“สมชัย” เผย คนไทยต่างแดน สนใจการเมืองไทย อยากรู้จะมีเลือกตั้งหรือไม่ – อนาคตประเทศเป็นอย่างไร
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาว่า ตนได้มีโอกาสคุยกับนักเรียนและคนไทยใน Palo Alto ประมาณ 15 คน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศไทย โดยทุกคนสนใจอยากจะรู้ถึงสิ่งที่เป็นไปในบ้านเมือง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของประเทศไทย เราใช้เวลาคุยกันถึงสามชั่วโมงครึ่ง โดยไม่มีบรรยากาศเบื่อหน่าย ทั้งพูดคุย ทั้งแลกเปลี่ยน ทั้งป้อนคำถามเชิงลึกให้คิดวิเคราะห์ และฟังความตอบจากตนอย่างตรงไปตรงมา หลายคำตอบเป็นคำตอบที่ตนเพิ่งคุยกับเด็กเหล่านี้เป็นครั้งแรก เช่น คิดว่าเมืองไทยจะมีเลือกตั้งหรือไม่ จะมีเมื่อใด ใครจะเป็นฝ่ายชนะ และจะเกิดอะไรขึ้นกับไทยภายหลังเลือกตั้ง
นายสมชัย ระบุต่อว่า ตนให้ Scenario 3 แบบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยหลังการเลือกตั้ง จากดีสุด ปานกลาง จนถึงเลวร้ายสุด จากนั้นมีคำถามกลับมาว่าตนคิดอย่างไร น่าจะเป็นไปในสถานการณ์แบบไหน คำตอบที่ตนให้แก่เขาคือ สถานการณ์ที่หนึ่งซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด ซึ่งน่าจะสร้างความพอใจให้กับเด็กกลุ่มนี้ แต่กลับกลายว่าเสียงอื้ออึงจากเด็กในระดับมันสมองที่เป็นอนาคตของชาติคือ ทำไมยังเลวร้ายเช่นนี้ แปลว่า แม้สถานการณ์ที่ตนประเมินว่าดีสุดในสายตาคนรุ่นตน กลับเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายในสายตาของเด็กเหล่านี้
“การที่อยู่ในอเมริกามานาน การที่พบเห็นวัฒนธรรมทางการเมืองแบบตะวันตก การที่เห็นความรับผิดชอบทางการเมืองของคนรุ่นปัจจุบันในประเทศนี้ เมื่อเขากลับไปเปรียบเทียบกับประเทศไทยที่สงวนการปกครองไว้กับกลุ่มผู้มีอำนาจและสร้างกฎเกณฑ์กติกาที่รองรับสืบทอดการมีอำนาจของตนและพวกพ้อง มองเห็น tactics ทางการเมืองที่วางหมากต่างๆไว้เพื่อเดินในอนาคต ทำให้เด็กกลุ่มนี้รู้สึกว้าเหว่ และไม่เห็นทางออกของประเทศ แม้จะมีคำปลอบโยนจากผมว่า การเปลี่ยนแปลงพัฒนาการต่างๆต้องใช้เวลา เราอาจต้องให้สังคมไทยได้ค่อยๆเรียนรู้และปรับตัวในทางที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่คำตอบที่เขาพอใจ” อดีตกกต. ระบุ
นายสมชัย ทิ้งท้ายว่า คนรุ่นใหม่ มิใช่จะละเลยไม่สนใจกับการเมือง คนไทยในต่างประเทศมิใช่ไม่คิดถึงประเทศไทย แต่พฤติกรรมของผู้ใหญ่ในประเทศต่างหากที่ผลักไสให้เด็กเหล่านี้เหินห่างและแปลกแยกตนเองออกไปจากเมืองไทย ดังนั้นต้องย้อนถามว่า ผู้ใหญ่ในประเทศเปิดโอกาสอะไรให้กับเด็กบ้าง มีความหวังอะไรที่ให้เขารู้สึกว่าถ้าเขากลับมาไทยแล้วจะช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง หรือได้แต่ก้มหน้าทำงานภายใต้ระบบที่เลวร้ายซึ่งผู้ใหญ่สร้างขึ้น และรอจนกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และถูกกลมกลืนกับวัฒนธรรมเดิมกลายเป็นผู้ใหญ่แบบผู้ใหญ่ในปัจจุบันอีก
JJNY : อดีตกกต.คุยการเมืองนศ.ไทยในสหรัฐฯ ยัน คนรุ่นใหม่สนใจการเมือง ห่วงอนาคตประเทศ
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาว่า ตนได้มีโอกาสคุยกับนักเรียนและคนไทยใน Palo Alto ประมาณ 15 คน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศไทย โดยทุกคนสนใจอยากจะรู้ถึงสิ่งที่เป็นไปในบ้านเมือง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของประเทศไทย เราใช้เวลาคุยกันถึงสามชั่วโมงครึ่ง โดยไม่มีบรรยากาศเบื่อหน่าย ทั้งพูดคุย ทั้งแลกเปลี่ยน ทั้งป้อนคำถามเชิงลึกให้คิดวิเคราะห์ และฟังความตอบจากตนอย่างตรงไปตรงมา หลายคำตอบเป็นคำตอบที่ตนเพิ่งคุยกับเด็กเหล่านี้เป็นครั้งแรก เช่น คิดว่าเมืองไทยจะมีเลือกตั้งหรือไม่ จะมีเมื่อใด ใครจะเป็นฝ่ายชนะ และจะเกิดอะไรขึ้นกับไทยภายหลังเลือกตั้ง
นายสมชัย ระบุต่อว่า ตนให้ Scenario 3 แบบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยหลังการเลือกตั้ง จากดีสุด ปานกลาง จนถึงเลวร้ายสุด จากนั้นมีคำถามกลับมาว่าตนคิดอย่างไร น่าจะเป็นไปในสถานการณ์แบบไหน คำตอบที่ตนให้แก่เขาคือ สถานการณ์ที่หนึ่งซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด ซึ่งน่าจะสร้างความพอใจให้กับเด็กกลุ่มนี้ แต่กลับกลายว่าเสียงอื้ออึงจากเด็กในระดับมันสมองที่เป็นอนาคตของชาติคือ ทำไมยังเลวร้ายเช่นนี้ แปลว่า แม้สถานการณ์ที่ตนประเมินว่าดีสุดในสายตาคนรุ่นตน กลับเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายในสายตาของเด็กเหล่านี้
“การที่อยู่ในอเมริกามานาน การที่พบเห็นวัฒนธรรมทางการเมืองแบบตะวันตก การที่เห็นความรับผิดชอบทางการเมืองของคนรุ่นปัจจุบันในประเทศนี้ เมื่อเขากลับไปเปรียบเทียบกับประเทศไทยที่สงวนการปกครองไว้กับกลุ่มผู้มีอำนาจและสร้างกฎเกณฑ์กติกาที่รองรับสืบทอดการมีอำนาจของตนและพวกพ้อง มองเห็น tactics ทางการเมืองที่วางหมากต่างๆไว้เพื่อเดินในอนาคต ทำให้เด็กกลุ่มนี้รู้สึกว้าเหว่ และไม่เห็นทางออกของประเทศ แม้จะมีคำปลอบโยนจากผมว่า การเปลี่ยนแปลงพัฒนาการต่างๆต้องใช้เวลา เราอาจต้องให้สังคมไทยได้ค่อยๆเรียนรู้และปรับตัวในทางที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่คำตอบที่เขาพอใจ” อดีตกกต. ระบุ
นายสมชัย ทิ้งท้ายว่า คนรุ่นใหม่ มิใช่จะละเลยไม่สนใจกับการเมือง คนไทยในต่างประเทศมิใช่ไม่คิดถึงประเทศไทย แต่พฤติกรรมของผู้ใหญ่ในประเทศต่างหากที่ผลักไสให้เด็กเหล่านี้เหินห่างและแปลกแยกตนเองออกไปจากเมืองไทย ดังนั้นต้องย้อนถามว่า ผู้ใหญ่ในประเทศเปิดโอกาสอะไรให้กับเด็กบ้าง มีความหวังอะไรที่ให้เขารู้สึกว่าถ้าเขากลับมาไทยแล้วจะช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง หรือได้แต่ก้มหน้าทำงานภายใต้ระบบที่เลวร้ายซึ่งผู้ใหญ่สร้างขึ้น และรอจนกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และถูกกลมกลืนกับวัฒนธรรมเดิมกลายเป็นผู้ใหญ่แบบผู้ใหญ่ในปัจจุบันอีก