุทธ์ ที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาแล้วก็ได้ มีหลายที่ในไทยให้บริการด้านนี้แล้วค่ะ
หลักการสำคัญในการลงทุนด้วย Robot นั้นคือ คุณต้องเข้าใจหลักการลงทุน เข้าใจโปรแกรมหรือกลยุทธ์การลงทุนด้วย Robot นั้นอย่างถ่องแท้ ต้องเป็นแนวการลงทุนที่คุณชอบและถนัดมากที่สุด และที่สำคัญคุณต้องเชื่อใจมัน ปล่อยให้ระบบโชว์ความสามารถแสดงผลงาน คุณต้องไม่แทรกแซงขณะที่โปรแกรมทำงาน เพราะนั่นจะเป็นการทำลายกระบวนการทั้งหมดที่ได้สร้างไว้แล้ว อาจส่งผลให้คุณขาดทุนมากกว่าเดิมก็ได้ค่ะ
ระบบ Robot Trading ในปัจจุบันยังคงเป็นระบบ Quant หรือการคำนวณโดยหลักคณิตศาสตร์อยู่ ซึ่งต่อไปในอนาคต นักพัฒนาเริ่มที่จะนำ A.I. มาเสริมต่อความอัจฉริยะให้กับระบบ ทำให้สามารถคิดและวิเคราะห์การลงทุนด้วยเหตุและผลเองได้ นำข้อมูลในเชิงคุณภาพ (Qualitative) มาเรียนรู้และจดจำสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียนได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะทำให้มันสามารถปรับตัวในการเทรดได้เหมือนมนุษย์ และยังคงมีความสามารถในการเทรดตามโปรแกรมที่แน่นอนอยู่ น่าสนใจและต้องติดตามกันต่อไปค่ะว่าระบบ Robot จะพัฒนาให้ฉลาดและสามารถลงทุนให้เราได้กำไรแค่ไหน
ในยุคที่ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบนี้ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่การลงทุน เราเองก็คงต้องปรับตัวให้พร้อมรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นให้มากที่สุด
ปล...ก็จะทีคำถามเดิมๆว่า คนขายคอร์ส ไม่ได้รวยจากการเทรด แต่รวยจากการสอน และคนขายระบบก็ไม่ได้รวยจากการเทรดแต่รวยจากการขายระบบ คนที่รวยหุ้นที่สุดไม่ใช่เจ้าของ super computer แต่เป็นชายแก่ธรรมดาๆที่คิดอะไรช้าแต่มีความเสถียร ท้ายที่สุดไม่ว่าตลาดจะพัฒนาไปแค่ไหนก็จะมีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่กำไร