เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้ซื้อชานมไข่มุกเจ้าหนึ่งมาทานแก้วละ 45 บาท โดยหลังจากปิดการขายแล้ว เราเพิ่งมาสังเกตเห็นว่ามีโปรโมชั่นในเฟซบุ๊ก โดยหากกดไลค์เพจจะได้รับส่วนลดเราก็ไปกดไลค์ให้แต่ไม่ได้ใช้ส่วนลดในการซื้อ จ่ายราคาเต็มไปแล้ว สาเหตุมาจากคนขายไม่ได้มีการแจ้งโปรโมชั่นสินค้า เราก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะราคาแค่ 45 บาท ก็ไม่ได้ราคาแพงอะไร แต่ปรากฏว่าพอทานไปแล้วคำแรกก็รู้เลยว่ารสชาติจืดชืดมาก(เราสั่งชานมเสาวรส) ซึ่งมันควรจะมีรสเปรี้ยวๆ ติดมาบ้างแต่นี่ไม่มี แล้วพวกท็อปปิ้งที่ใส่มาให้ก็มีกลิ่นเหม็นอับ ๆ เราก็ยื่นให้แฟนกิน แฟนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า " เธอไม่น่าไปซื้อมากินเลย รสชาติไม่โอเค เสียเงินเปล่าๆ " เราก็เลยกินไม่หมดโยนทิ้งไป
ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า ณ ตอนนั้นเราเลยหยิบโทรศัพย์ขึ้นมาและกลับไปกด 1 ดาวให้ในเพจของชานมไข่มุกเจ้านี้ และเขียนรีวิวว่ารสชาติมันจืดไป คุณภาพไม่ค่อยสมกับราคาเลยค่ะ ประมาณนั้น ทางเพจก็ออกมาขออภัยต่าง ๆ นานา บอกจะปรับปรุง จะให้ทานฟรี เราก็คิดในใจว่าไม่เอาแล้วครั้งเดียวเกินพอ แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรไปเพราะไม่อยากไปต่อความยาวสาวความยืด เดี๋ยวจะหาว่าเห็นแก่กิน อยากได้ของกินฟรี บลา บลาๆ เราก็คิดว่าเรื่องมันน่าจะไม่มีอะไรและคงจบแค่นั้น เพราะปกติเพจเฟซบุ๊กที่ขายสินค้าน่าจะสามารถให้คะแนนและวิพากษ์วิจารณ์ตามประสบการณ์ของลูกค้าแต่ละคนหลังจากได้มีการซื้อสินค้าและบริการได้อยู่แล้ว คำวิจารณ์ของลูกค้าควรนำไปใช้ปรับปรุงสินค้าและบริการของตนเอง เราวิจารณ์ในส่วนของสินค้าไม่ได้มีปัญหาอะไรที่เป็นส่วนตัวกับแบรนด์หรือคนขายหรือผู้จัดการหรืออะไรทั้งสิ้น เพราะเราไม่รู้จักคนเหล่านั้นเป็นการส่วนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่ได้มีความประสงค์จะไปดิสเครดิตใครเพราะเราไม่ได้มีอาชีพทำธุรกิจหรือค้าขายอะไร
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น ปรากฎว่าในเฟซเรามีโพสต์หนึ่งที่เป็นโพสต์สาธารณะ ที่ช่วยโฆษณาสินค้าและเพจให้กับพี่ที่รู้จักและแกก็แชร์โพสต์เราไปไว้ในเพจของแกโดยเขียนชื่อเล่นเราลงไปว่าขอบคุณน้อง.... (ชื่อเรา) ซึ่งเป็นโพสต์ที่แชร์ไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้วค่ะ วกกลับมาเรื่องกดให้คะแนน 1 ดาวและเขียนรีวิวชานมไข่มุก หลังจากนั้นปรากฏว่าเวลาประมาณตี 1 ของวันถัดมา มีบุคคลใช้เฟซปลอมเอารูปคนอื่นมาขึ้นเข้าไปกดให้คะแนน 1 ดาว ในเพจสินค้าของพี่ที่เรารู้จักแล้วรีวิวด่าเราไม่ใช่ตำหนิสินค้า ประมาณว่า " ลองชิมสินค้าแล้วค่ะ อร่อยมาก แต่เสียอย่างเดียวพนักงานปากเหม็น หน้าตาก็ดีนะคะ แต่ปากนี่แบบ เหมือนเป็นคออักเสบ แหวะ จะอ้วก ไปถามพนักงานอีกคนบอกว่าชื่อ..... (เอ่ย ชื่อเรา) เรียกให้ไปปรับปรุงกลิ่นปากด่วนเลยค่ะ สินค้าดีมีคุณภาพแต่พนักงานแบบนี้แย่ " ซึ่งคนที่พิมพ์มาด่า เค้าคิดว่าเราเป็นพนักงานแต่จริง ๆ แล้วเราไม่ใช่พนักงานเราคือลูกค้าเหมือนกันนี่แหละ และเราสาบานได้เลยว่าไม่เคยไปช่วยใครขายสินค้าหรือคุยกับลูกค้าร้านพี่คนนี้เลยค่ะ พี่ที่เรารู้จักซึ่งเป็นเจ้าของเพจจึงได้ส่งมาให้ดู
เราจึงเข้าไปเช็คในเพจของพี่ที่เรารู้จักเราและเพจชานมฯ ดังกล่าว เพื่อเข้าไปดูว่าที่คนมาด่าเรา มีความเชื่อมโยงกันรึเปล่า เป็นเพราะสาเหตุที่เราไปกดให้คะแนน 1 ดาว ครั้งนี้หรือไม่ แล้วข้อสันนิษฐานก็เป็นจริง คนที่เข้ามาด่าเราในเพจพี่ที่เรารู้จัก เป็นเฟซที่เพิ่งสร้างมาเมื่อไม่นานและเป็นเฟซที่โพสต์อวยสินค้าในเพจชานมไข่มุก ซึ่งมีลักษณะการโพสต์ การใช้ emoji แบบเดียวกันกับเพจชานมไข่มุก มันเลยชัดเจนมากและยากที่จะไม่เชื่อว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน เพราะนิสัยส่วนตัวเราไม่เคยคอมเม้นท์ใครในเฟซบุ๊กนอกจากเพื่อน ถือว่าซวยจริงๆ ที่ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปกดดาวและรีวิวให้เพจชานม เพจนี้ และช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่ได้คอมเม้นท์ใครนอกจากเพจชานมฯ มันเลยทำให้เรามั่นใจว่าใช่แน่นอนแล้วแหละ
หลังจากนั้นเราก็ไม่คิดว่าจะดำเนินการอะไรหรอก ไม่อยากไปต่อความกับคนแบบนี้ คือสำหรับเราจะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องชานมไข่มุกเรื่องเดียว ตามด่าตามราวีกันมันคือเรื่องไร้สาระมาก และสำหรับร้านค้าแค่มีการปลอมเฟซเพื่อเอามานั่งตามด่าลูกค้าก็เป็นร้านค้าที่ไม่มีจรรยาบรรณในการค้าขายแล้ว รับไม่ได้ที่ลูกค้าวิจารณ์มาขายของทำไมกัน ไม่เข้าใจเลย ทีหลังเราอยากให้ร้านค้าร้านนี้หรือร้านไหนก็ตามที่เป็นกรณีแบบนี้ เขียนแจ้งเอาไว้หน้าร้านตัวใหญ่ๆ หรือปักหมุดไปเลยว่า "ร้านนี้ซื้อได้ แต่ห้ามวิจารณ์" ฮ่าๆๆๆ
เรื่องมันควรจะจบที่เราไม่ไปอะไรแล้ว แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นก็ยังไม่จบนะคะ ทางเจ้าของเพจที่ขายชานมไข่มุก(ซึ่งเป็นคนดูแลเพจด้วย) ที่ทราบเพราะเค้าได้มีการใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวโพสต์ในเพจชานมว่าเค้าคือคนดูแลเพจและเป็นเจ้าของ โดยเฟซดังกล่าวได้มีการเริ่มแอดเฟรนเพื่อนเรา น้องเราไปทีละคน สองคน จุดประสงค์เราไม่รู้ว่าทำไม แต่เราไม่ชอบมันส่อเจตนาแปลกๆ คือเราก็รอว่าเค้าจะกล้าเอาเฟซตัวเองส่งมาด่าหรือทักมาคุยกับเราหรือไม่ เพราะถ้าทักมาเราก็จะคุยตรงๆ ด้วยเหตุและผล เพราะเราวิจารณ์ตามความเป็นจริงไม่ได้แต่งเติม ทุกเรื่องคือเรื่องจริงและกดให้คะแนนตามความเป็นจริง
จากสถานการณ์ในครั้งนี้เราในฐานะผู้บริโภคก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยมาก ๆ และยังงง ๆ อยู่ว่าเวลาเราใช้สินค้าหรือบริการร้านไหนโดยจ่ายเงินแล้วไม่สามารถให้คำวิจารณ์ได้เลยหรอคะ งั้นมีกดดาวให้คะแนนเอาไว้ทำไมกัน คือถ้าเราไม่อวยสินค้าเค้าจะโดนหาว่าไปหมิ่นประมาทหรอ หรือยังไง ถ้าจะถูกตามราวีแบบนี้เราควรจะต้องทำยังไง ราวีเรา เราไม่ว่าเลยแต่นี่ลามปรามไปคนรอบตัว มาเอ่ยชื่อเรา ด่าเรา แต่เอาเฟซผีมาด่า ไม่เอาเฟซจริงตัวเองมาด่า ขี้ขลาดมากจ้า เราก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะทักมา รออยู่นะคะ
อยากฝากเป็นอุทาหรณ์เลยค่ะ สำหรับคนที่เป็นลูกค้าจะวิจารณ์ใครต้องระมัดระวัง ฮ่าๆๆ เพราะร้านค้าบางร้านรับไม่ได้ จะมาวิจารณ์ร้านฉันไม่ได้ ห้าม เพราะของฉันดีแกไม่ชอบก็ไม่ต้องมากิน แต่ประเด็นคือเราซื้อกินไปแล้วไงถึงวิจารณ์ได้ ไม่ใช่นั่งเทียนวิจารณ์เอาเอง คิดเองเออเองแล้วมาวิจารณ์
อยากฝากไว้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ดำเนินธุรกิจรุ่งเรืองอยู่แล้วและยอมรับคำติชมของลูกค้าไปปรับปรุงได้ อยากให้กำลังใจว่าขอให้คิดว่าคำติชมจากลูกค้าคือสิ่งที่เราจะนำไปใช้ในการปรับปรุงสินค้าให้ดีมากกว่าเดิมนะคะ อย่าไป Take it personal เหมือนร้านชานมไข่มุกที่เราเจอเลยค่ะ เอาเวลาที่ปลอมเฟซมานั่งด่าลูกค้าไปทำมาหากิน วางแผนเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองดีมากกว่าเดิมดีกว่านะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
หากมีการเขียนผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ให้คะแนนร้านค้า 1 ดาว โดนตามราวีปลอมเฟซบุ๊กมาด่า
ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า ณ ตอนนั้นเราเลยหยิบโทรศัพย์ขึ้นมาและกลับไปกด 1 ดาวให้ในเพจของชานมไข่มุกเจ้านี้ และเขียนรีวิวว่ารสชาติมันจืดไป คุณภาพไม่ค่อยสมกับราคาเลยค่ะ ประมาณนั้น ทางเพจก็ออกมาขออภัยต่าง ๆ นานา บอกจะปรับปรุง จะให้ทานฟรี เราก็คิดในใจว่าไม่เอาแล้วครั้งเดียวเกินพอ แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรไปเพราะไม่อยากไปต่อความยาวสาวความยืด เดี๋ยวจะหาว่าเห็นแก่กิน อยากได้ของกินฟรี บลา บลาๆ เราก็คิดว่าเรื่องมันน่าจะไม่มีอะไรและคงจบแค่นั้น เพราะปกติเพจเฟซบุ๊กที่ขายสินค้าน่าจะสามารถให้คะแนนและวิพากษ์วิจารณ์ตามประสบการณ์ของลูกค้าแต่ละคนหลังจากได้มีการซื้อสินค้าและบริการได้อยู่แล้ว คำวิจารณ์ของลูกค้าควรนำไปใช้ปรับปรุงสินค้าและบริการของตนเอง เราวิจารณ์ในส่วนของสินค้าไม่ได้มีปัญหาอะไรที่เป็นส่วนตัวกับแบรนด์หรือคนขายหรือผู้จัดการหรืออะไรทั้งสิ้น เพราะเราไม่รู้จักคนเหล่านั้นเป็นการส่วนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่ได้มีความประสงค์จะไปดิสเครดิตใครเพราะเราไม่ได้มีอาชีพทำธุรกิจหรือค้าขายอะไร
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น ปรากฎว่าในเฟซเรามีโพสต์หนึ่งที่เป็นโพสต์สาธารณะ ที่ช่วยโฆษณาสินค้าและเพจให้กับพี่ที่รู้จักและแกก็แชร์โพสต์เราไปไว้ในเพจของแกโดยเขียนชื่อเล่นเราลงไปว่าขอบคุณน้อง.... (ชื่อเรา) ซึ่งเป็นโพสต์ที่แชร์ไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้วค่ะ วกกลับมาเรื่องกดให้คะแนน 1 ดาวและเขียนรีวิวชานมไข่มุก หลังจากนั้นปรากฏว่าเวลาประมาณตี 1 ของวันถัดมา มีบุคคลใช้เฟซปลอมเอารูปคนอื่นมาขึ้นเข้าไปกดให้คะแนน 1 ดาว ในเพจสินค้าของพี่ที่เรารู้จักแล้วรีวิวด่าเราไม่ใช่ตำหนิสินค้า ประมาณว่า " ลองชิมสินค้าแล้วค่ะ อร่อยมาก แต่เสียอย่างเดียวพนักงานปากเหม็น หน้าตาก็ดีนะคะ แต่ปากนี่แบบ เหมือนเป็นคออักเสบ แหวะ จะอ้วก ไปถามพนักงานอีกคนบอกว่าชื่อ..... (เอ่ย ชื่อเรา) เรียกให้ไปปรับปรุงกลิ่นปากด่วนเลยค่ะ สินค้าดีมีคุณภาพแต่พนักงานแบบนี้แย่ " ซึ่งคนที่พิมพ์มาด่า เค้าคิดว่าเราเป็นพนักงานแต่จริง ๆ แล้วเราไม่ใช่พนักงานเราคือลูกค้าเหมือนกันนี่แหละ และเราสาบานได้เลยว่าไม่เคยไปช่วยใครขายสินค้าหรือคุยกับลูกค้าร้านพี่คนนี้เลยค่ะ พี่ที่เรารู้จักซึ่งเป็นเจ้าของเพจจึงได้ส่งมาให้ดู
เราจึงเข้าไปเช็คในเพจของพี่ที่เรารู้จักเราและเพจชานมฯ ดังกล่าว เพื่อเข้าไปดูว่าที่คนมาด่าเรา มีความเชื่อมโยงกันรึเปล่า เป็นเพราะสาเหตุที่เราไปกดให้คะแนน 1 ดาว ครั้งนี้หรือไม่ แล้วข้อสันนิษฐานก็เป็นจริง คนที่เข้ามาด่าเราในเพจพี่ที่เรารู้จัก เป็นเฟซที่เพิ่งสร้างมาเมื่อไม่นานและเป็นเฟซที่โพสต์อวยสินค้าในเพจชานมไข่มุก ซึ่งมีลักษณะการโพสต์ การใช้ emoji แบบเดียวกันกับเพจชานมไข่มุก มันเลยชัดเจนมากและยากที่จะไม่เชื่อว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน เพราะนิสัยส่วนตัวเราไม่เคยคอมเม้นท์ใครในเฟซบุ๊กนอกจากเพื่อน ถือว่าซวยจริงๆ ที่ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปกดดาวและรีวิวให้เพจชานม เพจนี้ และช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่ได้คอมเม้นท์ใครนอกจากเพจชานมฯ มันเลยทำให้เรามั่นใจว่าใช่แน่นอนแล้วแหละ
หลังจากนั้นเราก็ไม่คิดว่าจะดำเนินการอะไรหรอก ไม่อยากไปต่อความกับคนแบบนี้ คือสำหรับเราจะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องชานมไข่มุกเรื่องเดียว ตามด่าตามราวีกันมันคือเรื่องไร้สาระมาก และสำหรับร้านค้าแค่มีการปลอมเฟซเพื่อเอามานั่งตามด่าลูกค้าก็เป็นร้านค้าที่ไม่มีจรรยาบรรณในการค้าขายแล้ว รับไม่ได้ที่ลูกค้าวิจารณ์มาขายของทำไมกัน ไม่เข้าใจเลย ทีหลังเราอยากให้ร้านค้าร้านนี้หรือร้านไหนก็ตามที่เป็นกรณีแบบนี้ เขียนแจ้งเอาไว้หน้าร้านตัวใหญ่ๆ หรือปักหมุดไปเลยว่า "ร้านนี้ซื้อได้ แต่ห้ามวิจารณ์" ฮ่าๆๆๆ
เรื่องมันควรจะจบที่เราไม่ไปอะไรแล้ว แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นก็ยังไม่จบนะคะ ทางเจ้าของเพจที่ขายชานมไข่มุก(ซึ่งเป็นคนดูแลเพจด้วย) ที่ทราบเพราะเค้าได้มีการใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวโพสต์ในเพจชานมว่าเค้าคือคนดูแลเพจและเป็นเจ้าของ โดยเฟซดังกล่าวได้มีการเริ่มแอดเฟรนเพื่อนเรา น้องเราไปทีละคน สองคน จุดประสงค์เราไม่รู้ว่าทำไม แต่เราไม่ชอบมันส่อเจตนาแปลกๆ คือเราก็รอว่าเค้าจะกล้าเอาเฟซตัวเองส่งมาด่าหรือทักมาคุยกับเราหรือไม่ เพราะถ้าทักมาเราก็จะคุยตรงๆ ด้วยเหตุและผล เพราะเราวิจารณ์ตามความเป็นจริงไม่ได้แต่งเติม ทุกเรื่องคือเรื่องจริงและกดให้คะแนนตามความเป็นจริง
จากสถานการณ์ในครั้งนี้เราในฐานะผู้บริโภคก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยมาก ๆ และยังงง ๆ อยู่ว่าเวลาเราใช้สินค้าหรือบริการร้านไหนโดยจ่ายเงินแล้วไม่สามารถให้คำวิจารณ์ได้เลยหรอคะ งั้นมีกดดาวให้คะแนนเอาไว้ทำไมกัน คือถ้าเราไม่อวยสินค้าเค้าจะโดนหาว่าไปหมิ่นประมาทหรอ หรือยังไง ถ้าจะถูกตามราวีแบบนี้เราควรจะต้องทำยังไง ราวีเรา เราไม่ว่าเลยแต่นี่ลามปรามไปคนรอบตัว มาเอ่ยชื่อเรา ด่าเรา แต่เอาเฟซผีมาด่า ไม่เอาเฟซจริงตัวเองมาด่า ขี้ขลาดมากจ้า เราก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะทักมา รออยู่นะคะ
อยากฝากเป็นอุทาหรณ์เลยค่ะ สำหรับคนที่เป็นลูกค้าจะวิจารณ์ใครต้องระมัดระวัง ฮ่าๆๆ เพราะร้านค้าบางร้านรับไม่ได้ จะมาวิจารณ์ร้านฉันไม่ได้ ห้าม เพราะของฉันดีแกไม่ชอบก็ไม่ต้องมากิน แต่ประเด็นคือเราซื้อกินไปแล้วไงถึงวิจารณ์ได้ ไม่ใช่นั่งเทียนวิจารณ์เอาเอง คิดเองเออเองแล้วมาวิจารณ์
อยากฝากไว้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ดำเนินธุรกิจรุ่งเรืองอยู่แล้วและยอมรับคำติชมของลูกค้าไปปรับปรุงได้ อยากให้กำลังใจว่าขอให้คิดว่าคำติชมจากลูกค้าคือสิ่งที่เราจะนำไปใช้ในการปรับปรุงสินค้าให้ดีมากกว่าเดิมนะคะ อย่าไป Take it personal เหมือนร้านชานมไข่มุกที่เราเจอเลยค่ะ เอาเวลาที่ปลอมเฟซมานั่งด่าลูกค้าไปทำมาหากิน วางแผนเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองดีมากกว่าเดิมดีกว่านะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
หากมีการเขียนผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ