ผมเคยเป็นครูสอนบุคคลคนนี้เมื่อหลายปีที่ผ่านมาแล้วสมัยที่เป็นอัตราจ้างที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา หลังจากผมได้บรรจุผมก็ออกมาจากโรงเรียนนั้นแต่เค้าก็ยังทักทายคุยกันอยู่บ่อย ๆ ผมเห็นเค้าต่อสู้ชีวิตดีหางานทำเป็นทั้งนักจัดรายการวิทยุกลางคืน ขายแอมเวย์ จึงคิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนขยันดีจัง มีครั้งหนึ่งผมทำกุญแจห้องพักหายก็ได้เค้าที่ให้ไปพักที่บ้านด้วยหนึ่งคืน ผมคิดว่าเค้าเป็นคนมีน้ำใจดีนะ หลังจากนั้นเราก็คุยทักกันบ้างในเฟซบุ๊ค ตามประสาคนรู้จัก
เมื่อปี 2558 ผมต้องการซื้อบ้าน จึงได้กู้เงินสหกรณ์มาเพื่อสำรองเงินในส่วนต่าง ๆ ของการซื้อขายมาส่วนหนึ่ง และโพสขอคำแนะนำว่ามีโครงการบ้านที่ไหนพอจะแนะนำ นักเรียนคนนี้จึงเสนอบ้านที่เค้าเป็นพนักงานขายอยู่ ผมจึงตัดสินใจไปดู แล้วทำสัญญาจอง แล้วนำเอกสารการเงินทุกอย่างของผมไปเสนอกู้ แต่แล้วจนรอดทางบ้านมาดูบ้าน คิดว่ามันไม่เหมาะสม จึงไม่สนับสนุนให้เอาหลังนี้ ผมจึงเก็บเงินที่กู้มาไว้เฉย ๆ
หลายเดือนผ่านไป นักเรียนคนนี้ โทรมาขอความช่วยเหลือ โดยให้ไปพบที่ห้างสรรพสินค้า และขอร้องให้ผมช่วย โดยการขอให้ช่วยเป็นหุ้นส่วนของบริษัทอหังสาฯที่เค้าขายบ้านและคอนโด โครงการที่เขาใหญ่ โดยมีคนถอนหุ้นขอบริษัทไปและและต้องรีบต่อสัญญาภายในเดือนดังกล่าว ผมก็ลังเลอยู่พอสมควร แต่ด้วยความที่เราไม่เคยมีปัญหา คิดว่าเป็นอดีตนักเรียนและเคยช่วยเหลือผม) ผมจึงตัดสินใจช่วยลงเป็นหุ้นส่วน เพราะคิดว่าคงไม่ได้ซื้อบ้านแล้ว เลยช่วยลงหุ้นไปเป็นจำนวน 100,000 บาทถ้วน พร้อมมีเอกสารครบถ้วน โดยที่บอกว่าจะให้ถอน/ซื้อหุ้นคืน ตามสัญญา คือ ธันวาคม 2559 ตามรูปครับ

ต่อมาไม่กี่เดือนผมก็ได้ซื้อบ้าน ค่าบ้านมันเกินกว่าเงินที่ผมกู้ได้ แต่ผมก็นำเงินที่ได้จากการกู้สหกรณ์มาจ่าย เงินที่ผมเก็บก็เริ่มร่อยหรอ เงินเดือนโดนหักเหลือ สามพันกว่าบาท ยอมรับว่าชีวิตตอนนั้นใช่จ่ายอย่างประหยัด เงินไม่พอก็ใช้เงินเก็บไปเรื่อย ๆ จนแทบจะหมด และยังไม่พอเค้ามาขอยืมเงิน อีก 10,000 บาท เพื่อเป็นค่าลงทะเบียนเรียน ผมไม่มีหรอกแต่ด้วยความที่ว่าเราลงทุนแล้วไว้ใจเค้า เลยยืมเงินคนอื่นให้เค้า พอถึงเวลาก็ไม่คืน กว่าจะได้คืนก็หลายเดือน (กว่าจะได้คืนต้องขอขอบคุณหลายฝ่ายที่ช่วยเหลือนำเงินส่วนนี้กลับมาได้) ตอนนั้นในใจก็หวั่น ๆ คิดว่าเค้าจะโกงเราไหม แต่เรามีเอกสารทุกอย่าง รอเวลาครบสัญญาเราค่อยถอนหุ้นคืน
พอครบสัญญา ผมได้ทวงถามเค้า ว่าจะถอนหุ้นคืน เนื่องจากเงินเก็บผมร่อยหรอลงทุกวัน แต่ก็โดนขอร้องว่ารอให้ บริษัทเค้า ถึงสองปีก่อนได้ไหม เค้ามีปัญหา จะเอาบริษัทไปกู้เงินและถ้ากู้ได้จะนำมาคืนผม เหมือนบริษัทจะไม่ได้กำไรอย่างที่คิด พอถึงเวลา เค้าไม่คืนบอกกู้ไม่ได้ ไม่มีเงิน ช่วงนั้นมีคนหาข้อมูลว่าผมไม่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนในบริษัทนี้!!
ยอมรับผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายแพ่งเท่าไหร่เลย ผมพยายามปรึกษาทนายในอินเตอร์เน็ต ไม่อยากขึ้นศาล ก็แค่อยากได้เงินคืน แต่ก็ได้รับการตอบรับประมาณว่า ถ้าไม่อยากขึ้นศาลก็ไม่ต้องฟ้องเค้า จนในที่สุดผมไปโรงพักเพื่อจะฟ้องร้องและปรึกษากับตำรวจ ได้รับคำแนะนำกับตำรวจว่าให้พาเค้ามาด้วย แล้วไกล่เกลี่ยกัน ถ้าให้เค้ามาเซ็นยินยอมรับสภาพหนี้ ก็จะมีผล 10 ปี ผมเลยกลับไปใหม่ แล้วพยายามติดต่อเค้าเค้ายินยอมมาเจอที่โรงพัก โดยบอกว่าจะผ่อนให้ผมเดือนละ 10,000 บาท ผมถามด้วยความแน่ใจว่ามีให้แน่หรือ? แต่เค้าก็มั่นใจ พร้อมค่าเสียเวลา รวมทั้งหมด 120,000 ลงลายมือชื่อในหนังสือยอมรับสภาพหนี้ พร้อมลงบันทึกประจำวัน โดยผมหารู้ไม่ว่าผมได้ทำเรื่องโง่ ๆ ไปอีกหนึ่งเรื่อง คือ เรื่องให้เค้ายอมมาเซ็นต์ยอมความนี่ล่ะ ทำให้เอาผิดทางอาญาฉ้อโกงกับเค้าไม่ได้ แต่ผมคิดว่ามาถึงโรงพัก ตำรวจก็น่าจะจะทำให้เค้ายอมคืนเงินผมได้ แต่ไม่ใช่เลย เป็นการประนอมหนี้ ทำให้ฟ้องอาญาไม่ได้ (ทนายผมบอกแบบนี้)

พอถึงกำหนดวันที่ 10 ตุลาคม 2560 สรุปเค้าก็ไม่โอน ไม่จ่าย ก็ทวงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุด ยอมจ่าย และยืนยันว่าจ่ายแน่นอน แล้วก็จ่ายจริง ๆ คือ จ่ายมาเพียง 3,000 บาท ต่อจากนั้นก็ไม่จ่ายอีกเลย
จนมีทนายมาช่วยแบบจริง ๆ จัง ๆ และทำเรื่องต่อศาล พอถึงเวลานัดไกล่เกลี่ยที่ศาล เค้าไม่มา ทนายแจ้งผมว่า เราต้องสืบทรัพย์เค้าว่าเค้ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เงินของเราคืนมา โดยทนายบอกว่าผมจะไปสืบทรัพย์จากเค้า แล้วเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบ เวลาผ่านไป ผมติดต่อทนาย ทนายบอกว่าเค้าไม่มีทรัพย์สินที่เป็นชื่อของเค้าเลย ทั้งรถ ทั้งบ้าน ทำให้เราไม่สามารถยึดทรัพย์สินอะไรจากเค้าได้สักอย่าง
ตอนนี้เค้ายังอยู่ดี มีความสุข เปลี่ยนงานขายของออนไลน์ เครื่องสำอาง ยาลดน้ำหนัก สบู่หน้าใส แล้วไปดูสถานะทางเฟซบุ๊ค เค้ายังใช้เงินฟุ่มเฟือย ไปเที่ยวต่างประเทศ กินสตาร์บั๊ค ซื้อ Rolex มีรถขับ ฯลฯ

ตอนนี้ผมรู้สึก ท้อแท้ และสิ้นหวังกับ กฎหมายไทย ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี เหมือนกฎหมายเอื้อให้คนทำความผิดลอยนวล ผมยังไม่รู้หรือกฎหมายดีพอ จึงมาขอคำปรึกษาด้วยครับว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
ขอขอบพระคุณทุกความคิดเห็นและผู้ให้คำปรึกษาล่วงหน้า
ขอบพระคุณครับ
ผมโดนอดีตนักเรียนโกงเงิน ยอมประนอมหนี้ แต่ผลที่ได้ก็ไม่ได้อะไรสักอย่างครับ ควรทำยังไงต่อไปดีครับ
เมื่อปี 2558 ผมต้องการซื้อบ้าน จึงได้กู้เงินสหกรณ์มาเพื่อสำรองเงินในส่วนต่าง ๆ ของการซื้อขายมาส่วนหนึ่ง และโพสขอคำแนะนำว่ามีโครงการบ้านที่ไหนพอจะแนะนำ นักเรียนคนนี้จึงเสนอบ้านที่เค้าเป็นพนักงานขายอยู่ ผมจึงตัดสินใจไปดู แล้วทำสัญญาจอง แล้วนำเอกสารการเงินทุกอย่างของผมไปเสนอกู้ แต่แล้วจนรอดทางบ้านมาดูบ้าน คิดว่ามันไม่เหมาะสม จึงไม่สนับสนุนให้เอาหลังนี้ ผมจึงเก็บเงินที่กู้มาไว้เฉย ๆ
หลายเดือนผ่านไป นักเรียนคนนี้ โทรมาขอความช่วยเหลือ โดยให้ไปพบที่ห้างสรรพสินค้า และขอร้องให้ผมช่วย โดยการขอให้ช่วยเป็นหุ้นส่วนของบริษัทอหังสาฯที่เค้าขายบ้านและคอนโด โครงการที่เขาใหญ่ โดยมีคนถอนหุ้นขอบริษัทไปและและต้องรีบต่อสัญญาภายในเดือนดังกล่าว ผมก็ลังเลอยู่พอสมควร แต่ด้วยความที่เราไม่เคยมีปัญหา คิดว่าเป็นอดีตนักเรียนและเคยช่วยเหลือผม) ผมจึงตัดสินใจช่วยลงเป็นหุ้นส่วน เพราะคิดว่าคงไม่ได้ซื้อบ้านแล้ว เลยช่วยลงหุ้นไปเป็นจำนวน 100,000 บาทถ้วน พร้อมมีเอกสารครบถ้วน โดยที่บอกว่าจะให้ถอน/ซื้อหุ้นคืน ตามสัญญา คือ ธันวาคม 2559 ตามรูปครับ
ต่อมาไม่กี่เดือนผมก็ได้ซื้อบ้าน ค่าบ้านมันเกินกว่าเงินที่ผมกู้ได้ แต่ผมก็นำเงินที่ได้จากการกู้สหกรณ์มาจ่าย เงินที่ผมเก็บก็เริ่มร่อยหรอ เงินเดือนโดนหักเหลือ สามพันกว่าบาท ยอมรับว่าชีวิตตอนนั้นใช่จ่ายอย่างประหยัด เงินไม่พอก็ใช้เงินเก็บไปเรื่อย ๆ จนแทบจะหมด และยังไม่พอเค้ามาขอยืมเงิน อีก 10,000 บาท เพื่อเป็นค่าลงทะเบียนเรียน ผมไม่มีหรอกแต่ด้วยความที่ว่าเราลงทุนแล้วไว้ใจเค้า เลยยืมเงินคนอื่นให้เค้า พอถึงเวลาก็ไม่คืน กว่าจะได้คืนก็หลายเดือน (กว่าจะได้คืนต้องขอขอบคุณหลายฝ่ายที่ช่วยเหลือนำเงินส่วนนี้กลับมาได้) ตอนนั้นในใจก็หวั่น ๆ คิดว่าเค้าจะโกงเราไหม แต่เรามีเอกสารทุกอย่าง รอเวลาครบสัญญาเราค่อยถอนหุ้นคืน
พอครบสัญญา ผมได้ทวงถามเค้า ว่าจะถอนหุ้นคืน เนื่องจากเงินเก็บผมร่อยหรอลงทุกวัน แต่ก็โดนขอร้องว่ารอให้ บริษัทเค้า ถึงสองปีก่อนได้ไหม เค้ามีปัญหา จะเอาบริษัทไปกู้เงินและถ้ากู้ได้จะนำมาคืนผม เหมือนบริษัทจะไม่ได้กำไรอย่างที่คิด พอถึงเวลา เค้าไม่คืนบอกกู้ไม่ได้ ไม่มีเงิน ช่วงนั้นมีคนหาข้อมูลว่าผมไม่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนในบริษัทนี้!!
ยอมรับผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายแพ่งเท่าไหร่เลย ผมพยายามปรึกษาทนายในอินเตอร์เน็ต ไม่อยากขึ้นศาล ก็แค่อยากได้เงินคืน แต่ก็ได้รับการตอบรับประมาณว่า ถ้าไม่อยากขึ้นศาลก็ไม่ต้องฟ้องเค้า จนในที่สุดผมไปโรงพักเพื่อจะฟ้องร้องและปรึกษากับตำรวจ ได้รับคำแนะนำกับตำรวจว่าให้พาเค้ามาด้วย แล้วไกล่เกลี่ยกัน ถ้าให้เค้ามาเซ็นยินยอมรับสภาพหนี้ ก็จะมีผล 10 ปี ผมเลยกลับไปใหม่ แล้วพยายามติดต่อเค้าเค้ายินยอมมาเจอที่โรงพัก โดยบอกว่าจะผ่อนให้ผมเดือนละ 10,000 บาท ผมถามด้วยความแน่ใจว่ามีให้แน่หรือ? แต่เค้าก็มั่นใจ พร้อมค่าเสียเวลา รวมทั้งหมด 120,000 ลงลายมือชื่อในหนังสือยอมรับสภาพหนี้ พร้อมลงบันทึกประจำวัน โดยผมหารู้ไม่ว่าผมได้ทำเรื่องโง่ ๆ ไปอีกหนึ่งเรื่อง คือ เรื่องให้เค้ายอมมาเซ็นต์ยอมความนี่ล่ะ ทำให้เอาผิดทางอาญาฉ้อโกงกับเค้าไม่ได้ แต่ผมคิดว่ามาถึงโรงพัก ตำรวจก็น่าจะจะทำให้เค้ายอมคืนเงินผมได้ แต่ไม่ใช่เลย เป็นการประนอมหนี้ ทำให้ฟ้องอาญาไม่ได้ (ทนายผมบอกแบบนี้)
พอถึงกำหนดวันที่ 10 ตุลาคม 2560 สรุปเค้าก็ไม่โอน ไม่จ่าย ก็ทวงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุด ยอมจ่าย และยืนยันว่าจ่ายแน่นอน แล้วก็จ่ายจริง ๆ คือ จ่ายมาเพียง 3,000 บาท ต่อจากนั้นก็ไม่จ่ายอีกเลย
จนมีทนายมาช่วยแบบจริง ๆ จัง ๆ และทำเรื่องต่อศาล พอถึงเวลานัดไกล่เกลี่ยที่ศาล เค้าไม่มา ทนายแจ้งผมว่า เราต้องสืบทรัพย์เค้าว่าเค้ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เงินของเราคืนมา โดยทนายบอกว่าผมจะไปสืบทรัพย์จากเค้า แล้วเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบ เวลาผ่านไป ผมติดต่อทนาย ทนายบอกว่าเค้าไม่มีทรัพย์สินที่เป็นชื่อของเค้าเลย ทั้งรถ ทั้งบ้าน ทำให้เราไม่สามารถยึดทรัพย์สินอะไรจากเค้าได้สักอย่าง
ตอนนี้เค้ายังอยู่ดี มีความสุข เปลี่ยนงานขายของออนไลน์ เครื่องสำอาง ยาลดน้ำหนัก สบู่หน้าใส แล้วไปดูสถานะทางเฟซบุ๊ค เค้ายังใช้เงินฟุ่มเฟือย ไปเที่ยวต่างประเทศ กินสตาร์บั๊ค ซื้อ Rolex มีรถขับ ฯลฯ
ตอนนี้ผมรู้สึก ท้อแท้ และสิ้นหวังกับ กฎหมายไทย ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี เหมือนกฎหมายเอื้อให้คนทำความผิดลอยนวล ผมยังไม่รู้หรือกฎหมายดีพอ จึงมาขอคำปรึกษาด้วยครับว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
ขอขอบพระคุณทุกความคิดเห็นและผู้ให้คำปรึกษาล่วงหน้า
ขอบพระคุณครับ