เรื่อง บ้านเช่ามีผี(มีจริงหรอ?)
ตามหัวเรื่องในวงเล็บ ปกติตัวเราเองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีวิญญาณแต่ก็ไม่ได้ลบหลู่อะไรก็ประมาณเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนั่นแหละจ้า...เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า สมัยตอนที่เรายังอยู่มัธยมต้น ตอนนั้นก็เพิ่งเข้าม.1เรายังอยู่ที่เพชรบูรณ์ ตอนนี้เราเรียนจบแล้วมาทำงานอยู่ที่กทม. ในตอนนั้นครอบครัวเราเปิดร้านอาหารตามสั่งทั่วไปซึ่งในตอนแรกเราไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ เราอยู่บ้านเช่าอีกหลัง ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรออกจะจนด้วยซ้ำมีเพียงอาชีพ ขายอาหารตามสั่ง บ้านไม่มี ต้องเช่าเขา อยู่ วันหนึ่งเจ้าของบ้านหลังเดิมที่เราอยู่บอกยกเลิกสัญญาเช่า ครอบครัวเราเลยจำเป็นต้องหาบ้านเช่าหลังใหม่ พ่อเราก็หาได้หลังหนึ่งเป็นของคนรู้จักเขาให้เช่าในราคาถูก สภาพบ้านเป็นบ้านไม้หลังใหญ่มีใต้ถุนสูงสภาพบ้านดูดีเลยแหละ ฝั่งด้านซ้ายมือเป็นป่า พื้นที่ว่างไม่มีคนมาดูแล ต้นไม้ต้นหญ้าจึงขึ้นสูงท่วมหลังคาบ้านแต่มีรั้วลวดหนามกั้นเขตแดนอยู่มองไปก็น่าขนลุก ทางฝั่งขวา เป็นบ้านคน เป็นบ้านไม้เหมือนกันแต่ข้างล่างเป็นปูน ข้างบนเป็นไม้ ไม่มีใต้ถุน มีนักศึกษามาเช่าอยู่กันเป็นกลุ่ม พอเราขนของจากที่เดิมมาถึงบ้านหลังใหม่ ข้างหน้าจะเป็นประตูรั้วไม้ค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมพอดู เราขนของทุกอย่างไปไว้บนบ้าน ภายในบ้านดูปลอดโป่งกว้างขว้างมีห้องนอนสามห้อง แต่ห้องนอนสองห้องเป็นห้องติดกันไม่มีกำแพงกั้น หรือจะนับเปนห้องเดียวกันก็ได้แต่มีสองประตู ประตูเป็นประตูไม้แบบเปิดสองทางพอนึกออกไหม คือเป็นประตูไม้ที่มีสองชิ้นปิดประกบกันเหมือนประตูบ้านสมัยก่อนเมื่อเดินไปข้างหลังเปิดประตูออกไปจะเจอกับอีกห้องเป็นห้องแยกเดี่ยวๆ ประตูไม้ทั่วไป มองไปทางด้านขวาจะมีประตูอีกบานเมื่อเปิดออกไปจะเจอกับบันไดอีกด้านหนึ่งเป็นบันไดลงบ้านแต่บันไดนี้อยู่ทางทิศตะวันตกตามความเชื่อ บันไดทางทิศตะวันตกเป็นบันไดที่ไม่ดีนักเพราะมันคือทางผีผ่าน อันนี้ฟังจากลุงที่เป็นหมอดูบอกมาว่าบันไดผีผ่านอย่าไปใช้มันไม่ดีปิดเอาไว้เลย อะในคืนแรกของบ้านหลังใหม่ ยังจัดอะไรไม่เสร็จมากนัก แต่ก็จัดที่นอนหมอนมุ้งอะไรให้เสร็จเพื่อจะได้พักผ่อน เรากับพ่อแม่ของเรานอนห้องที่ติดกัน ไม่มีใครนอนห้องข้างหลังมันวังเวงเกินไป บรรยากาศภายในบ้านดูปลอดโป่งเมื่อตอนกลางวันตกกลางคืนจะรู้สึกหนาวเย็นเลยแหละเพราะอยู่ใกล้ป่ารกครึ้ม อ้อลืมบอกไป ห้องน้ำอยู่หลังสุด ซึ่งข้างหลังสุดจะเป็นป่าเหมือนกัน มีเสาโทรศัพท์ทรูตั้งอยู่ไม่ไกลมาก ที่บ้านเช่านี้ไม่มีน้ำปะปาแต่มีน้ำบาดารซึ่งวันแรก เรายังไม่ได้ซื้อเครื่องปั้มน้ำแต่ตรงกลางหลังบ้านหน้าห้องน้ำจะมีที่สูบน้ำมือ แบบสมัยก่อนอยู่มันสามารถสูบขึ้นมาใช้ได้ ห้องน้ำค่อนข้างกว้างและวังเวงหน่อยๆอาจเพราะอยู่หลังสุดและติดป่าด้วย คืนแรกผ่านไปด้วยดี เราหลับสนิทเพราะเหนื่อยจากการขนของย้ายบ้าน คืนสองคืนสามผ่านไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเวลาผ่านมาเป็นอาทิตย์ ในคืนหนึ่งวันนั้นเป็นคืนฝนตกค่อนข้างหนัก พ่อเรานอนอยู่ในห้องส่วนเรากับแม่นั่งดูทีวี กันอยู่ที่ห้องโถง หน้าห้องนอน และเปิดประตูที่จะทะลุไปข้างหลังไว้ หางตาของเราเหมือนเห็นบางสิ่งผ่านแวบไป เราก็ตกใจแต่ก็ไม่แน่ใจว่าคือไรอาจเป็นหนูหรืออะไรก็ได้ ก็ไม่ได้สนใจอะไรดูทีวีต่อ ผ่านไปสักพักแม่ก็บอกให้เราเดินไปปิดประตูสะและไปนอนได้แล้ว เราก็งงๆ เพิ่งจะ3ทุ่มเอง จะรีบนอนไปไหน ตอนนั้นเราอาบน้ำกันตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้ว เราก็เดินไปเปิดประตูแม่เดินไปปิดทีวี และเดินเข้าห้องไปเราเลยไม่เอะใจอะไรจึงเดินไปปิดไฟและเข้าห้องไปถามแม่ว่าปิดไฟเลยไหมแม่บอกปิดเลยเราเลยปิดไฟและไปนอนที่นอนตัวเอง ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วยทำไมไล่นอนไวจัง เราพยายามนอนแต่นอนไม่หลับฝนก็ตกหนักจึงเปิดวิทยุฟังเพลงจนเที่ยงคืนสถานีเพลงปิดไม่มีอะไรฟังแล้วเราจึงถอดหูฟังออกเพื่อเตรียมนอน เรานอนหลับไปสักพักก็ได้ยินเสียงเคาะพนังไม้ข้าง ก๊อกๆๆๆๆๆ เราก็สะลืมสลือตอนนั้นก็กึ่งง่วงได้ยินแต่ไม่ได้สนใจอะไรในตอนแรกคงเป็นไม้ลั่นมั้งไม้มันเก่าแล้วหรืออาจเป็นจิ้งจกเอาหางตีก็ได้ เราก็หลับไปสักพัก ก๊อกๆๆๆๆๆๆ ดังขึ้นอีกครั้ง มันใกล้มากเสียงคราวนี้ เหมือนคนเคาะเลย เคาะอยู่ตรงพนังข้างหัวนอนเรา ในอารมณ์ตอนนั้นเราไม่ได้กลัวนะเราหงุดหงิดคนง่วงๆจึงเคาะกลับไปเสียงเคาะนั้นก็เงียบไปยันเช้า เลยเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่าเมื่อคืนแม่ก็เห็นเหมือนมีเงาเดินผ่านตรงประตูแม่เลยบอกให้เราไปปิดประตูและรีบเข้านอนเราก็บอกแม่ว่าเราเห็นเหมือนกันแต่คิดว่าคงไม่มีอะไร แม่จึงไปถามเจ้าของบ้านว่า ที่บ้านนี้ประวัติอะไรหรือเปล่า เขาก็ยอมบอกนะ ว่าแต่ก่อนที่นี่เคยเป็นคลีนิคเถื่อน มาก่อน โอโห้ชัดเลย เมื่อเราลองไปสำรวจใต้ถุนบ้านก็จะเจอ พวก ปอกเข็มฉีดยาหลายสิบอันเลยแต่ไม่มีเข็มบางอันก็มี มีถุงมือยางเก่าๆ ตกเต็มไปหมด รู้เลยว่าเคยเป็นอะไรมาก่อนจริงๆ ไหนจะบรรดาของเล่นเด็กอีกหลายชิ้นก็ว่าทำไมให้เช่าถูกจัง แต่ก็นะก็ยังอยู่ต่อ เรื่องยังไม่จบแค่นั้น กับบ้านหลังนี้...
เมื่อตอนเพื่อนพ่อเรามาเที่ยวหา คือตอนนี้ ที่บ้านเราเริ่มสร้างเพิงร้านใหม่แล้ว บริเวณสนามหน้าบ้าน กว้างขว้างพอสมควร ก็สร้างเพิงหญ้าเพื่อทำร้านอาหารตามสั่ง เมื่อสร้างเสร็จ เพื่อนพ่อก็มาเที่ยวหากินเหล้าพูดคุยกันตามปะสา แล้วอยู่ๆแกก็พูดว่า ใคร เห็นใครไม่รู้ยืนอยู่บนบ้านเล่นเอาทั้งวงเหล้าขนลุกซู่ไปหมดทุกคนเพราะตอนนี้ไม่มีใครสักคนอยู่บนบ้านเลย ทุกคนลงมาคุยกันข้างล่างหมด พ่อเราเลยบอกไป เมาแล้วมั้งตาฝาดหรือเปล่า แต่เพื่อนพ่อเราก็ยืนยันว่าเห็นจริงๆเห็นเป็นเด็กยืนอยู่ตรงหน้าประตูบนบ้าน แต่พอหันไปก็ไม่มีแล้ว แกก็คิดว่าแกตาฝาดไปเพราะเริ่มเมากันแล้ว แต่แม่เรารู้ดีสุดเพราะแม่เราเป็นคนค่อนข้างมีเซ้นส์พอ ควร วันต่อมาพวกพี่ๆนักศึกษาก็มากินข้าวร้านเราบ่อย เขาจึงสนิดกับที่บ้านเราเขาก็บอกว่า วันนั้นเขาเห็นผู้หญิงเดินขึ้นบันไดทะลุประตูเข้าไปในบ้านบางวันเขาก็เห็นเดินลงมาจากบันไดทางทิศตะวันตกเหมือนกันเพราะตรงนั้นมันอยู่ตรงกับห้องนอนเขาพอดี เขาบอกเป็นผู้หญิงใส่ชุดคลุมท้องผมสั้น เห็นบ่อยมากๆบางทีก็เห็นเด็กบางทีก็คนแก่วนเวียนกันไป แต่เราตั้งแต่วันนั้นทีเราเคาะกลับไปก็ไม่ได้เจออะไรอีกเลย พ่อแม่เราเลยทำบุญบ้านเพื่อเป็นการบอกเจ้าที่เจ้าทางผีบ้านผีเรือนเพราะตั้งแต่ย้ายมาเดือนกว่ายังไม่ได้ทำบุญบ้านเลย พอทำทุกอย่างก็ปกติดี อาจเห็นบ้านได้ยินเสียงบ้างบางทีแต่ก็อยู่ด้วยกันได้อาจเพราะชิน ด้วยไม่ค่อยเชื่อด้วย ทุกอย่างเราอาจคิดไปเอง คนอื่นอาจตาฝาดไปก็ได้ แต่ทุกคนที่ผ่านแถวนั้นมักจะบอกว่าบ้านที่เราอยู่นั้นมันดูอึมครึม(เขียนถูกไหมหว่า) ดูมืดๆไม่ปลอดโป่งอยู่ไปได้ยังไง แต่สำหรับเราเราว่ามันรู้สึกอบอุ่นและสบายดี แต่เราก็ต้องย้ายเพราะหมดสัญญาเช่า แค่3 ปี เจ้าของเขาขายที่ให้กับนายทุนทำหอพักเพื่อเอาเป็นที่จอดรถ เขาซื้อพื้นที่ตรงป่ารกนั้นและซื้อที่ที่บ้านเช่าเราด้วย เราเลยจำเป็นต้องย้ายไปที่ใหม่วันที่รู้ว่าต้องย้ายเรารู้สึกไม่อยากย้ายเลยอยากอยู่บ้านหลังนี้รู้สึกผูกพันธ์ทำให้เราเศร้าไปหลายวันเลยแหละไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ส่วนที่ใหม่ก็ไม่ธรรมดานะ แต่ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนไว้มาเล่าบ้านเช่าอีกหลังให้อ่านใหม่ ถ้ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะเรามือใหม่เพิ่งเคยเล่า ติชมได้ตามสบายเลย

เรื่อง บ้านเช่ามีผี(มีจริงหรอ?)
ตามหัวเรื่องในวงเล็บ ปกติตัวเราเองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีวิญญาณแต่ก็ไม่ได้ลบหลู่อะไรก็ประมาณเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนั่นแหละจ้า...เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า สมัยตอนที่เรายังอยู่มัธยมต้น ตอนนั้นก็เพิ่งเข้าม.1เรายังอยู่ที่เพชรบูรณ์ ตอนนี้เราเรียนจบแล้วมาทำงานอยู่ที่กทม. ในตอนนั้นครอบครัวเราเปิดร้านอาหารตามสั่งทั่วไปซึ่งในตอนแรกเราไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ เราอยู่บ้านเช่าอีกหลัง ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรออกจะจนด้วยซ้ำมีเพียงอาชีพ ขายอาหารตามสั่ง บ้านไม่มี ต้องเช่าเขา อยู่ วันหนึ่งเจ้าของบ้านหลังเดิมที่เราอยู่บอกยกเลิกสัญญาเช่า ครอบครัวเราเลยจำเป็นต้องหาบ้านเช่าหลังใหม่ พ่อเราก็หาได้หลังหนึ่งเป็นของคนรู้จักเขาให้เช่าในราคาถูก สภาพบ้านเป็นบ้านไม้หลังใหญ่มีใต้ถุนสูงสภาพบ้านดูดีเลยแหละ ฝั่งด้านซ้ายมือเป็นป่า พื้นที่ว่างไม่มีคนมาดูแล ต้นไม้ต้นหญ้าจึงขึ้นสูงท่วมหลังคาบ้านแต่มีรั้วลวดหนามกั้นเขตแดนอยู่มองไปก็น่าขนลุก ทางฝั่งขวา เป็นบ้านคน เป็นบ้านไม้เหมือนกันแต่ข้างล่างเป็นปูน ข้างบนเป็นไม้ ไม่มีใต้ถุน มีนักศึกษามาเช่าอยู่กันเป็นกลุ่ม พอเราขนของจากที่เดิมมาถึงบ้านหลังใหม่ ข้างหน้าจะเป็นประตูรั้วไม้ค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมพอดู เราขนของทุกอย่างไปไว้บนบ้าน ภายในบ้านดูปลอดโป่งกว้างขว้างมีห้องนอนสามห้อง แต่ห้องนอนสองห้องเป็นห้องติดกันไม่มีกำแพงกั้น หรือจะนับเปนห้องเดียวกันก็ได้แต่มีสองประตู ประตูเป็นประตูไม้แบบเปิดสองทางพอนึกออกไหม คือเป็นประตูไม้ที่มีสองชิ้นปิดประกบกันเหมือนประตูบ้านสมัยก่อนเมื่อเดินไปข้างหลังเปิดประตูออกไปจะเจอกับอีกห้องเป็นห้องแยกเดี่ยวๆ ประตูไม้ทั่วไป มองไปทางด้านขวาจะมีประตูอีกบานเมื่อเปิดออกไปจะเจอกับบันไดอีกด้านหนึ่งเป็นบันไดลงบ้านแต่บันไดนี้อยู่ทางทิศตะวันตกตามความเชื่อ บันไดทางทิศตะวันตกเป็นบันไดที่ไม่ดีนักเพราะมันคือทางผีผ่าน อันนี้ฟังจากลุงที่เป็นหมอดูบอกมาว่าบันไดผีผ่านอย่าไปใช้มันไม่ดีปิดเอาไว้เลย อะในคืนแรกของบ้านหลังใหม่ ยังจัดอะไรไม่เสร็จมากนัก แต่ก็จัดที่นอนหมอนมุ้งอะไรให้เสร็จเพื่อจะได้พักผ่อน เรากับพ่อแม่ของเรานอนห้องที่ติดกัน ไม่มีใครนอนห้องข้างหลังมันวังเวงเกินไป บรรยากาศภายในบ้านดูปลอดโป่งเมื่อตอนกลางวันตกกลางคืนจะรู้สึกหนาวเย็นเลยแหละเพราะอยู่ใกล้ป่ารกครึ้ม อ้อลืมบอกไป ห้องน้ำอยู่หลังสุด ซึ่งข้างหลังสุดจะเป็นป่าเหมือนกัน มีเสาโทรศัพท์ทรูตั้งอยู่ไม่ไกลมาก ที่บ้านเช่านี้ไม่มีน้ำปะปาแต่มีน้ำบาดารซึ่งวันแรก เรายังไม่ได้ซื้อเครื่องปั้มน้ำแต่ตรงกลางหลังบ้านหน้าห้องน้ำจะมีที่สูบน้ำมือ แบบสมัยก่อนอยู่มันสามารถสูบขึ้นมาใช้ได้ ห้องน้ำค่อนข้างกว้างและวังเวงหน่อยๆอาจเพราะอยู่หลังสุดและติดป่าด้วย คืนแรกผ่านไปด้วยดี เราหลับสนิทเพราะเหนื่อยจากการขนของย้ายบ้าน คืนสองคืนสามผ่านไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเวลาผ่านมาเป็นอาทิตย์ ในคืนหนึ่งวันนั้นเป็นคืนฝนตกค่อนข้างหนัก พ่อเรานอนอยู่ในห้องส่วนเรากับแม่นั่งดูทีวี กันอยู่ที่ห้องโถง หน้าห้องนอน และเปิดประตูที่จะทะลุไปข้างหลังไว้ หางตาของเราเหมือนเห็นบางสิ่งผ่านแวบไป เราก็ตกใจแต่ก็ไม่แน่ใจว่าคือไรอาจเป็นหนูหรืออะไรก็ได้ ก็ไม่ได้สนใจอะไรดูทีวีต่อ ผ่านไปสักพักแม่ก็บอกให้เราเดินไปปิดประตูสะและไปนอนได้แล้ว เราก็งงๆ เพิ่งจะ3ทุ่มเอง จะรีบนอนไปไหน ตอนนั้นเราอาบน้ำกันตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้ว เราก็เดินไปเปิดประตูแม่เดินไปปิดทีวี และเดินเข้าห้องไปเราเลยไม่เอะใจอะไรจึงเดินไปปิดไฟและเข้าห้องไปถามแม่ว่าปิดไฟเลยไหมแม่บอกปิดเลยเราเลยปิดไฟและไปนอนที่นอนตัวเอง ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมด้วยทำไมไล่นอนไวจัง เราพยายามนอนแต่นอนไม่หลับฝนก็ตกหนักจึงเปิดวิทยุฟังเพลงจนเที่ยงคืนสถานีเพลงปิดไม่มีอะไรฟังแล้วเราจึงถอดหูฟังออกเพื่อเตรียมนอน เรานอนหลับไปสักพักก็ได้ยินเสียงเคาะพนังไม้ข้าง ก๊อกๆๆๆๆๆ เราก็สะลืมสลือตอนนั้นก็กึ่งง่วงได้ยินแต่ไม่ได้สนใจอะไรในตอนแรกคงเป็นไม้ลั่นมั้งไม้มันเก่าแล้วหรืออาจเป็นจิ้งจกเอาหางตีก็ได้ เราก็หลับไปสักพัก ก๊อกๆๆๆๆๆๆ ดังขึ้นอีกครั้ง มันใกล้มากเสียงคราวนี้ เหมือนคนเคาะเลย เคาะอยู่ตรงพนังข้างหัวนอนเรา ในอารมณ์ตอนนั้นเราไม่ได้กลัวนะเราหงุดหงิดคนง่วงๆจึงเคาะกลับไปเสียงเคาะนั้นก็เงียบไปยันเช้า เลยเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่าเมื่อคืนแม่ก็เห็นเหมือนมีเงาเดินผ่านตรงประตูแม่เลยบอกให้เราไปปิดประตูและรีบเข้านอนเราก็บอกแม่ว่าเราเห็นเหมือนกันแต่คิดว่าคงไม่มีอะไร แม่จึงไปถามเจ้าของบ้านว่า ที่บ้านนี้ประวัติอะไรหรือเปล่า เขาก็ยอมบอกนะ ว่าแต่ก่อนที่นี่เคยเป็นคลีนิคเถื่อน มาก่อน โอโห้ชัดเลย เมื่อเราลองไปสำรวจใต้ถุนบ้านก็จะเจอ พวก ปอกเข็มฉีดยาหลายสิบอันเลยแต่ไม่มีเข็มบางอันก็มี มีถุงมือยางเก่าๆ ตกเต็มไปหมด รู้เลยว่าเคยเป็นอะไรมาก่อนจริงๆ ไหนจะบรรดาของเล่นเด็กอีกหลายชิ้นก็ว่าทำไมให้เช่าถูกจัง แต่ก็นะก็ยังอยู่ต่อ เรื่องยังไม่จบแค่นั้น กับบ้านหลังนี้...
เมื่อตอนเพื่อนพ่อเรามาเที่ยวหา คือตอนนี้ ที่บ้านเราเริ่มสร้างเพิงร้านใหม่แล้ว บริเวณสนามหน้าบ้าน กว้างขว้างพอสมควร ก็สร้างเพิงหญ้าเพื่อทำร้านอาหารตามสั่ง เมื่อสร้างเสร็จ เพื่อนพ่อก็มาเที่ยวหากินเหล้าพูดคุยกันตามปะสา แล้วอยู่ๆแกก็พูดว่า ใคร เห็นใครไม่รู้ยืนอยู่บนบ้านเล่นเอาทั้งวงเหล้าขนลุกซู่ไปหมดทุกคนเพราะตอนนี้ไม่มีใครสักคนอยู่บนบ้านเลย ทุกคนลงมาคุยกันข้างล่างหมด พ่อเราเลยบอกไป เมาแล้วมั้งตาฝาดหรือเปล่า แต่เพื่อนพ่อเราก็ยืนยันว่าเห็นจริงๆเห็นเป็นเด็กยืนอยู่ตรงหน้าประตูบนบ้าน แต่พอหันไปก็ไม่มีแล้ว แกก็คิดว่าแกตาฝาดไปเพราะเริ่มเมากันแล้ว แต่แม่เรารู้ดีสุดเพราะแม่เราเป็นคนค่อนข้างมีเซ้นส์พอ ควร วันต่อมาพวกพี่ๆนักศึกษาก็มากินข้าวร้านเราบ่อย เขาจึงสนิดกับที่บ้านเราเขาก็บอกว่า วันนั้นเขาเห็นผู้หญิงเดินขึ้นบันไดทะลุประตูเข้าไปในบ้านบางวันเขาก็เห็นเดินลงมาจากบันไดทางทิศตะวันตกเหมือนกันเพราะตรงนั้นมันอยู่ตรงกับห้องนอนเขาพอดี เขาบอกเป็นผู้หญิงใส่ชุดคลุมท้องผมสั้น เห็นบ่อยมากๆบางทีก็เห็นเด็กบางทีก็คนแก่วนเวียนกันไป แต่เราตั้งแต่วันนั้นทีเราเคาะกลับไปก็ไม่ได้เจออะไรอีกเลย พ่อแม่เราเลยทำบุญบ้านเพื่อเป็นการบอกเจ้าที่เจ้าทางผีบ้านผีเรือนเพราะตั้งแต่ย้ายมาเดือนกว่ายังไม่ได้ทำบุญบ้านเลย พอทำทุกอย่างก็ปกติดี อาจเห็นบ้านได้ยินเสียงบ้างบางทีแต่ก็อยู่ด้วยกันได้อาจเพราะชิน ด้วยไม่ค่อยเชื่อด้วย ทุกอย่างเราอาจคิดไปเอง คนอื่นอาจตาฝาดไปก็ได้ แต่ทุกคนที่ผ่านแถวนั้นมักจะบอกว่าบ้านที่เราอยู่นั้นมันดูอึมครึม(เขียนถูกไหมหว่า) ดูมืดๆไม่ปลอดโป่งอยู่ไปได้ยังไง แต่สำหรับเราเราว่ามันรู้สึกอบอุ่นและสบายดี แต่เราก็ต้องย้ายเพราะหมดสัญญาเช่า แค่3 ปี เจ้าของเขาขายที่ให้กับนายทุนทำหอพักเพื่อเอาเป็นที่จอดรถ เขาซื้อพื้นที่ตรงป่ารกนั้นและซื้อที่ที่บ้านเช่าเราด้วย เราเลยจำเป็นต้องย้ายไปที่ใหม่วันที่รู้ว่าต้องย้ายเรารู้สึกไม่อยากย้ายเลยอยากอยู่บ้านหลังนี้รู้สึกผูกพันธ์ทำให้เราเศร้าไปหลายวันเลยแหละไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ส่วนที่ใหม่ก็ไม่ธรรมดานะ แต่ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนไว้มาเล่าบ้านเช่าอีกหลังให้อ่านใหม่ ถ้ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะเรามือใหม่เพิ่งเคยเล่า ติชมได้ตามสบายเลย